svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดใจ "พล.อ.ประยุทธ์" ในวันที่พี่น้อง 2 ป. ตกลงแยกกันเดินทางการเมือง

02 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รายการเนชั่นสุดสัปดาห์ กับ 3 บก. สัมภาษณ์เปิดใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่พี่น้อง 2 ป. ตกลงแยกกันเดินทางการเมือง รวมถึงอีกหลากคำถามที่หลายคนอยากทราบ

2 พฤษภาคม 2566 รายการเนชั่นสุดสัปดาห์ กับ 3 บก. ประกอบด้วย นายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายวีระศักดิ์ พงษ์อักษร บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และ นายบากบั่น บุญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ

เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ไปทั่วทุกภาค กระแสตอบรับดีขึ้นพอสมควร ต้องขอบคุณคนในพื้นที่ และสื่อโซเชียลต่างๆที่ให้ความสนใจ เพราะเราเป็นพรรคใหม่ที่ผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า รุ่นกลาง รุ่นใหม่ ยอมรับว่า การเป็นพรรคใหม่ก็ค่อนข้างยาก ซึ่งหลายพรรคมีความมั่นคงมายาวนาน แต่ก็จะพยายามต่อไป ส่วนการลงพื้นที่ถ้าเทียบกับปี 2562 ต่างกันอย่างไรตอบไม่ได้ เพราะตอนนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการ แต่ตอนท้ายตนก็ลงไปเยี่ยมพื้นที่ต่างๆ บ้าง เมื่อประชาชนเห็นหน้าก็พึงพอใจ ประกอบกับกระแสพรรคตอนนั้นก็ดี “ลุงป้อม” ทำไว้ดี

สำหรับปัจจุบันมองว่ามีคน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อยากร่วมมือ หรือกลุ่มที่อยากทำอย่างที่เราออกแบบไว้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงให้เร็วและเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้น่าเป็นห่วง เพราะบางอย่างทำได้ ทำไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ประชาชนต้องคิดให้ดี การทำอะไรต่างๆเร็วเกินไปก็มีผลเสีย คงต้องฝากคนทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งคนที่มีอายุก็จะเข้าใจหลักเกณฑ์ หลักการหลายอย่าง เพราะมีประสบการณ์ เข้าใจการทำงานแบบนี้ว่า ต้องใช้เวลาและระมัดระวัง รอบคอบ เพื่อความมั่นคงและยั่งยืน

ส่วนเด็กๆ วันนี้หลายคน ก็จำไม่ได้ว่าประเทศชาติเคยเป็นอย่างไงมาก่อน พอโตมา ก็เห็นเทคโนโลยีแล้ว เจอความทันสมัยแล้วอย่างรถไฟฟ้า เขาจึงคิดว่าต้องทำให้เร็วกว่านี้ แต่ลืมนึกไปถึงเรื่องระเบียบ กติกา เหมือนวัยรุ่นใจร้อน แต่ตนก็ยินดีรับฟังทุกช่องทางการสื่อสาร แต่ก็อยากให้ใคร่ครวญคิด ให้ช้าลงสักนิด แล้วอยากให้ย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่ได้มาวันนี้ ต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะได้มา บางเรื่องใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะได้มา

ตนรู้ว่าทุกคนหวังดีกับประเทศตนเป็นนายกฯ ก็ต้องไม่ไปทะเลาะกับใคร ส่วนความขัดแย้งจะเกิดอีกหรือไม่ ตนทำนายไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่จริงๆก็เป็นแบบนี้มา 20 ปีแล้ว ปัจจุบันก็มีการปลุกเร้าในโซเชียลขึ้นมา ซึ่งความคิดคนควบคุมไม่ได้ แต่เราต้องแสดงความจริงใจให้เห็น สามารถชี้แจงตอบคำถามได้ แต่อย่าขัดแย้งกัน

เมื่อถามว่า ตอนนี้แบ่งเป็น 2 ขั้วคือ ขั้ว 2 ลุง ลุงตู่-ลุงป้อม อีกขั้วคือเพื่อไทย ก้าวไกล พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า ตอนนี้ก็พูดกันไปพูดกันมา ท้ายสุดให้ดูการเลือกตั้งแล้วกันว่า จะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างที่พูดหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ใครพูดอะไรก็ถูกบันทึกไว้หมดแล้ว ดังนั้นตนไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้ ยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขในการรวมพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล เพราะตนคาดว่าการเลือกตั้งคะแนนจะแตกต่างมากพอสมควร ก็ต้องไปดูว่าอะไรที่ตรงกัน หรือทำร่วมกันได้ เราก็ร่วมมือกัน

พล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกด้วยว่า ฝั่งเขา (ก้าวไกล) ประกาศแล้วว่า ไม่มากับตน ก็ไม่ต้องมา ตอนนี้ก็รอดูช่วงโค้งสุดท้ายก่อน เพราะกระแสคนตรงกลาง พลังเงียบเฉียบขาดก็มีอยู่ และเขายังไม่ตัดสินใจ ก็ขอฝากให้ครั้งนี้ช่วยกันออกมาเลือกตั้งกว่า 90 % ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหนตนก็รับได้ เพราะถ้าตนไม่อยู่ พรรคก็ยังอยู่ ส.ส.ก็ต้องมี ก็รัฐมนตรีก็ยังอยู่ แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ หรือ ส.ส. ผมก็ยังมีโอกาสช่วยเขาอยู่ได้ วันนี้สำคัญที่สุดคือ ให้ประเทศชาติไปข้างหน้าได้ก่อน อย่ามัวมาติดกันหยุดตรงนี้เลย

เมื่อถามว่า บัตรลุงตู่ทำแล้ว โครงสร้างพื้นฐานอะไรก็ทำ แล้วทำไมความเชื่อมั่นลุงตู่ถึงลดลง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกอย่างมีคนชอบ-ไม่ชอบ เป็นการดำเนินการทางการเมืองที่มีคนกลุ่มใหม่ขึ้นมา ก็อยากถามกลับเหมือนกันว่า ทำดีเกินไปหรือเปล่า แล้วคุณทำอะไรบ้างหรือยัง ตนทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ แต่พวกคุณเคยทำอะไรบ้างหรือยัง วิธีการทำอย่างไร ยังไม่รู้วิธีการเลย

วันนี้คนอ่านหนังสือน้อยลง คนไทยไถแต่โทรศัพท์ แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ ก็ต้องสอนว่า ทุกอย่างไม่ได้มาง่ายๆ แบบนี้ ถ้าเขารู้ว่ารถไฟสายต่างๆกว่าจะได้มาเป็นอย่างไร ต้องมีการวางแผน ศึกษาความเป็นไปได้ หาทุน ร่วมทุน กฎหมายร่วมทุน หาสถานที่เวนคืนที่ กว่าจะได้มาใช้เวลา 8 ปี

เมื่อถามว่า เคยประเมินหรือไม่ว่า ความนิยมที่เคยมีคะแนนสูง ค่อยๆลดลง เป็นเพราะคนเบื่อที่เราอยู่นาน 8-9 ปี หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่นาน แต่อีกประเด็นคือ คนอีกกลุ่มที่มาเดินแบบนี้ คนที่เคยต่อต้าน ไม่เห็นด้วย ก็ไม่มีขนาดนี้ ปัจจุบันเป็นการจัดตั้งหรือไม่ ตนก็ไม่แน่ใจ ขออย่าทำเลย หันกลับมาร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองดีกว่า ทำให้บ้านเมืองมีความสุข มีรอยยิ้ม เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป วันข้างหน้าคิดหรือว่าจะบริหารได้ ในเมื่อมีทั้งคนเบื่อและไม่เบื่อ ทำไปทำมาจะกลายเป็นเบื่อทุกคน ถ้าคนไทยเบื่อหน้ากันทั้งประเทศแล้วจะทำยังไง

“คำว่าอยู่นานของผม บางทีก็อย่างที่เขาบอก อาจมีบุคลิกที่เป็นทหารมาก่อน หลายคนอาจจะไม่ชอบทหารบ้าง ก็เรื่องของเขา แต่ผมก็คือตัวตนของผม ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นนายกฯไม่ควรเป็นอย่างนี้ แต่เวลาทำงานผมซีเรียส แต่บางเวลาผมก็ไม่ได้ตลกอะไรมากมาย เป็นคนมีอารมณ์ขัน แต่ก่อนชอบหัวเราะกับเพื่อน เป็น ผบ.ทบ.ก็ยังตลก ให้ลูกน้องฟังเวลาประชุมกัน ไม่งั้นก็หลับหมด เวลาว่างที่ผมอยู่กับเพื่อน เจอเพื่อนสนิท เจอประชาชนเวลาไปหาเสียง ผมก็ตลกกับเขา ให้เห็นอีกบทบาทหนึ่ง ผมเป็นลุงก็ได้ เป็นพี่ก็ได้ ผมคิดเดี๋ยวนั้น ในเมื่อเบื่อลุง ก็รักพี่แทน”

ส่วนผลโพล ทำไมความนิยมภาคใต้ สูงมาก มองอย่างไรและเพราะอะไร พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยู่มาหลายปีสังเกตว่าประชาชนแต่ละภาคเป็นอย่างไร ภาคใต้ก็ต้องชื่นชมเพราะเขาชอบการเมือง พูดจาติดตามข่าวสารคุยกันทั้งวัน พอเราไปคุยเขาก็รู้เรื่องเพราะมีฐานข้อมูล แต่ภาคอื่นอาจจะน้อย อาจไม่ค่อยได้คุยกัน อาจจะเสพสื่อจากโซเชียลทั้งหมด ก็อาจจะเป็นปัญหาว่า ความคิดไปกันไม่ได้ แต่ตนไม่ได้เน้นไปที่ภาคใต้ เพราะที่อื่นก็ไปมาแล้ว ตนทำให้แต่ละภาคมากนะ ถึงแม้จะชอบ-ไม่ชอบ ตนก็ทำให้ทุกจังหวัด

เมื่อถามว่า พรรคที่จะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล นอกจากจะได้เสียงจากภาคอีสาน เหนือ ใต้ แล้ว หัวใจสำคัญคือต้องชนะใน กทม. โค้งสุดท้าย 2 สัปดาห์ที่เหลือจะลุยอย่างไรให้ชนะ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องลงพื้นที่เอง ตอนนี้ให้ผู้รับผิดชอบช่วยขับเคลื่อน เพราะผู้สมัครทุกคนหน้าใหม่ ต้องหาคนมีประสบการณ์ลงไปเดินในพื้นที่ ช่วงนี้เอาชื่อตนไปหาเสียงก่อนแล้วกัน แล้วจะเพิ่มเติมให้อีกที

วันนี้ก็มีหลายช่องทางหาเสียง แต่ปัญหาคือ แต่ละพื้นที่มีเจ้าของอยู่แล้ว มีคนจองหมดแล้ว บางทีจองแล้วก็อาจมีคนที่รักเราออกมาเหมือนกัน ซึ่งก็คิดไว้ แต่ไม่ประเมินหลอกตัวเอง การเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ประชาชน ไม่ใช่เอามาต่อรอง ใครไม่ขอก็ต้องทำให้ บางโครงการ ส.ส. ไม่ได้ขอมา แต่ตนเห็นเองก็ทำให้ จะดูที่วัตถุประสงค์และความคุ้มค่า ตรงตามความต้องการของประชาชนหรือไม่ ตนบริหารแบบพุ่งเป้าว่า พื้นที่ไหนขาดอะไร แต่ถ้าให้ที่เดียวที่อื่นก็ไม่ได้

นอกจากนี้ได้เร่งทำเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือประชาชน แต่ที่สำคัญประชาชนก็ต้องช่วยตัวเองด้วย อยากให้แต่ละกลุ่มรวมตัวกัน รัฐบาลจะได้ช่วยตรง เพราะถ้าหว่านไปหมดก็หายหมด อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยอัตราว่างงานต่ำที่สุด ไม่ถึง 1 % แต่ก็ยังขาดแรงงานอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องของทักษะฝีมือ ซึ่งได้สั่งให้กระทรวงแรงงานดำเนินการแล้ว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรหลายพรรคการเมืองใช้นโยบายประชานิยมาหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนอาจจะหวังดี อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศเร็วขึ้น แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างมีระยะเวลาและขั้นตอนดำเนินการอยู่ ระเบียบกฎหมายก็มี หลายคนออกมาพูดว่าการประชุมครั้งแรกจะลดอย่างนี้อย่างนั้น จะเปลี่ยนอย่างนี้อย่างนั้นทันที สิ่งที่สั่งยุบทุกวันสั่งได้ แต่ที่สั่งวันนี้อีก 10 ปีก็ทำไม่ได้ เพราะที่พูดกันก็ไม่ได้พูดถึงหลักการ เพราะไม่มีประสบการณ์พอสมควร ซึ่งการบริหารภาครัฐไม่ใช่แบบนั้น มีรายละเอียดมากกว่านั้น

เมื่อถามว่า เจอกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ล่าสุดเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อสงกรานต์ตนก็ไปกราบ แต่ไม่คุยการเมือง เพราะต่างคนต่างรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลา หลังเลือกตั้งเดี๋ยวก็มีคนคุยมากกว่า 2 คนอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่า เคยได้สัมภาษณ์พล.อ.ประวิตร บอกว่าหากใครได้เสียงมากกว่าให้คนนั้นจัดตั้งรัฐบาล เรื่องนี้จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้คุยกับตนโดยตรง แต่พูดในที่ที่มีหลายคนนั่งอยู่ คือพูดให้ได้ยิน ก็เอาตามสบายใจ อะไรเกิดขึ้นก็ได้ ไม่รู้

เมื่อถามย้ำว่า แล้วจุดยืนของพล.อ.ประยุทธ์ ใครได้คะแนนเสียงมาก คนนั้นก็จัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เอ้อ ผมเห็นข่าวช่องไหนไม่รู้ มันมีอีกหลายสูตรนะ มีพรรคร่วมอีกด้วย แล้วถ้าเขารวมกันได้มากกว่าก็พร้อมเสนอใครก็ได้ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ”

ถามต่อว่า หลักคิดของพล.อ.ประยุทธ์ คือถ้าใครได้เสียงข้างมาก คนนั้นควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อันนี้ผมพูดเฉพาะกับพี่ป้อม 2 คน เพราะพี่ป้อมท่านว่า ท่านก็พร้อมเป็นนายกฯ  แล้วในพรรคก่อนหน้านี้ที่ผมออกมา ส.ส.ก็มีนายกฯ ในใจ 2 คน ผมก็เลยถึงเวลาของพี่ก็เชิญตามสบาย ผมก็ออกมาเอง”

เมื่อถามย้ำว่า พูดกับพล.อ.ประวิตร อย่างนี้เลยหรือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เปล่าสิ (หัวเราะ) แหมพูดกับพี่ก็พูดคนละอย่างสิ ผมพูดเรียบร้อยว่า ถ้าพี่พร้อมจะเป็นจะได้สบายใจ เพราะคนในพรรคสนับสนุน 2 คน ผมด้วยพี่ป้อมด้วยอะไรทำนองนี้ เพื่อความสบายใจผมออกเลยแล้วกัน ก็แค่นั้น ก็จบ”

เมื่อถามถึง ทักษิณ ชินวัตร ได้หลาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีด้วย ส่วนที่อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ตนก็พูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้ขัดข้อง กลับมาก็เข้าสู่กระบวนการ ตนไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว

logoline