22 มีนาคม 2566 น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ "มาดามเดียร์" ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวย้ำถึงจุดแข็งนโยบาย กทม. ว่า จุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์คือ ทำนโยบายอย่างไร ให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน อย่างเท่าเทียม รวมถึงทำนโยบายที่จะทำให้คนไทย สร้างธุรกิจให้แข็งแรง ไม่ใช่แค่การทำนโยบายประชานิยมที่ให้แค่เหยื่อ และสร้างโอกาสให้คนไทยได้ทำธุรกิจให้เติบโตบนรากฐานที่แข็งแรงอย่างแท้จริง
สำหรับการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนนั้น "พรรคประชาธิปัตย์" ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ระดับฐานราก โดยการจัดตั้งธนาคารชุมชน หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เข้าถึงแหล่งเงินในระบบ มีดอกเบี้ยต่ำ เพื่อไม่ให้ไปพึ่งพิงแหล่งเงินนอกระบบ
โดยกลุ่มธุรกิจ SME ที่ยังประสบปัญหา แม้หลายธนาคารจะมีนโยบายการให้ สินเชื่อ SME แต่เมื่อคนไทยที่เป็นธุรกิจตัวเล็กไปยื่นขอสินเชื่อ ไม่สามารถยื่นชอสินเชื่อได้ นำไปสู่ปัญญาเรื่องสภาพคล่อง เงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญกับธุรกิจ SME เพราะสามารถสร้าง GDP ถึง 35% ของประเทศ หล่อเลี้ยงแรงงานกว่า 13 ล้านคน
รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับสินค้าและบริการ โดยการนำทุนไอเดียสร้างสรรค์ มาต่อยอดสินค้าและอุตสาหกรรมของประเทศไทย เปิดโอกาสให้คนไทยนำความคิดไอเดียสร้างสรรค์ของตัวเอง มาขอเงินกองทุน เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินในธุรกิจ พร้อมทั้งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงไทย นำสินค้าไทย สินค้าและบริการออกไปสู่สายตาคนทั่วโลก
ส่วนนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับนโยบายเงินให้เปล่าของพรรคการเมืองอื่นนั้น น.ส.วทันยา ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้แค่เพิ่มทุนให้ประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่การเพิ่มทุนเป็นสิ่งพื้นฐานลำดับแรก ที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการทลายข้อจำกัด ความเหลื่อมล้ำ
แต่สิ่งที่มองไกลกว่านั้น คือ การเติมทุนมนุษย์ องค์ความรู้ต่าง ๆ ในการส่งต่อโอกาสว่าจะเสริมสร้างอย่างไรที่ทำให้คนไทย แข็งแรง ยืนได้บนขาของตัวเองอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นนโยบายที่มีเพียงแค่การ ลด แลก แจก แถม แต่ทำให้คนไทยไม่มีความเข้มแข็ง และหวังพึ่งพิงรัฐไปตลอด