"อภิสิทธิ์" เปิดเบื้องหลังเจรจา ถอนชื่อปาร์ตี้ลิสต์"ปชป." ศึกเลือกตั้ง66

"ผมจะไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ การจะลงสมัครรับเลือกตั้งความรับผิดชอบจะอีกระดับหนึ่ง ซึ่งแนวคิดของผมกับพรรคยังไม่ตรงกันทั้งหมด"

"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"  อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคปชป. เปิดเผยเนชั่นทีวี 21 มี.ค. 66 
 

21 มีนาคม 2566 "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อดีตหัวหน้า"พรรคประชาธิปัตย์"  เปิดเผยผ่าน"เนชั่นทีวี "เกี่ยวกับทิศทาง"การเลือกตั้ง66" ภายหลัง"นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" หัวหน้าพรรคปชป.ออกมายอมรับว่า นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคว่า  หัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ท่านอื่นในพรรคเห็นตรงกันว่าควรให้นายอภิสิทธิ์ สนับสนุนช่วยพรรคในฐานะสมาชิกพรรค โดยจะไม่ลงสมัคร "ส.ส.บัญชีรายชื่อ" การจะลงสมัครรับเลือกตั้งความรับผิดชอบจะอีกระดับหนึ่ง ซึ่งแนวคิดของตนเองกับพรรคยังไม่ตรงกันทั้งหมด

จึงไม่อยากให้เป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการหาเสียงของ"พรรคประชาธิปัตย์"ในการสู้ศึก "เลือกตั้ง 66" ซึ่งถือเป็นศึกหนักของทุกพรรค ส่วนการที่พรรคจะเดินหน้าได้อย่างมีเอกภาพ เพื่อไม่ให้มีปัญหาหรือเกิดความสับสนใด ๆ เชื่อว่าวิธีนี้น่าจะดีที่สุดสำหรับพรรค

อดีตหัวหน้าพรรคปชป. กล่าวว่า สังคมรับรู้อยู่แล้วว่า ตนเองลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนานแล้ว ในจุดยืนที่ว่าพรรคไม่ควรจะไปร่วมรัฐบาล ฉะนั้นต้องยอมรับว่าพรรคมีช่องว่างในทางความคิด

"ผมคิดว่าการที่พรรคการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้งอะไรที่ขจัดความสับสน อะไรที่จะทำให้เป็นเอกภาพน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพรรค ตอนที่หัวหน้าพรรคมาสอบถามเรื่องการสมัครรับเลือกตั้ง ผมก็ได้ให้ความเห็นดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งท่านเห็นด้วยกับผม และยังมีอดีตหัวหน้าพรรคอีกสองท่านนั่งอยู่ด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายชวน หลีกภัย จึงเป็นสิ่งที่ลงตัวในความสัมพันธ์และบทบาทในขณะนี้" นายอภิสิทธิ์ ระบุ

เมื่อถามว่า จุดยืนของ"นายอภิสิทธิ์" เมื่อครั้งเลือกตั้ง ปี 62 เคยประกาศไม่เอา"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" กับปัจจุบันนี้ยังเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ "นายอภิสทธิ์" กล่าวว่า จุดยืนไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ขณะนี้บทบาทของตนเปลี่ยนไป เพราะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว อีกทั้งเคยพูดไว้ก็ปรากฎผลชัดเจนแล้วในหลาย ๆ อย่าง ส่วนปัจจุบันผู้กำหนดทิศทางของพรรคคือผู้บริหารพรรค ขอทำหน้าที่สมาชิกพรรคไปตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการทำงานกับคนในพรรค เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ความเป็นเอกภาพคือสิ่งสำคัญของพรรค

เมื่อถามว่า หากให้ประเมินสถานการณ์ของ"พล.อ.ประยุทธ์" จะมีโอกาสหวนกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯอีกครั้งหรือไม่ "นายอภิสิทธิ์" กล่าวว่า ส่วนตัวประเมินไว้ว่า ไม่น่าจะใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเลือกตั้งคราวที่แล้วได้มา 250 เสียงพอดี หลังจากมีการใช้สูตรคำนวนส.ส.ที่ทำให้มีพรรคเล็กเข้าไปในสภาเป็นจำนวนมาก หลังจากมีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ

การที่ รัฐบาล"พล.อ.ประยุทธ์" มีเสถียรภาพอยู่มาได้จนถึงขณะนี้ เพราะหลังจากนั้นมีการยุบพรรคอนาคตใหม่และมีการดึงส.ส.เข้าไปเติมกำลังซีกรัฐบาล แต่ถ้าดูระบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไป แม้แต่การเลือกตั้งซ่อม หรือเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเลขของพรรคฝ่ายค้านดูจะได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้การรวบรวมเสียงในสภายากขึ้นแน่นอน

เมื่อถามว่า หาก"ส.ว." ขัดเจตนารมณ์ของประชาชน ในการ"เลือกตั้ง 66" นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไม่สามารถพูดแทนส.ว.ได้ เคยบอกมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 272 ที่มให้อำนาจส.ว.โหวตเลือกนายกฯ เพราะไม่อยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคม

ทั้งนี้ หากส.ว.จะฝืนเจตนารมณ์ของประชาชน โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งหากออกมาแบบชัดเจนว่าประชาชนต้องการอะไร ส.ว.ควรจะคิดถึงผลที่อาจจะตามมา ซึ่งเสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวายอีกมากเพราะสังคมอาจไม่ยอมรับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ เมื่อดูจากโพลคะแนนนิยมในปัจจุบันเห็นได้ว่าพรรคเพื่อไทย มีขนาดใหญ่กว่าพรรคลำดับที่ 2 ค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่จะมีผลต่อการตัดสินใจของสมาชิกวุฒิสภาด้วย  

นอกจากนี้ "นายอภิสิทธิ์" ได้กล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิด"พล.อ.ประยุทธ์" ว่า ในฐานะที่เคยทำงานร่วมกับท่านมาตอนสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีกลยุทธ์อย่างไรในการช่วย"พรรคประชาธิปัตย์" ดึงตัวเลขส.ส. ในพื้นที่กรุงเทพฯและทั่วประเทศ กลับคืนมาอย่างไร "นายอภิสิทธิ์" กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าให้เป็นเรื่องของพรรคที่จะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนโยบายอื่น ๆ ดีกว่า สิ่งที่สามารถทำได้ในฐานะสมาชิกพรรค คือ หากมีผู้สมัครท่านใดต้องการความช่วยเหลือจากนายอภิสิทธิ์ ก็ยินดีลงพื้นที่ไปช่วยทุกเรื่อง คงเป็นเรื่องของการสนับสนุนในความเป็นตัวของตนมากกว่า