8 พรรคการเมือง ประชันวิสัยทัศน์ "อนาคตประเทศไทยในมือคนรุ่นใหม่"

28 เมษายน 2566 ณ ลานด้านหน้า หอศิลปกรุงเทพฯ (BACC) สปริงนิวส์และโพสต์ทูเดย์ เปิดเวทีให้ "คนรุ่นใหม่ถาม นักการเมืองตอบ NEW GEN VOTE อนาคตประเทศไทยในมือคนรุ่นใหม่" โดยมีผู้สมัคร ส.ส. และผู้แทนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ประกอบด้วย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพงศกร ขวัญเมือง ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์

นายนรุตม์ชัย บุนนาค ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคไทยสร้างไทย นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ และทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ และ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยน (นอท กองสลากพลัส)

 

ทั้งนี้ มีนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ตั้งคำถาม แล้วใช้วงล้อหมุนเลือกผู้แทนพรรคการเมืองตอบ โดยคำถามมีหลากหลายและน่าสนใจ อาทิ "พรรคการเมืองมีแนวคิดหรือนโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรีอย่างไร และจะยุบกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. หรือไม่"

โดย นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนา เชื่อว่าสิทธิในการเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรีเป็นสิ่งสำคัญ และมองว่าถ้าจะยุบ กยศ. ตอนนี้จะมีหลายคนเดือดร้อน ดังนั้นต้องหาวิธีให้น้อง ๆ มีรายได้ระหว่างเรียน ควบคู่ไปกับการทำงาน จะได้ใช้ทักษะตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพราะต่างประเทศก็เป็นแบบนี้ คือนอกจากจะมีรายได้แล้วยังได้ประสบการณ์ในการทำงาน



ขณะที่ นายนรุตม์ชัย กล่าวว่า การไม่ยุบ กยศ. ถูกต้องแล้ว เพราะบางคนต้องใช้ กยศ. ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยมองว่า เด็กทุกคน ควรได้เรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี และตัดประเด็นที่ไม่จำเป็นออกไป 3-4 ปี เพราะมีหลายวิชาที่เรียนไปแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ควรตัดเวลาเรียนให้สั้นลง เท่ากับจะจบปริญญาตรีตอนอายุ 18 ปี ที่ต้องรีบเรียนให้จบเร็วจะได้มาทำงาน เพื่อมีประสบการณ์ นำรายได้มาจุนเจือครอบครัว และระหว่างที่เรียนอยากให้ได้เรียนในสิ่งที่ต้องใช้ในอนาคต

ถัดมา "เป็นเรื่องการวางผังเมือง ปริมาณพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนสาธารณะ ปริมาณของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นสถานที่ให้ความรู้เฉพาะทางแก่กลุ่มคน มีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประชากรในประเทศ พรรคการเมืองมีนโยบายอย่างไร"

โดย นายวรนัยน์ กล่าวว่า ตึกและห้างที่ใหญ่โต ไม่ได้วางเพื่อประชาชน แต่วางเพื่อให้นายทุนทำเงิน จึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ก่อน กรุงเทพฯ หรือประเทศไทย ไม่ใช่ของทุนใหญ่ ไม่ใช่ของทหาร แต่เป็นของประชาชน ถ้าเรามีวิสัยทัศน์แล้วก็จะมองเห็นที่ว่างที่รกร้าง หรือที่ของรัฐบาล และ กทม. ให้เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวได้ บนหลังคาบ้านทุกตึกทุกหลังสามารถใช้เทคโนโลยีทำเป็นพื้นที่สีเขียวได้คือ Green rooftop และทำ Solar rooftop ได้อีก แก้ปัญหาค่าไฟแพง

ส่วน นายวราวุธ กล่าวว่า เราควรมีการออกกฎหมายว่า ถ้าสร้างตึกต้องมีพื้นที่สีเขียวไม่ต่ำกว่า 30 หรือ 40% เมื่อก่อนสิงคโปร์ทำโครงการ garden in the city  แต่วันนี้เพิ่มปริมาณต้นไม้จนเป็น city in the garden กรุงเทพฯ ทำงานไม่ยาก เราทำให้ตึกต่าง ๆ มีต้นไม้มากขึ้นได้ อย่ามองว่าการปลูกต้นไม้ การมีพื้นที่สีเขียวเป็นภาระทางการลงทุน แต่จะกลายเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจ เพราะในยุโรปและอเมริกา คอนโดติดอยู่กับสวน มีราคาแพงกว่า คอนโดที่ติดกับตึกด้วยกัน ดังนั้นกรุงเทพฯมีศักยภาพมากมาย ควรทำตึกต่างๆ ด้วยการเพิ่มที่พื้นที่สีเขียวเข้าไป และต้องมีการกำหนดผังเมืองที่ดี



จากนั้น คำถามต่อไปคือ "กรุงเทพฯ คือแหล่งหารายได้ หาโอกาสของคนต่างจังหวัด คนจึงแห่เข้ามาหางานในกรุงเทพฯ จนต่างจังหวัดขาดบุคลากรในการทำงาน พรรคการเมืองมีนโยบายหรือความเห็นอย่างไรที่จะทำให้พื้นที่ต่างจังหวัดเป็นแหล่งที่สามารถหารายได้ หาโอกาสได้เท่ากับกรุงเทพฯ"

โดย นายนรุตม์ชัย กล่าวว่า ต้องมีการกระจายอำนาจ เพราะทุกวันนี้แหล่งความเจริญทั้งหมดกระจุกอยู่ที่กรุงเทพฯ ทุกคนที่อยู่ในต่างจังหวัด ต้องเข้ามาเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดี ขึ้นถ้าสามารถกระจายอำนาจไปสู่ต่างจังหวัดได้ คนเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามา และภาครัฐควรสนับสนุนให้หลายจังหวัดมีความเจริญมากกว่าเดิม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย ก็มองว่าอยากผลักดัน จ.ภูเก็ต ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิตมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคมนาคมเชื่อมต่อ พัฒนาการท่องเที่ยว ถ้าทำได้จะลดจำนวนคนต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ และคนเหล่านี้ก็จะภาคภูมิใจในจังหวัดของตัวเอง

ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวทางนี้แน่นอน เพราะประกาศชัดเจนว่าจะสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ใน 4 ภาคของประเทศ ทั้งกรุงเทพฯ หาดใหญ่ ขอนแก่น และเชียงใหม่ กระจายเรื่องของสนามบิน โดยปรับให้เป็นสนามบินนานาชาติรองรับการท่องเที่ยวไม่ต้องกระจุกตัวแค่สุวรรณภูมิ และจะเชื่อมต่อ เขตเศรษฐกิจใหม่ ด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง เพื่อระบบการขนส่ง การกระจายความเจริญในมิติทางด้านเศรษฐกิจ และการกระจายอำนาจในจังหวัดที่มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต ที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยตรง ถ้าทำแบบนี้จังหวัดจะไม่ถูกครอบงำจากกระทรวงมหาดไทยและส่วนกลาง ผู้ว่าฯ จะได้ยึดโยงกับการพัฒนาพื้นที่ แผนพัฒนาจะถูกตอบรับโดยประชาชน ถึงเวลาการกระจายความเจริญแล้ว

ต่อคำถาม "นโยบายของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ จะปฏิรูปทหารอย่างไร และทำให้วัยรุ่นมองทหารดีขึ้น"

โดย นายสิทธิพล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ อย่างน้อย 4 เรื่องที่ต้องทำ คือ

1. เอาทหารออกจากการเมืองให้ได้ โดยการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ

2. ปฏิรูประบบการเกณฑ์ทหาร ยืนยันว่าทหารยังจำเป็น เป็นอาชีพที่มีเกียรติ แต่ต้องปฏิรูประบบเกณฑ์ทหารให้เป็นระบบสมัครใจ เพราะเชื่อว่าถ้าลดขนาดกองทัพลง เพิ่มสวัสดิการให้ดีขึ้น รายได้ดีขึ้น มีวิธีการประกอบอาชีพที่ชัดเจน ในอนาคตจะทำให้คนอยากสมัครเป็นทหาร แล้วก็กลายเป็นอาชีพที่มีเกียรติ

3. ทหารต้องอยู่ภายใต้พลเรือน ต้องยกเลิกสภากลาโหม จำเป็นต้องให้รัฐบาลจากประชาชนมีอำนาจเด็ดขาดในการกำหนดทิศทางหรือนโยบายของกองทัพ

4. ทวงคืนธุรกิจกองทัพ เช่น สนามกอล์ฟ สนามมวย ให้กลับมาเป็นของประชาชน เพราะกองทัพมีธุรกิจหลายอย่างที่อาจไม่เกี่ยวกับความมั่นคง สิ่งต่างๆ เหล่านี้พรรคก้าวไกลเรียกร้องมาตลอดว่าทหารหรือกองทัพ ต้องนำกลับมาสู่ประชาชน เลือกก้าวไกล กองทัพไทยไม่เหมือนเดิม

ขณะที่ นายพันธ์ธวัช กล่าวว่า ถ้าจะปฏิรูปทหาร วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เอาทหารออกจากการเมืองก่อน ที่ชิบหายอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะทหารวนเวียนอยู่กับการเมืองไทยมา 90 ปี ธุรกิจเกณฑ์ทหารทำเงินดีมาก เริ่มตั้งแต่การเข้าเกณฑ์ทหาร สัสดีได้อย่างต่ำ 40,000 บาทขึ้นไป อีกทั้งยังมีเรื่องเสื้อผ้า รองเท้า กางเกงใน ล้วนมีค่าคอมมิชชั่นหมด ถ้าไม่เป็นทหารออกมาข้างนอกก็เอาเงินเดือนให้นายได้อีก แต่ถ้ายังออกมาไม่ได้ อยู่ข้างในเป็นทหารรับใช้ก็ได้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากทำมากที่สุดคือ ทำทหารให้เท่ห์กว่านี้ ทำให้ทุกคนอยากเข้าไปทำให้อาชีพทหารมีเกียรติ ไม่โดนด่าเหมือนทุกวันนี้ ให้เลิกมีคำถามว่ามีทหารไว้ทำไม แต่อยากให้ทุกคนเข้าไปเป็นทหารด้วยความสมัครใจ และเอาทหารออกจากการเมือง เลือกตั้งรอบนี้ก็ต้องฝากประชาชนว่า อย่าเลือกเอาพรรคทหารกลับมา ขอให้เลือกคนธรรมดา



นอกจากนี้ ยังมีคำถามเกี่ยวกับ "นโยบายหรือสวัสดิการที่สนับสนุนเด็กจบใหม่ หรือคนที่ทำอาชีพฟรีแลนซ์ อย่างไร"

โดย นายพงศกร กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เติมต้นทุนชีวิต ด้วยการเรียน 15 ปีมาแล้ว สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตอนนี้จะขยายให้ถึงปริญญาตรี และสามารถสร้างรายได้ระหว่างที่เรียน โดยจับมือกับภาคเอกชน ส่วนการลดรายจ่าย คือเรื่อง พ.ร.บ.กฎหมายตั๋วร่วมการเดินทาง โดยเฉพาะในส่วนของนักศึกษา ขณะที่การสร้างรายได้ ด้วยการเข้าถึงเงินทุน จบมาสามารถเป็น SME ได้ โดยจะมีกองทุน SME 3 แสนล้านบาท

ด้าน นายพงศ์พล กล่าวว่า คนจบใหม่ในปัจจุบันไม่ได้เน้นทำงานประจำ และมีหลายบทบาท พรรครวมไทยสร้างชาติมีนโยบายช่วยกลุ่มฟรีแลนซ์แบบนี้ หรืออาชีพอิสระ ด้วยนโยบายประกันสังคมฟรีแลนซ์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ก็มีประกันช่วยเหลือ โดยรัฐช่วยจ่าย 30-50% นอกจากนี้ยังมีนโยบายลดค่าครองชีพที่อยู่อาศัย ใกล้รถไฟฟ้า ด้วยราคาถูกสำหรับวัยรุ่นสร้างตัวโดยเฉพาะ เพราะมองว่าเมื่อทุกคนหักค่าใช้จ่ายแล้ว ควรจะเหลือเงิน 10,000 บาท เพื่อส่งให้ครอบครัวต่อได้