หากพลิกแฟ้มประวัติศาสตร์การเมืองเมืองอุทัยฯ เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหู "บ้านใหญ่ ไทยเศรษฐ์" ที่มี "ชาดา ไทยเศรษฐ์" รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จับจองผูกขาดพื้นที่นี้มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ย่างกรายเข้าสู่การเมือง เมื่อปี 2550 ภายใต้สังกัดพรรคชาติไทย
แน่นอนว่า "ชาดา ไทยเศรษฐ์" เมื่อเอ่ยชื่อนี้ หลายคนนึกถึงภาพ “ก็อดฟาเธอร์” แห่งน่านน้ำสะแกกรัง กับประวัติชีวิตอันโชกโชนตั้งแต่วัยเยาว์ จากครอบครัวมุสลิมปาทานค้าเนื้อ ก่อนจะก้าวสู่นักการเมืองท้องถิ่น และไต่เต้าจนถึงระดับประเทศ
ค่ายภูมิใจไทยได้สถาปนา "ชาดา" ให้เป็นแม่ทัพดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง อันประกอบด้วย อุทัยธานี, นครสวรรค์, กำแพงเพชร และยังรวมไปถึงพื้นที่มุสลิมภาคกลาง ตลอดจนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เดินหน้าภารกิจ "ตอกเสาเข็ม" ทั่วทุกหัวระแหง
สำหรับอุทัยธานี แม้การเลือกตั้งปี 66 จะยังคงมี 2 เขตเลือกตั้งเหมือนปี 62 แต่พื้นที่ที่ต้องลุ้นหนักคือ เขต 1 เพราะเป็นการเปิดหน้าชนระหว่างคนรุ่นใหม่ โดยมีเจ้าของพื้นที่เดิม คือ "ส.ส.ชาร์จ" เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ หลานชายของ "ชาดา ไทยเศรษฐ์" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ "มนัญญา ไทยเศรษฐ์" รมช.เกษตรและสหกรณ์ นั่นเอง
"ส.ส.ชาร์จ" จะลงป้องกันพื้นที่ โดยได้รับแรงหนุนจากลูกพี่ลูกน้อง คือ "ปานัดฌา ไทยเศรษฐ์" ลูกสาวของ "ชาดา" ปัจจุบันนั่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยฯ มาเป็นพลังเสริม
แต่ใช่ว่าเส้นทางจะโรยด้วยปุยนุ่น เพราะมีคู่แข่งอย่างเพื่อไทย ซึ่งส่ง "ธนาคร อุนจะนำ" เข้าประกวด ในฐานะคนรุ่นใหม่ แต่ใช่ว่าจะไร้ประสบการณ์ เพราะมีดีกรีเคยเป็นเลขานุการ นายก อบจ. ช่วงปี 2547-2556 และอดีต รอง นายก อบจ. ระหว่างปี 2556-2561 ด้วย
ที่สำคัญ "ธนาคร" มาพร้อมกับกระแสแลนด์สไลด์อัดแน่นเต็มกระเป๋า จึงกลายเป็นเวทีให้รุ่นใหม่มาประชันความสามารถ
ทว่า สนามนี้ไม่ได้มีเพียง 2 ค่ายใหญ่รอฟาดกำปั้น เพราะค่ายเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ ก็ส่งคนรุ่นใหม่ อย่าง "กุมภา วงษ์หัสแดง" มาเบียดเก้าอี้ เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลที่ส่ง "กาญจนา จิตกลาง" เกษตรกรแม่เลี้ยงเดี่ยวลูก 3 และอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มาชิงเก้าอี้ด้วยเช่นกัน
ทำให้สนามเลือกตั้งเขต 1 เมืองอุทัยฯ กลายเป็นเวทีสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ “บ้านใหญ่” ที่ต้องเผชิญความท้าทายจาก “บ้านใหม่” และ “หน้าใหม่” ที่หวังทาบบารมี