"ขุนเกษตร" กลับมาประจำการอีกครั้งด้วยประเด็นที่กำลังจะทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังร้อนเป็นไฟ เมื่อประชาธิปัตย์ยกพลเยือนถิ่นสุพรรณบุรี ปราสาทสุดท้ายของแม่ทัพนายกอง "ชาติไทยพัฒนา"
ทำให้นึกถึงคำพูด ท่านหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา "ท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา ที่เปิดใจผ่านรายการ"ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง 66" โดย คุณธรรมสถิตย์ ผลแก้ว ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี 22 ที่ระบุว่า " 5 เขตสุพรรณแพ้ไม่ได้ ใครทุ่มมาเท่าไหร่ พรรคชาติไทยพัฒนาทุ่มหนักกว่า เพราะ 5 เขตในสุพรรณ ผมไม่ยอมปล่อยให้ใครแน่นอน "
ชมคลิป>>>
ข่าวที่เกี่ยวข้อง>>>>
ทว่า "พรรคชาติไทยพัฒนา"กำลังเผชิญบททดสอบครั้งสำคัญในศึกเลือกตั้ง 66 โดยก่อนหน้านี้ เจอพรรคคู่แข่งจ้องดูดผู้สมัครดั้งเดิมจน หนูนา "กัญจนา ศิลปอาชา" พี่สาวหัวหน้าพรรคชทพ. ถึงกับต้องออกโรงสั่งสอนมารยาทการเมือง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 ซึ่งตรงวันศุกร์แต่ดูเหมือนอุณหภูมิของของสุพรรณบุรี กลายเป็น"สุก" หรือ "สุข"
เหตุเพราะ ช่วงกลางวัน แม่ทัพประชาธิปัตย์ "ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน" เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บุกสุพรรณ พร้อมด้วยข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ จัดงานใหญ่ที่อำเภออู่ทอง "เฉลิมชัย" ชัดเจน ไลน์หา "เสี่ยท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา น้องรักเจ้าถิ่น ขออนุญาตเข้าพื้นที่
ตกกลางคืน แม่บ้านพรรคปชป. "เฉลิมชัย ศรีอ่อน"นำขุนพลประชาธิปัตย์ ปราศรัยใหญ่เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ทั้ง 5 เขต ได้แก่ นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ เขต 1 (อ.เมืองสุพรรณบุรี) นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 2 (อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง) นายกิจจา วงศ์ประเสริฐ เขต 3 (อ.อู่ทอง อ.สองพี่น้อง) น.ส.พิรุณวัลย์ บ้านพลูหลวง เขต 4 (อ.ดอนเจดีย์ อ.หนองหญ้าไซ อ.ด่านช้าง อ.เดิมบางนางบวช) และนายภานรินทร์ อินสกุล เขต 5 (อ.ศรีประจันต์ อ.สามชุก อ.เดิมบางนางบวช)
เขต 5 นี่หละครับ ที่ "ขุนเกษตร" จับยามสามตาจะทำให้กระทรวงเกษตรฯร้อนเป็นไฟ เพราะ ศรีประจันต์ ถิ่นของ "ผู้ยิ่งใหญ่" แห่งบ้านควาย "ประภัตร โพธสุธน" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีหลายกระทรวง ปัจจุบัน เป็นเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา พ่วงด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส.ส.สุพรรณบุรี แชมป์เก่า 14 สมัย นักการเมืองลายคราม ระดับตำนานของประเทศ
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา "ประภัตร โพธสุธน" เอาชนะ "เฮียจอง" จองชัย เที่ยงธรรม อดีตคนกันเองที่หันไปใส่สีเสื้อ "ภูมิใจไทย"
แต่วันนี้"ลุงประภัตร" ไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่บารมีทางการเมืองใกล้เคียงกัน หากแต่เป็นนักการเมืองรุ่นหลาน เป็นมือใหม่หัดขับ
ใครคือ ผู้หาญกล้าท้าชิงพื้นที่ เจ้าของบ้านควายอย่างลุงประภัตร
"ภานรินทร์ อินสกุล" หนุ่มน้อยที่มีแววตามุ่งมั่น "ผมเกิดศรีประจันต์ ที่วัดเสือ เลือดผมคือเลือดสุพรรณ ล้านเปอร์เซ็นต์ ผมมีความมุ่งมั่นและตั้งใจอาสารับใช้พี่น้องชาวสุพรรณ ในเขตศรีประจันต์ สามชุก เดิมบางนางบวช"
ภานรินทร์ อินสกุล หรือ "รินทร์วัดเสือ" เป็น ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ "ประยูร อินสกุล" มาวันนี้สวมเสื้อสีฟ้า ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม "ประชาธิปัตย์"
"ผมเป็นบุคลากรทางการแพทย์ จบจากวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปีนี้อายุ 25 ปีครับ ตัวตนของผม เลือดสุพรรณ ยึดถือ ยึดมั่น กตัญญู"
"รินทร์ วัดเสือ" เภสัชกรหนุ่ม แม้จะหน้าใหม่ แต่ความตั้งใจและแรงผลักดัน ไม่ใช่ธรรมดา
"ผมลงพื้นที่ เกาะติดสถานการณ์มาโดยตลอดครับ สิ่งที่ผมบอกพี่น้องประชาชนคือ หัวใจของผมคือพี่น้องประชาชน ผมไม่ขายฝัน ไม่มีความคิดเพ้อฝัน ผมเลือกพรรคประชาธิปัตย์เพราะมีนโยบายที่สามารถทำจริงได้ อย่างนโยบายประกันรายได้ที่เป็นตัวขับเคลื่อนของรัฐบาล เวลานี้พิสูจน์ด้วยผลงานมาแล้วว่าทำได้จริง เป็นอุดมการณ์ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริง สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามขับเคลื่อนคือเรื่องของสุขภาพอนามัยซึ่งตรงกับที่ผมร่ำเรียนมา"
เมื่อถามว่า พร้อมสำหรับการเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหน "รินทร์ วัดเสือ" บอก "ขุนเกษตร" ว่า "ผมพร้อมครับ ผมจะลงพื้นที่ไปบอกกับลุงป้าน้าอาบอกประชาชนในพื้นที่ถึงความตั้งใจของผม" มั่นใจแค่ไหนนั้น "ภานรินทร์" ตอบว่า "ลงสนามแล้วต้องสู้ให้เต็มที่ ทุกคะแนนเสียงคือเสียงสวรรค์ เราทำด้วยใจ หัวใจเรานี่หละจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมด"
ฟังแนวคิดของนักการเมืองรุ่นใหม่แล้ว "ขุนเกษตร" ก็อึ้งๆ สุพรรณบุรี น่ารัอนเป็นไฟในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เมื่อ"สดบดเก๋า" คนหนึ่งเป็นลูกชายปลัด อีกคนเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ
มองมุมไหน กระทรวงเกษตรฯ แทบจะลุกเป็นไฟ เปิดหน้าการเมืองระหว่าง"พรรคประชาธิปัตย์"กับ"ชาติไทยพัฒนา" ที่สำคัญ ต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้
"รินทร์วัดเสือ" กับ "ประภัตรบ้านควาย" ใครจะถึงฝั่งฝัน แค่คิดก็สนุกแล้ว