svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"คมชัดลึก"เปิดเวทีดีเบต นโยบายหมัดต่อหมัด "บัตรลุงตู่" VS "บัตรลุงป้อม"

22 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดนโยบายหาเสียง "พรรคการเมือง" ชู "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ลุงตู่ - ลุงป้อม เกทัพ บลัฟแหลก "รวมไทยสร้างชาติ" ปะทะ "พลังประชารัฐ"

"รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์  "ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ" รองหัวหน้า"พรรครวมไทยสร้างชาติ" และ "สันติ พร้อมพัฒน์" เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในการประชันวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะประเด็นที่มีการเกทับกันหนักหน่วงอยู่ตอนนี้ นั้นคือ บัตรสวัสดิการ

"วราวิทย์" สวัสดิการเดิมขึ้นอยู่กับรายได้ 200 ถึง 300 บาทพอมาเป็น 1000 ได้เท่ากันถ้วนหน้าไหมหรือขึ้นอยู่กับรายได้ของแต่ละคนว่าจะได้สูงสุดเท่าไหร่

"คมชัดลึก"เปิดเวทีดีเบต นโยบายหมัดต่อหมัด  "บัตรลุงตู่" VS "บัตรลุงป้อม"

"ธนกร" มันมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว หลักเกณฑ์เดิมก็คือว่า 1,000 บาทคือว่าสมัยก่อน 200 ถึง 300 แล้วก็มีค่าค่าโดยสาร 500-600 แยกก้อนไป เมื่อก่อนถ้าคุณไม่โดยสารจะไม่ได้ใช้เงินเลยกลับเข้าสู่หลวง แต่รวมไทยสร้างชาติ 1,000 บาทสามารถใช้ซื้อของก็ได้ ใช้ขึ้นรถก็ได้ใช้ได้หมด และบัตรใบเดียวเป็นหลักทรัพย์ในการกู้เงินยามฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท สมมติวันนี้ผมมี 1,000 บาทต่อเดือนแต่ว่าเวลาผมเกิดปัญหาฉุกเฉินผมใช้บัตรนี้เป็นหลักประกันในการกู้เงินได้อีก 10,000 บาทจากธนาคารออมสินแล้วผมก็ทยอยผ่อนเดือนละ 500 แล้ววันนี้ประชาชนคนเดียวบางท่าน เป็นผู้สูงอายุได้อีก 1,000 บางทีก็เป็นอสม.รวมแล้วบางคนได้ถึง 4,000 บาทต่อเดือน

"วราวิทย์" คือผู้สูงอายุเดิมเราก็แบ่งตามอายุ 60, 70, 80 ถ้วนหน้า

"ธนกร" แต่รอบนี้คือถ้วนหน้าทุกช่วงวัย 60 ปีขึ้นไปได้ 1,000 บาทหมด เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้"พลเอกประยุทธ์"ได้ดูแลผู้มีรายได้น้อยมาโดยตลอด 7-8 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนต้องคิดว่าอันนี้คือเราได้อยู่แล้ว แต่บางพรรคการเมืองไปเสนอในสิ่งที่ผมคิดว่าทำไม่ได้

"วราวิทย์" คุณสันติเอาเรื่องบัตรสวัสดิการของ"พลังประชารัฐ"จะมีรายละเอียดแตกต่างกันยังไงกับ"รวมไทยสร้างชาติ"บ้าง

"คมชัดลึก"เปิดเวทีดีเบต นโยบายหมัดต่อหมัด  "บัตรลุงตู่" VS "บัตรลุงป้อม"

"สันติ" จริงๆเรื่องบัตรประชารัฐหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกิดมาหลายปีแล้ว ผมเองในฐานะที่อยู่กระทรวงการคลังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและอีกหมวดหนึ่งของผมก็คือประธานคณะกรรมการบัตรประชารัฐ แล้วก็นโยบายต่างๆระเบียบกฏเกณฑ์ต่างๆ ผมเองร่วมกับคณะกรรมการเป็นคนกำหนด

"คมชัดลึก"เปิดเวทีดีเบต นโยบายหมัดต่อหมัด  "บัตรลุงตู่" VS "บัตรลุงป้อม"

อย่างเช่น ขณะนี้"บัตรประชารัฐ"หรือ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ได้ปรับกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยขึ้นให้ดีขึ้น ในฐานะที่ผมเป็นประธานเลยดูว่าคนที่มีรายได้น้อยมีจำนวนมากแล้วก็มีรายได้มากขึ้นอีก 10,000-20,000 ต่อปีมีจำนวนมาก เพราะฉะนั้น บัตรเก่าจะเริ่มที่ 200 แล้วก็ 300 บาท เพราะฉะนั้นหมดแล้วคนที่เข้าไปใช้บัตรในชุดใหม่ที่ได้รับสิทธิ์เราก็จ่าย 300 รวดเลยขณะนี้ ทีนี้ซ้ำ 300 บาท สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่มันเป็นอย่างนี้คำนึงแล้วดูแล้วไม่ค่อยจะพอที่จะจุนเจือให้ชีวิตสามารถที่จะดำเนินได้ในระดับนึง ก็เลยมีโครงการว่าตั้งแต่ต้นว่า 700 บาทแล้วก็มาเปิดให้ลงสมาชิกก็มีสมาชิกมาลงขอเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ 22,800,000 คน

จากการที่ได้ตรวจสอบเงื่อนไขกฎเกณฑ์ต่างๆแล้ว ปรากฏออกมาคนที่ได้รับแล้วขณะนี้ใช้อยู่ 14,500,000 คน ทาง"พรรคพลังประชารัฐ"ก็มองว่า 14,500,000 คนนี้ 300 บาทมันไม่สามารถ ก้าวข้ามความยากจนตามที่เราได้พยายามต้องการให้คนจนของประเทศให้เขาสามารถได้ผ่านความยากจน เลยคิดว่าเพิ่มเงินให้เป็น 700 เพื่อให้เขาเกิดความคล่องตัวขึ้นในระดับหนึ่ง

"วราวิทย์" ส่วนค่ารถค่าแก๊สที่ช่วยยังแยกกองเหมือนเดิมถูกไหมครับ

"สันติ" ใช่ครับ

"วราวิทย์" อันนี้จะเป็นส่วนที่ต่าง จาก"รวมไทยสร้างชาติ"ที่สลายกล่องนี้ มันถึงเป็นตัวเลขที่ต่างกันตรงนี้ แปลว่าจริงๆตัวเลขโดยรวมของ"พลังประชารัฐ"ไม่ได้ลดลงเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำเป็น 700 ที่ใช้อะไรก็ได้ และค่ารถ 1,500

"สันติ" ค่าโดยสารอะไรต่างๆสามารถใช้ได้ทั้งคนกรุงเทพฯคนต่างจังหวัดจะมีสิทธิ์เสมอภาคเพราะเราคำนึงถึงความเสมอภาคความเท่าเทียมเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นถ้าคนต่างจังหวัดเค้าไม่มีโอกาสได้ขึ้นรถโดยสารขึ้นรถแท็กซี่อะไรมากมายอย่างนี้ แต่กรุงเทพไหนจะขึ้นรถไฟฟ้า งั้นทางกระทรวงโดยผมเป็นประธาน   จึงพิจารณาว่าเพราะฉะนั้นคนกรุงเทพกับคนต่างจังหวัดจะได้เปรียบเสียเปรียบจึงร่วมกันซะเลยเดือนหนึ่งให้เปลี่ยนเป็น 1,500

"วราวิทย์" แต่ถ้ามองในเชิงตัวเลขเชิงจิตวิทยาเพราะทาง"รวมไทยสร้างชาติ" เสนอมา 1,000 บาทถ้าไม่ได้มาฟังรายละเอียดแบบนี้อาจจะไม่รู้ "รวมไทยสร้างชาติ"บอกว่าสลายกองเลยที่เคยแยกกองแล้วให้มา 1,000 บาท แต่"พลังประชารัฐ" ให้ 700 บาทก็จริง แต่ของเดิมที่เคยให้อยู่ค่ารถ ค่าแก๊ส ยังช่วยอยู่เหมือนเดิม ตัวเลขโดยรวมอาจจะไม่ได้ลดลงแต่ว่าในทางการหาเสียงจะมีปัญหาไหมว่านี่ 1,000 บาท นี่แค่ 700 บาทเท่านั้น

"สันติ" ต้องเรียนว่าวัตถุประสงค์ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอันนี้ นโยบายจริงๆเราไม่ได้คิดว่าบัตร สวัสดิการแห่งรัฐอันนี้เราจะช่วยเหลือดูแลให้คนจนกลุ่มนี้ 22,000,000 คนหรือ 14,500,000 คนจะให้เค้ามารับเงินอย่างนี้ตลอดไป

ทาง"พรรคพลังประชารัฐ"คิดว่าจะทำอย่างไรให้คนกลุ่ม 14,500,000 คนนี้ให้เขาสามารถลืมตาอ้าปากได้ เลยได้มีโครงการมีนโยบายว่าคนที่อยู่ในบัตร 14,500,000 คนนี้ ทาง"พรรคพลังประชารัฐ"มีนโยบายว่าจะให้อีกคนละ 30,000 บาทเป็นก้อนใน 14,500,000 คนนี้ต่างหาก อันนี้มีเหตุผลว่าถ้าหากคนถือบัตรเราต้องบอกว่าเป็นกลุ่มเปราะบางกลุ่มคนจนเหล่านี้

คุณจะให้เค้า 700 ไปอย่างนี้ตลอดแล้วเมื่อไหร่เค้าจะพ้นความยากจน เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีทุนก้อนหนึ่งให้เขาเป็นทุนตั้งต้นเพื่อไปประกอบอาชีพ อย่างเช่นไปขายก๋วยเตี๋ยว ขายราดหน้าหรือไปฝึกวิชาชีพ ถ้าเค้าไปฝึกและมีความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญเขาก็สามารถที่จะไปขอรับเงินก้อนนี้ 30,000 บาทเอามาซื้อเครื่องมือได้

"วราวิทย์" 30,000 บาทคือให้เลยไม่ใช่กู้ใช่ไหม

"สันติ" ให้เลย แต่มีเงื่อนไขเขาเป็นกลุ่มเปราะบางและอาจจะไม่มีความรู้ในการที่จะไปเปิดร้านของชำอะไรต่างๆ เขาก็จะต้องมาฝึกอาชีพก่อนแล้วเค้ามีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้วเขาสามารถที่จะไปเปิดได้ ผู้เชี่ยวชาญการรับรองว่าคนนี้ถูกพัฒนาแล้วเราก็ให้

"วราวิทย์" ไม่ใช่ว่าได้อัตโนมัติ ต้องเข้าโครงการของรัฐก่อนอันนี้คือข้อแตกต่าง ของ"คุณธนากร"คิดว่ายังไงเพราะว่าวิธีการแบบนี้ให้บัตรสวัสดิการบางคนบอกว่ามันเป็นการหยอดน้ำข้าวต้มมันไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ

"คมชัดลึก"เปิดเวทีดีเบต นโยบายหมัดต่อหมัด  "บัตรลุงตู่" VS "บัตรลุงป้อม"

"ธนกร" ในหลักการอันนี้คือสวัสดิการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพราะฉะนั้นวันนี้ไม่ใช่ว่าวันนี้เรามี 14,600,000 คน แล้วคนจะจนมากขึ้นมันไม่ใช่นะครับ ในหลักการเราดูแลผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้ประชาชนเหล่านี้เขาได้มีชีวิตที่สามารถไปทำงานได้

ฉะนั้นวันนี้ทุกนโยบายของ"รวมไทยสร้างชาติ"เรามีที่มาที่ไปของแหล่งเงินอย่างชัดเจน แล้วก็คุ้มค่ามีประโยชน์หลักการที่สามก็คือว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบาย เพราะฉะนั้นทุกนโยบายของ"รวมไทยสร้างชาติ"เราคิดมาแล้ว แล้วเราทำสำเร็จมาแล้ว

แต่บางพรรคการเมืองเป็นนโยบายใหม่ซึ่งไม่สามารถตอบแหล่งที่มาของงบประมาณอย่างชัดเจน อย่างเช่น เงินดิจิทัล 10,000 บาททุกวันนี้ ที่บอกว่ามีแหล่งที่มาจากงบประมาณที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 260,000,000,000 บาท แต่ในขณะเดียวกันคุณมาบอกว่า"พลเอกประยุทธ์"บริหารไม่ดี

แต่วันนี้คุณจะเอาสิ่งที่บริหารดี 260,000,000,000 บาทไปทำแล้วคุณบอกว่าอีก 100,000,000,000 บาท มาจากภาษี vat อะไรต่างๆซึ่งอดีตผู้ว่าฯแบงค์ชาติออกมาบอกแล้วว่า เป็นไปไม่ได้ ได้เต็มที่แค่ 30,000 กว่าล้าน

อีกก้อนหนึ่งเค้าบอกว่าการบริหารงบประมาณอีก 130,000,000,000 นั่นหมายความว่าคุณจะไปเอางบประมาณของกระทรวงต่างๆซึ่งเค้าฟิกไว้หมดแล้วมันปรับลดไม่ได้หรอก

ส่วนที่สี่เค้าบอกว่าอีก 90,000,000,000 เค้าจะเอามาจากสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน นั่นหมายความว่า คุณกำลังจะยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช่ไหม ผมดูรายการทีวีไปดูได้เลยวันแรก"คุณเผ่าภูมิ"บอกเลยว่า คนที่ได้ 10,000 ดิจิทัล จะไม่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

พอหลังจากนั้นคุณเศรษฐาแคนดิเดตนายกฯเป็นคนพูดต่อว่าอาจจะไม่ยกเลิกแต่คุณได้รับ 10,000 แล้วคุณเกินความยากจนแล้วคุณก็ต้องไม่มารับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พอผมพูดออกไปว่าคุณจะยกเลิกใช่ไหมตอบให้ชัดมาเลย คุณก็บอกว่าไม่ได้ยกเลิก แต่พอไปดูในแหล่งเงินคุณเขียนไว้ชัดเลยว่าคุณจะไปดูเรื่องซ้ำซ้อนสวัสดิการ สวัสดิการมมีไม่กี่ตัว นั่นหมายความว่า คุณจะยกเลิกใช่ไหม ต้องตอบให้ชัดนะครับ

ชมคลิป>>> 

นโยบายหมัดต่อหมัด "บัตรลุงตู่ VS บัตรลุงป้อม

logoline