svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

8 พรรคโชว์วิชั่นเวทีดีเบต"เนชั่น"พัฒนาประเทศสู้ศึกเลือกตั้ง 66

08 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"8 แกนนำพรรคการเมือง" จัดเต็มวิชั่นบนเวทีดีเบต "Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย" จัดโดย "เครือเนชั่น" แก้ไขปัญหาพร้อมพัฒนาประเทศแต่ละด้าน ในการสู้ศึกเลือกตั้ง 2566

8 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดเวทีดีเบตนโยบายหาเสียง ฟังนโยบายภาคตะวันออก ซึ่งเชิญแกนนำ 8 พรรคการเมืองร่วมเวทีดังกล่าว ภายใต้โครงการ "Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย" จัดโดย "เครือเนชั่น" ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง "เนชั่นทีวี22" และช่องทางออนไลน์ แฟนเพจเฟซบุ๊ก "เนชั่นทีวี22"

 

โดยเป็นช่วงการตอบคำถามประชาชนและกองบรรณาธิการสื่อจาก "เครือเนชั่น"

 

พัฒนาการการเมืองรองรับอีอีซีอย่างไร

 

"นายพณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช" รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า อีอีซีถือเป็นความผิดพลาด นอกจากมีอีสเทิร์นซีบอร์ด เพราะลุงตู่ ไม่ทำประชาพิจารณ์ แต่ใช้อำนาจ ม.44 แม้วันนี้ (8เม.ย.) ดีใจ มีอุตสาหกรรมใหญ่มารองรับ แต่ถามว่าประชาชนได้อะไร ทำไม่ไม่มองเส้นเลือดใหญ่เศรษฐกิจ เช่น ยางพารา เมื่อพอมีอีอีซี มาแม้แต่ไม่แฮ็ปปี้ แต่เมื่อครบกำหนดก็ไป ไม่ต้องการ เพราะระยองมีขยะ เคมีต่าง

 

นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราเดินหน้ามาพอสมควรทุกรัฐบาล แต่สภาพเหมาะกับการเป็นอุตสาหกรรม ไปเลี้ยงภาคตะวันออก ดังนั้น จึงต้องทำเป็นพิเศษ ในการสร้างสมดุลให้ทันสมัย สมาร์ทซิตี้ รถไฟความเร็วสูง ที่เชื่อต่อไปถึงจ.ตราด และเน้นคุณภาพชีวิต การตรวจสุขภาพฟรีให้กับคนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดขึ้นในภาคตะวันออก

 

ถัดเป็นคำถามถึงการช่วยพัฒนาสนับสนุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

 

 

 

 

 

 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นนโยบายแต้มต่อ เพื่อแข่งธุรกิจใหญ่ ซึ่งมีบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อให้ประกอบการมาขึ้นทะเบียน และมีมาตรฐานชัดเจน รวมถึงเรื่องเงินทุน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรค  และยังมีกองทุนละ 5 ล้านบาทต่อ 1 ราย ดังนั้น ให้เงินไม่พอ ต้องให้ความรู้ แต่วันนี้ยังขาดบุคลากร เทคโนโลยี วิศวกรรม ดิจัทัล กว่าแสนคน จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลพัฒนา เพื่อไปแข่งขันทั้งในประเทศและต่างชาติ และทำรายได้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

 

ด้าน นายประวัฒน์ อุตตะโมช รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคเน้นเรื่องนี้เป็นหลัก เพราะต้องการสนับสนุนคนระดับล่างไปสู่กลาง ยกตัวอย่างโฮมสเตย์ ถือเป็นวิสาหกิจชุมชน แต่โดนกดทับมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องการขอใบอนุญาต ดังนั้น พรรคต้องการแก้กฎหมาย เพื่อคนตัวเล็กทำมาหากินได้สะดวก ซึ่งพรรคมีโยบายช่วยคนตัวเล็กฟื้นขึ้นจากเล็ก ให้เป็นกลาง และใหญ่ขึ้น

 

ต่อมาเป็นคำถามการแก้ปัญหาจราจรอย่างเป็นรูปธรรมและใช้ได้จริง

 

ผศ.ดร. สันติ กีระนันท์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ปัญหานี้มีทั่วประเทศ เรื่องนี้ ขนส่งมวลชนต้องมีประสิทธภาพ เพื่อลดการใช้รถส่วนตัวลง รวมถึงลดมลพิษ โดยพัทยา PM 2.5 อาจประสบไม่มาก แต่อนาคตไม่แน่ แต่การไม่ให้เกิดนั้น ซึ่งควรสนับสนุนรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค สนับสนุนเรื่องนี้ ให้เกิดครบวงจร และการที่ประชาชนเดือดร้อนกับปัญหาจราจร จำเป็นต้องนำระบบทะเบียนคู่คี่ อาจต้องเอากลับมาใช้ รวมถึงคาร์ฟูร์ ไปด้วยกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไม่มีคำตอบเดียวแก้ปัญหา ต้องอาศัยความร่วมมือเพื่อร่วมแก้ทั้งภาครัฐและเอกชน

 

 

 

ด้าน นายสนธยา คุณปลื้ม สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยว และมีนักท่องเที่ยวมาจำนวนมาก ดังนั้น จราจรในเทศกาล มีการวางแผนนำชัตเตอร์บัส ขนส่งมวลชนมาใช้ เพื่อลดปริมาณการจราจร รวมถึงระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ โมโนเรล ออกแบบ 3 เส้นทาง เพื่อแก้ไขระยะยาว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ปัญหานี้หมดไป

 

ขยายเวลาปิดสถานบันเทิง เพื่อให้เมืองไม่หลับไหล และให้เงินสะพัด

 

นายสาธิต กล่าวด้วยว่า การขยายเวลานั้นมี 2 มุม คือ พัฒนาเศรษฐกิจ แต่จะใช้ภาพใหญ่ทั้งหมดไม่ได้ ต้องแยกออกจากเมือง  พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต รวมทั้งต้องบังคับใช้กฎหมาย เที่ยงตรง ปฏิบัติเท่าเทียมกัน ขณะเดียวกัน เมืองท่องเที่ยวอนุรักษ์ จำเป็นต้องออกแบบให้แตกต่างกัน และต้องแยกชัดเจน ถ้าเป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ปิด-เปิด รวมถึงกฎหมายที่กระทรวงมหาดไทย จะต้องพิจารณาร่วมกันอย่างมีส่วนร่วม

 

ผศ.ดร. สันติ กล่าวว่า ต้องกำหนดเขตพิเศษขึ้นมาเพื่อกำกับชัดเจน พัทยา พัฒน์พงศ์ ซึ่งมีการเปิดเกินเวลา และคนมีสี เป็นเรื่องต้องปราบ พรรคพูดเรื่องปราบทุจริต ทุกระดับ หากเปิดกินเวลานอกเหนือพื้นที่พิเศษ ปัญหาตามมา คือ อาชญากรรม คนมีสีเป็นแบ็กอัพต้องเลิกให้ได้

 

ทำให้เข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัย

 

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญการศึกษาทุกช่วงวัย ผ่านคูปองพัฒนาทักษะ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงทักษะ ที่โลกเปลี่ยนแปลงไป อาชีพได้เงินสูงเวลานี้ คือ โปรแกรมเมอร์ เมื่อโลกพัฒนาเร็ว ทักษะที่มีไม่ตอบสนอง คูปองนี้ไปเรียนหลักสูตร เพิ่มทักษะวิชาการให้เหมาะสมกับความชอบ ความฝัน และเหมาะสมการหางานในพื้นที่ เช่น ติดตั้งโซล่า ตัดต่อวิดีโอ

 

นายพณาเจือเพ็ชร์ กล่าวว่า ถ้าดูการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถม มัธยม ไปจนถึงปริญา ต้องบอกว่าอยากให้เปลี่ยนค่านิยมใหม่ ว่าทำไมลูกต้องจบปริญญา เพราะทุกวันนี้ส่วนตัวแนะนำให้ไปจบสายอาชีพ ส่วนครูปั้นเด็กทำหน้าที่ครู ไม่ใช่รับนโยบายจากทุกกระทรวง หรือผู้อำนวยการปกครองไม่เป็นธรรม ต้องเลิกเรื่องเหล่านี้

 

หาเสียงอย่างไรครอบคลุมทุกกลุ่มทุกวัย

 

นายประวัฒน์ กล่าวว่า จะเน้นไปที่ 3 เจน คือ เจนแรก การศึกษาเรียนฟรีจบป.ตรี ไม่เป็นหนี้ กยศ. ลดการเรียน 3 ปี คือ 5 5 3  กลุ่มทำงาน เติมเงินปลดหนี้ เพิ่มโอกาสคนตัวเล็ก วัย 60 อัพ บำนาญ 3,000 บาท หรือ 30 บาทพลัส ซึ่งนโยบายทั้งหมดกลั่นกรอง ไม่เพ้อฝัน ถ้าหากลดงบการซื้ออาวุธ และลดการทุจริตคอร์รัปชัน นำเงินมาพัฒนาได้อีกมากมาย

 

นายสุชาติ กล่าวว่า การหาเสียงของพรรค มีเรื่องตั้งแต่การศึกษา ทำงาน ผู้สูงอายุ แบ่งสัดส่วนผู้สูงอายุ ทำอย่างไรดูแล ให้รัฐบาลเป็นที่พึ่ง ทำงานให้มั่นคงชีวิต หรือมีกองทุน 1 หมื่นบาท หรือฝึกทักษะให้ตรงกับอาชีพ

 

มีนโยบายจัดการนอมินีและทุนชาวต่างชาติ

 

นายสุชาติ กล่าว ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล และถ้าตนเป็น มท.1 ก็ทำได้ คือ ต้องรู้แหล่งทุนที่เข้ามาในพื้นที่มาอย่างไร และสิ่งที่สอดส่องดูแลได้ นั่นคือผู้นำในท้องที่ รวมถึงดูบัญชีธนาคารต่างๆที่จะต้องตรวจสอบ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ใครเป็นนอมินีก็ต้องลงโทษตัวตนแท้จริง ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้องเป็นธรรม 

 

นายธนาธร กล่าวว่า ใน 7-8 ปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่างนอมินีชัดเจนที่สุด คือ ผลไม้ เพราะมีล้งจีนมาเต็มบ้านเต็มเมือง ปล่อยให้มีการรุกคืบเข้ามา แทนที่ระบบจะเป็นของคนไทย แวร์เฮาส์ หรือระบบจัดส่งปลายทางเป็นของไทย เพื่อดึงเงินเข้ามา สุดท้ายประเทศไม่ได้ เกษตรกรได้แค่หน้าสวน ถ้าจำตู้ห่าวได้ เอา นายรังสิมันต์ โรม ไปจัดการ 

 

มีแนวคิดทำให้พื้นที่ภาคตะวันออกเป็น Destination ระดับโลก อย่างไร

 

นายสนธยา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของพรรคอยู่แล้ว พรรคจะเสนอในการผลักดันประเทศให้เป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการจัดประชุม หรือการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ซึ่งยกตัวอย่างง่ายๆ เมืองพัทยาเป็นอันดับ 1 การท่องเที่ยวเชิงครอบครัว และประเทศไทยมีทั้งหมด 4 เกาะ ทั่วประเทศ ซึ่งอันดับ 1 อยู่ที่ จ.ตรัง จำเป็นต้องนำเสนอที่มีอยู่ ภายใต้ผู้นำต้องออกไปเป็นเซลล์แมนของประเทศ เป็นสิ่งสำคัญ และแคนดิเดตนายกฯของพรรค ก็อาสาที่จะเป็นเซลล์แมนไปนำเสนอประเทศในทุกมิติ  

 

ขณะที่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ต้องเน้นประชาสัมพันธ์ และโปรโมทให้ต่างประเทศเป็นที่รู้จัก ปัจจุบันมีการโหวตในโซเชียล และแพลทฟอร์มทัวริซึ่มไปติดตาม หรือส่งเสริม เพื่อให้ติดอันดับต้นๆของโลก แต่ที่สำคัญ ระบบการท่องเที่ยวในประเทศ ต้องสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ จำเป็นต้องมีแพลทฟอร์มให้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ภาคตะวันออกจับมือกันเพื่อโปรโมท เพื่อสร้างความสนใจนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวภาคตะวันออก  

 

 

 

 

 

logoline