svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“พิชัย” จี้รัฐ ลดราคาไฟฟ้า น้ำมัน และ ก๊าซหุงต้ม เพื่อลดภาระปชช. ดึงนักลงทุน

13 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“พิชัย” จี้รัฐ เร่งลดราคาไฟฟ้า น้ำมัน และ ก๊าซหุงต้ม ระบุ เพื่อลดภาระประชาชน จูงใจนักลงทุน เตือน เศรษฐกิจไทยน่าห่วง ส่งออกติดลบ ขาดดุลการค้าพุ่ง ส่งคนไทยหนี้ท่วม

13 มีนาคม 2566 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมกราคมติดลบ 4.5% ซึ่งเป็นการส่งอออกที่ติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อีกทั้งยังทำให้ไทยขาดดุลการค้าถึง 4,649.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขาดดุลสูงที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณเศรษฐกิจที่อันตรายมาก เพราะในปีที่แล้ว (ปี 2565) ประเทศไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 16,900 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีนี้เริ่มต้นปีก็ยังขาดบัญชีเดินสะพัดอีกในเดือนมกราคม อีกทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวในเดือนมกราคม 2566 ก็ลดลงจากเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เพราะมีนักท่องเที่ยวลดลง สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยดูไม่ค่อยสดใสนัก

นอกจากนี้ยังพบว่าคนไทยกว่า 25 ล้านคนมีหนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ หนี้ครัวเรือน หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และ บัตรเครดิต และสถานการณ์หนี้เสียในระบบธนาคารยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย และยิ่งราคาข้าวของแพงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูง สาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานสูงขึ้น หนี้ก็จะยิ่งเพิ่มสูงตาม เพราะรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายจ่าย

ล่าสุด รัฐบาลประกาศจะลดราคาค่าไฟฟ้าในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และ ภาคบริการ ต่ำกว่า 5 บาท ตามที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้อง แต่อาจจะขึ้นราคาค่าไฟฟ้าในภาคครัวเรือน น่าจะไม่ใช่การดำเนินการที่ถูกต้อง เพราะครัวเรือนมีภาระค่าใช้จ่ายที่หนักมากแล้ว ไม่ควรจะขึ้นราคาไฟฟ้าในภาคครัวเรือน  แต่ควรเร่งลดราคาค่าไฟฟ้าในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และ น่าจะต้องลดราคาค่าไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนด้วย เนื่องจากราคาต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าได้ลดลงแล้ว โดยราคาก๊าซแอลเอ็นจีราคาลดลงมาต่ำกว่า $20 และ ราคาน้ำมันก็ลดลง

อีกทั้งปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่มีราคาถูก สามารถนำขึ้นมาได้เพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นราคาไฟฟ้าก็น่าจะต้องปรับราคาลดลงมาได้แล้ว เพราะราคาค่าไฟฟ้าเป็นปัจจัยในการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งราคาค่าไฟฟ้าของประเทศไทยแพงกว่าค่าไฟฟ้าของประเทศเวียดนามมาก

นอกจากนี้ ประชาชนยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากราคาค่าก๊าซหุงต้มที่เพิ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 423 บาท/ ถัง 15 กก.  ในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และอาจจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเป็น 438 บาท/ ถัง 15 กก. ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งจะผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของครัวเรือน การปรุงอาหาร รวมถึงราคาอาหารจานเดียวที่ประชาชนจำเป็นต้องบริโภค แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้ราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นตลอด จากต้นปีที่แล้วที่ราคาก๊าซหุงต้มยังอยู่แค่ 318 บาท/ ถัง 15 กก. โดยไม่ได้มีแนวทางช่วยเหลือหรือแก้ไข

อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ลดลงมานานแล้ว อยู่ในระดับก่อนเกิดสงครามรัสเซีย ยูเครน (ประมาณ $70-$80 ต่อบาเรล) แต่ราคาน้ำมันดีเซลของประเทศไทยยังสูงมาก อยู่ที่ลิตรละ 33.94 บาท ซึ่งในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การบริหารของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ราคาน้ำมันดิบแพงกว่ามาก ($110 ต่อบาเรล) แต่ราคาน้ำมันดีเซลยังต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท ดังนั้นรัฐบาลควรต้องลดราคาน้ำมันดีเซลลง รวมถึงน้ำมันเบนซินด้วย ซึ่งอาจจะไม่ต้องลดลงเท่ากับที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ของพรรคพลังประชารัฐเสนอ แต่ก็ควรจะต้องลดลงมากกว่านี้

ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังผันผวนและไม่แน่นอน การลดรายจ่ายให้กับประชาชน เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ โดยการลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม ที่เป็นต้นทุนของสินค้าและบริการแทบทุกชนิด จะช่วยลดภาระของประชาชนและลดเงินเฟ้อลงได้ อีกทั้งยังจะต้องมีแนวทางในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมี นโยบายทุกด้านพร้อมแล้ว และ อยากให้ประชาชนมั่นใจและเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามากันมากๆ

logoline