
"คนลืมไปว่าดิฉันเป็นคนบ้านนอก คลุกคลีและเติบโตในสังคมที่ขาดแคลน เรียนที่วัด ไม่มีน้ำไม่มีไฟฟ้า เข้าใจความขาดแคลนจึงอยากเข้ามาอยู่ในการเมืองที่มีรากฐานที่ดี เพื่อจะได้ช่วยประชาชนได้ สร้างคนได้ ดิฉันหาเงินตั้งแต่เด็ก จะเข้าใจเลยว่าถ้าไม่เรียนหนังสือ ไม่หาเงินตั้งแต่เด็ก เราจะไม่สามารถมายืนอยู่ตรงนี้ได้..."
"คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" รมช.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจผ่าน"ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง66"
เอ่ยถึง "โสภณพนิช" ต้องนึกถึงบุคคลในแวดวงไฮโซ โดยมีอยู่ชื่อหนึ่งที่ใช้นามสกุลเดียวกันนี้ "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช"หลายคนอาจวาดภาพเธอเป็นสุภาพสตรีระดับแถวหน้าในสังคมชั้นสูง
ทว่า หากได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสพูดคุย จะพบอีกมุมหนึ่ง เป็นมุมแห่งความจรรโลงใจ ผ่านสายตาความมุ่งมั่นในการที่อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคมประเทศชาติโดยรวม
ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้ "คุณหญิงกัลยา" ตัดสินใจเลือกเข้าสู่เส้นทางการเมืองในสังกัด"พรรคประชาธิปัตย์" (ปชป.)
"นามสกุลโสภณพนิช เป็นเพราะดิฉันเป็นลูกสะใภ้ของครอบครัวโสภณพนิช โดยที่ดิฉันเป็นเด็กบ้านนอก เกิดที่อำเภอสี่คิ้ว จ.นครราชสีมา" คุณหญิงกัลยา เปิดเผยเส้นทางชีวิตก่อนเข้าสู่การเมือง
"คุณเคยเห็น คนกรอกน้ำฝนใส่ถุงนำไปขายตามสถานีรถไฟไหม ซึ่งดิฉันก็ได้ทำ และดิฉันได้เห็นเด็กๆที่ขาดโอกาสทางการศึกษา การจะทำให้เราเติบโตเป็นคนมีคุณภาพ ทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ก็ต้องเริ่มจากการให้โอกาสทางการศึกษา จึงเป็นแรงบันดาลใจว่า เมื่อดิฉันได้มีโอกาส จะทำเพื่อพวกเขา ให้โอกาสทางการศึกษากับเด็ก"
ถาม เป็นนายทุนพรรคหรือไม่
"คุณหญิงกัลยา" ตอบว่า "คงไม่ใช่นายทุนอะไรหรอกค่ะ คนอื่นๆก็ช่วยกัน คนลืมไปว่าดิฉันเป็นคนบ้านนอก คลุกคลีและเติบโตในสังคมที่ขาดแคลนทั้งนั้นเลย เรียนที่วัด ไม่มีน้ำไม่มีไฟฟ้า เข้าใจความขาดแคลนจึงอยากเข้ามาอยู่ในการเมืองที่มีรากฐานที่ดี เพื่อจะได้ช่วยประชาชนได้ สร้างคนได้ ดิฉันหาเงินตั้งแต่เด็ก จะเข้าใจเลยว่าถ้าไม่เรียนหนังสือ ไม่หาเงินตั้งแต่เด็ก เราจะไม่สามารถมายืนอยู่ตรงนี้ได้ และการเกิดบ้านนอก ทำให้ดิฉันเป็นคนทุกวันนี้ คือแข็งแกร่ง มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำทุกอย่าง ชีวิตที่เหลืออยากทำให้สังคมคนไทย"
"คุณหญิงกัลยา" เล่าว่า การเข้าสู่เส้นทางการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคเดียวที่ทำการเมืองเน้นความซื่อสัตย์สุจริตมีคุณธรรม จริยธรรม มีหลักการคิดนโยบายเพื่อประชาชนเพื่อสังคมทำอย่างต่อเนื่องเรื่อง คน สุขภาพ การศึกษา รวมถึงเป็นพรรคที่ความเป็นสถาบันไม่มีใครเป็นเจ้าของทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันทุกคนร่วมแรงใจกันสนับสนุน
"อยากมาอยู่กับพรรคการเมืองที่ดีเพื่อพัฒนาช่วยประชาชนสร้างคนได้ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ทำเรื่องนี้มาตลอดตามยุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" อยากให้สังคมเด็กไทยทุกคนมีการศึกษามีความมั่นคงต่อสู้กับสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง"
"คุณหญิงกัลยา" ยังได้แนะนำสตรีที่เข้าสู่การเมืองว่า ส่วนตัวโชคดีที่เข้ามาสู่ตรงนี้ได้ เพราะการศึกษา ด้วยความเป็นคนบ้านนอก อยากบอกว่า เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกเป็นได้ด้วยการศึกษา ซึ่งต้องยอมรับว่า ผู้หญิงลำบาก เพราะต้องรับผิดชอบครอบครัวจึงทำให้ผู้หญิงเข้าสู่การเมืองไม่มากนัก เพราะจะเข้าสู่การเมืองต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา และปัจจัย ถ้าไม่พร้อมอย่างนี้จะยากมาก
แต่ไม่ใช่ว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะผู้หญิงเดียวนี้เก่งมาก เก่งในหลายวงการ แต่ทางการเมืองยังน้อยถ้าเทียบกับต่างประเทศหรือกับผู้ชาย ซึ่งผู้หญิงโชคดีที่ได้รับการอบรมมาให้มีความละเอียดรอบคอบมีความรับผิดชอบ แต่ในอนาคตก็จะมีผู้หญิงเข้าสูแวดวงการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ท่านนี้ ยังได้ประเมินโอกาสและความเป็นไปได้ใน"การเลือกตั้ง66" เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 62 ว่า เนื่องจากการ "เลือกตั้ง 66" เป็นระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ "พรรคประชาธิปัตย์"ในส่วนของคะแนนระบบปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าจะน้อยไปกว่าเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีประวัติมายาวนาน คนอีสานเป็นผู้ก่อตั้งพรรคแล้วมีความผูกพันกันมานาน
มั่นใจปชป.ต้องดีกว่าเดิม
"คุณหญิงกัลยา" มั่นใจว่า "พรรคประชาธิปัตย์"ควรจะได้ที่นั่งมากกว่าครั้งที่ผ่านมา สำหรับพื้นที่ กทม. ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยได้รับบทเรียนกับการเลือกตั้งไม่มีที่นั่ง ส.ส.กทม.ปี 62 เพราะมีอุบัติเหตุภายนอกและภายใน คงไม่ต้องย้อนว่า มีอุบัติเหตุอะไรบ้าง แต่ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ปี 65 "ดร.เอ้" สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากพอประมาณนย่อมแสดงว่า กรุงเทพฯกับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่หมดเยื้อใยกันซะทีเดียว
ต่อมาพอมีเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ปชป.ได้รับความไว้วางใจเลือกเข้ามาจำนวน 9 คน แล้วคนที่ได้อันดับที่ 2 อีก 7 คน ตรงนี้ก็เป็นกำลังใจให้กับพรรคปชป.มาก พื้นที่กรุงเทพฯก็มีผู้ว่าฯ กทม.หลายสมัยต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 10 ปี มีผลงานให้กับคนกรุงเทพฯแล้วก็ให้คะแนนพรรคปชป.ค่อนข้างดี
คาดสนามกทม. ไม่ต่ำกว่า 10 ที่นั่ง
ดังนั้นหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมี ส.ส.เป็นผู้แทนคนกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเป็นผู้แทนคนกรุงเทพฯอย่างแน่นอน คิดว่าสัก 10 ที่นั่ง ถ้าดูจากผลคะแนนเสียงในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และการเลือกตั้ง ส.ก. ทำให้มีกำลังใจ
อย่างไรก็ตาม "พรรคประชาธิปัตย์"ไม่สามารถจะบอกว่าได้เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับประชาชนคนกรุงเทพฯว่า "พรรคประชาธิปัตย์"น่ามีผู้แทนกรุงเทพฯ ขณะเดียวกัน "พรรคประชาธิปัตย์"ก็ไม่เคยทิ้งพื้นที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง
ยกเว้นที่เป็นน้องใหม่วัยรุ่นประมาณ 14 คน ที่จะลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพฯครั้งนี้ หวังว่า มีการเปลี่ยนแปลง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับคนทุกรุ่นที่พรรคอื่นไม่มี พรรคยังมีผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มีความเชี่ยวชาญชำนาญหลายๆเรื่องมีคนรุ่นกลาง รุ่นใหม่หลายๆรุ่น ที่ออกมาทำงานเพื่อประชาชน เราเน้นการสร้างคน เน้นสุขภาพ การศึกษา เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ
ชมคลิป>>>
ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง 66 มุมชีวิต"คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช"