เลือกตั้ง66"อภิสิทธิ์"มองข้ามช็อตทิศทาง"ปชป."วาดโมเดลตั้งรัฐบาลชุดหน้า

"... จากวันนั้นมาถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 4 ปี ผมยืนยันมาตลอดว่า ผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผมไม่เคยลาออกสมาชิกพรรค ผมมีหน้าที่ต้องสนับสนุนพรรค... "

พลันมีคำยืนยันจาก"นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์"  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) "นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ"  อดีตนายกรัฐมนตรีและ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ขอสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อของพรรค  "รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" จึงได้สัมภาษณ์  "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ และก้าวต่อไปของนายอภิสิทธิ์กับพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร 

เบื้องหลัง “อภิสิทธิ์” ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.

"วราวิทย์" คุณอภิสิทธิ์เล่าเบื้องหลังการตัดสินใจให้ฟังหน่อยครับ ทำไมถึงไม่ลงส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 

"อภิสิทธิ์"  โดยข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรมากครับ เชื่อว่าถ้าใครมาพิจารณาสภาวะแวดล้อมปัจจัยต่างๆคงเข้าใจได้ไม่ยาก เบื้องต้น ผมเป็นอดีตส.ส. อดีตหัวหน้าพรรค และลาออกจากหัวหน้าพรรคเมื่อผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้วออกมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เมื่อไม่สามารถนำพรรคให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ ต่อมาก็ลาออกจากส.ส.เนื่องจากพรรคมีมติไปร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่ผมหาเสียงกับประชาชนไว้ว่าผมจะไม่เข้าร่วม

"ผมต้องแสดงความรับผิดชอบและรักษาคำพูด จากวันนั้นมาถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 4 ปี ผมยืนยันมาตลอดว่าผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ผมไม่เคยลาออกสมาชิกพรรค ผมก็มีหน้าที่ที่ต้องสนับสนุนพรรค "

"อภิสิทธิ์" กล่าวว่า  ภายหลัง"ยุบสภา" ท่านหัวหน้าพรรคได้พูดกับสื่อไว้ก่อนแล้ว ท่านอยากจะเชิญบุคลากรของพรรคทุกท่านให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ท่านก็ได้มาพบผม เราได้แลกเปลี่ยนกัน ล่าสุดเมื่อคืนท่านหัวหน้าพรรคแล้วก็ยังมีอดีตหัวหน้าพรรคอีกสองท่าน เราได้คุยกันว่าอะไรจะดีที่สุด

"ผมได้คุยกับท่านหัวหน้าพรรคเหมือนที่พูดกับสาธารณะ ว่าแนวคิดของผมในหลายๆเรื่องในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ตรงหรือสอดคล้องกับการดำเนินงานของพรรคมากนักตั้งแต่เข้าไปร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้นถ้าผมจะลงสมัครรับเลือกตั้งจะเกิดความสับสนได้แล้วจะเกิดการไม่เป็นเอกภาพขึ้น"

ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นผลดีกับพรรค เพราะศึกครั้งนี้สำหรับหลายพรรคเป็นศึกหนัก"พรรคประชาธิปัตย์"ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น และถ้าพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้งแล้วจะต้องมีปัญหาความสับสนไม่มีเอกภาพไม่ขึ้นว่าจะเป็นผลดี ดังนั้นผมเสนอว่าสิ่งที่เหมาะสมลงตัวที่สุดคือผมไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง

ส่วนการที่ผมจะไปช่วยผู้สมัครพรรคหาเสียงจะเป็นไปตามความต้องการของผู้สมัครแต่ละคน เพราะฉะนั้นสรุปกันแบบนี้ และท่านหัวหน้าให้สัมภาษณ์ว่าเราเห็นตรงกัน

"วราวิทย์" พอไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์เรื่องแคนดิเดตจบเลย

"อภิสิทธิ์" เรื่องนั้นจบไปตั้งแต่แรกแล้ว เข้าใจว่าพรรคเขาประชุมกรรมการบริหารมีมติไปเรียบร้อยแล้ว ผมไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรอยู่แล้ว

"วราวิทย์" ถ้าคุณอภิสิทธิ์กังวลว่าถ้าเข้าไป จะเป็นความสับสนว่าประชาธิปัตย์จะยังไง เหมือนคุณอภิสิทธิ์ทำนายว่าอนาคตมีโอกาสจะจับกับขั้วเดิม แล้วจะไปขัดแย้งกับจุดยืนคุณอภิสิทธิ์อีกหรือป่าว

"อภิสิทธิ์" คือผมไม่ได้ทำนายอะไรนะ แต่ว่าโดยเงื่อนไขของความเป็นจริงปัจจุบันจนถึงวันเลือกตั้งยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ แล้วที่ผมติดตามการสัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรค ท่านพูดชัดจะใช้วิธีขอดูตัวเลขก่อนว่าแต่ละพรรคได้มาเท่าไหร่ เหมือนกับจะไม่ตอบว่าจะเป็นแนวทางไหนอย่างไร เพราะฉะนั้น ผมว่าเพื่อให้ทางผู้บริหารพรรคได้ทำงานได้ง่ายที่สุด ผมไม่อยากจะไปเป็นปัญหาอุปสรรคเงื่อนไขอะไรที่จะทำให้พรรคไม่เดินไปอย่างเต็มกำลังอย่างที่ทางผู้บริหารพรรคต้องการ

"วราวิทย์" วันนี้ตอบในสถานการณ์ก่อนเลือกตั้งยังไงก็ไม่ลงส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่แล้ว หลังเลือกตั้งจะมีช่องทางไหนให้คุณอภิสิทธิ์กลับเข้ามาอีกมั้ย

"อภิสิทธิ์" โดยหลักก็ไม่มีนะครับ คือถ้าปกติสภาเขาอยู่ไปเราก็ต้องรอสภาครบวาระ

"วราวิทย์" แต่ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่มีปัญหาเล็ดลอดออกมาภายในกรรมการบริหาร จะมีชื่อ"คุณอภิสิทธิ์"หมายถึงว่า เป็นสาย"อภิสิทธิ์"หรือป่าวพยายามเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรในพรรคประชาธิปัตย์ จะอธิบายอย่างไร

"อภิสิทธิ์" คือสมาชิกพรรคก็มีความหลากหลายในทางความคิดแต่ผมยืนยันได้ข่าวคราวทุกครั้งที่มีการบอกล่ารายชื่อกันอาจจะมีการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ทุกครั้งจะมีสมาชิกโทรมาถามผมว่าเห็นมีการเคลื่อนไหวอะไรกันเนี่ย ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผมจะกลับมามั้ย

ผมตอบไปทุกครั้งว่าไม่กลับ ด้วยเหตุผลที่ว่าขณะนี้พรรคตกลงไปร่วมรัฐบาลแล้ว การที่มาบอกเปลี่ยนแปลงอะไรในพรรคเอาผมกลับเข้าไปเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องของพรรคอย่างเดียว และส่งผลกระทบกว้างขวางกว่านั้นเยอะ เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่วิธีการที่จะไปทำแบบนั้น ผมจะยืนยันกลับไปเสมอว่าผมไม่กลับ อันนี้คือเรื่องจริงแล้วไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียวด้วย ไม่ได้เกิดขึ้นกลับคนเดียวด้วย

"วราวิทย์" ที่บอกมีความพยายามเคลื่อนไหวเกิดจาก"คุณอภิสิทธิ์"อยู่เบื้องหลังไม่มีทาง

"อภิสิทธิ์" อันนี้ตอบได้เต็มปากว่า ไม่มี เพราะว่าถ้าทำอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้

"วราวิทย์" ถามว่า พลเอกประยุทธ์ ตัดสินใจยุบสภาก่อน 3 วัน ให้ความเป็นธรรมกับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่

"อภิสิทธิ์" ตอบว่า จริงๆทูลเกล้าฯไปก่อนแล้ว เพราะในราชกิจจาฯ ประกาศไว้ว่า ให้ไว้ ณ วันที่ 17 มีนาคม แต่ในระบบรัฐสภา ทางรัฐบาลเลือกได้ก่อนที่จะหมดวาระ หรือยุบสภาก่อน ซึ่งครั้งนี้เป็นเรื่องของเทคนิคว่าการย้ายพรรค ซึ่งหากอยู่กับจนครบวาระ ใครที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ต้องติดอยู่ที่พรรคเดิม แต่หากยุบสภาจะสามารถคลายให้ย้ายพรรคได้ ย่อมเป็นการยุบสภาที่มีเหตุจูงใจทางการเมืองชัดเจน ที่ผ่านมาก็ทำได้ เช่นที่ปี 2544 สมัยชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ตั้งแต่แรกว่าจะอยู่ไม่ครบวาระ

นอกนั้นจะเป็นอุบัติเหตุทางการเมือง จึงยุบสภา รวมถึงตนเองตั้งใจอยู่ไม่ครบวาระ เมื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจเป็นที่เรียบร้อย และแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ แต่ละเหตุไม่เเหมือนกัน ซึ่งครั้งนี้เก็งกันมาแล้วว่า"พลเอกประยุทธ์"​ จะอยู่ให้ยาวที่สุด และยุบสภาก่อน

"วราวิทย์" ถามว่า ในมุมนักการเมืองมองว่าเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่

"อภิสิทธิ์" ตอบว่า คุยกับพรรคการเมืองทุกพรรค ทุกพรรครู้อยู่แล้ว ส่วนที่ถามว่าได้เปรียบหรือไม่ ต้องบอกว่าไม่แน่ เพราะวันสองวันที่ผ่านมาเราเห็นนักการเมืองจากซีกรัฐบาลไปอยู่ซีกพรรคฝ่ายค้าน
ถือเป็นการเปิดโอกาสในการย้ายพรรค

"วราวิทย์" ถามว่า คาดการณ์ว่าโฉมหน้ารัฐบาลชุดหน้าจะเปลี่ยนหรือไม่

"อภิสิทธิ์" ตอบว่า ยึดถือวิทยาศาสตร์ ดูโพลล์ นิด้าโพลล์เป็นมาตรฐาน และคิดทางการเมืองคาดการณ์ว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคใหญ่ที่สุด และพรรคอันดับสองอาจไม่ถึง 100 เสียง พรรคเพื่อไทยจะได้รับโอกาสเป็นรัฐบาล แต่เมื่อต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาร่วมด้วยทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องได้เสียงมากกว่า 250 ต้องได้ 375 เสียง ทำให้วิเคราะห์ว่าต้องจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีเสียง ส.ว.พ่วงมาด้วย ส่วนจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวเลขที่ได้มา ท่าทีของพรรคก้าวไกลมีจุดยืนร่วมกับพรรคใดได้บ้าง ส่วนพรรคภูมิใจไทยพร้อมทุกฝ่ายเช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ

หากเป็นไปตามผลโพลล์ พรรคเพื่อไทยจะเป็นหลักโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล หากได้เกิน 250 ต้องดูว่าจะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใด หากไม่ถึง 250 อาจจะมีช่องทางอื่นๆมากขึ้น หรือหากตั้งรัฐบาลโดยไม่มีเพื่อไทย เสถียรภาพย่อมไม่มั่นคง เท่ากับว่าใครที่ใก้ล 375 เสียง ก็มีโอกาสมากขึ้น จึงได้มีการขยับตัวเลข จาก 250 ไปถึง 310

"วราวิทย์" ถามว่า โอกาสที่จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองได้หรือไม่

"อภิสิทธิ์" ตอบว่า ยากหรือไม่ 250 ไป 310 น่าจะไปได้จากขั้วฝ่ายค้าน เสียงที่เติมให้ถึง 375 ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยังนึกไม่ออกว่า สมาชิกวุฒิสภา จะทำให้เกิดสุญญากาศเพื่ออะไรให้มีรัฐบาลรักษาการไปเรื่อยๆถูกกดดันจากสังคมก็ไม่ใช่เรื่อง สมาชิกวุฒิสภาจะตัดสินใจทำ แต่อาจมีการต่อรองเกิดขึ้น

"วราวิทย์" ถามว่า อนาคตของพลเอกประยุทธ์ ที่เคยปฏิเสธไม่ร่วมด้วย

"อภิสิทธิ์" กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์จะกลับมาได้ ต้องทำให้มีพรรคที่มีเสียงสนับสนุน 250 เสียงเหมือนปี 2562 เพราะการตั้งรัฐบาลมีเสียงข้างน้อย เกิน 200 เสียง ขณะที่พรรคก้าวไกลไม่สนับสนุน น่าจะอยู่ได้ยาก จะต้องทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้เสียงเกินครึ่ง และต้องให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมยอมรับในการเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะไม่ใช่พรรคที่ได้เสียงมากที่สุด เพราะโพลล์ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยน่าจะมีเสียงมากที่สุด ไม่ใช่งานง่ายของ"พลเอกประยุทธ์" ส่วน"พลเอกประวิตร" ชัดเจนว่าได้วางตำแหน่งใหม่ว่าเป็นพรรคที่พร้อมขั้วสองข้าง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเสียงหลังการเลือกตั้งด้วย

"วราวิทย์" ถามว่า ปชป.เคยเสียคะแนนพลังประชารัฐ แต่ตอนนี้มีพรรครวมไทยสร้างชาติ คิดว่าคะแนนจะอยู่ที่ใคร

"อภิสิทธิ์" ตอบว่า ประเมินว่าคะแนนเสียงที่สนับสนุนพลังประชารัฐ เพราะ"พลเอกประยุทธ์" เพราะฉะนั้นคะแนนนิยมภาคใต้แนวโน้มจะไปรวมไทยสร้างชาติ พื้นที่อื่นอยู่ที่ความนิมยมพรรค หรือคะแนนเสียงเฉพาะกลุ่ม ขณะนี้คะแนน"พลเอกประยุทธ์" ลดลง ต้องดูการเลือกตั้งจะดึงกลับมาได้หรือไม่ ซึ่งยังเป็นอันดับหนึ่ง ฝั่งอนุรักษ์นิยม

ชมคลิป >>>

เบื้องหลังอภิสิทธิ์ ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ มองอนาคตประเทศ