ถอดรหัส “จดหมายลุงป้อม” ลงทุน Minimal กำไร Maximum

ถือว่าเป็นอีกกรณีศึกษาที่น่าถอดรหัส สำหรับ “จดหมายลุงป้อม” ที่เผยแพร่ออกมาแล้ว 5 ฉบับ ผ่านช่องทางสื่อโซเชียล ซึ่ง “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” นายกสมาคมรัฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ได้บอกเล่ากับ Nation Online ว่า นี่คือการทำตลาดทางการเมืองที่น่าสนใจ เป็นการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็มีนัยยะ มีข้อเสนอ... ให้หลายๆ ฝ่ายต้องเก็บไปขบคิด

ลงทุน Minimal กำไร Maximum

อันดับแรกที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของ “จดหมายลุงป้อม” นั่นก็คือการลงทุน ที่ รศ.ดร.ธนพร ระบุว่า ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก หากเทียบกับต้นทุนที่ลงไป   

ในแง่การใช้ทรัพยากร คือ “ลุงป้อม” นี่นะครับ ลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูง โพสต์เฟซบุ๊ก “จดหมายลุงป้อม” อาจได้รับการกล่าวถึงในวงสังคมมากกว่า “ลุงตู่” ไปขึ้นเวทีปราศรัยที่โคราชด้วยซ้ำ

ผมมองในเชิงของการลงทุนเลยนะ บางทีมันก็วัดอะไรได้หลายอย่าง วัดวิธีคิดของทีมงานหลังบ้าน ไม่ใช่ทีมงานหลังบ้านของ “ลุงตู่” ไม่เก่งนะ แต่ว่า Paradigm (กระบวนทัศน์) ในการเดินเกม มันยังอยู่ใน Paradigm แบบเดิม เน้นอลังการงานสร้าง โอเคแหละ มันอาจจะได้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก็ต้องใช้ต้นทุนที่สูง แต่ “จดหมายลุงป้อม” เป็นการลงทุนแบบ Minimal แต่ให้กำไรแบบ Maximum

บทความที่น่าสนใจ

• นายกรัฐมนตรี คนต่อไป ไม่ "บิ๊กป้อม" ก็ "บิ๊กตู่"

• จัดอันดับทีมเศรษฐกิจ พรรคใดปัง พรรคไหนแป้ก

• แคนดิเดตฯ เพื่อไทย เป็นใครไม่สำคัญ สุดท้ายบิ๊กป้อมเป็นนายกฯ

จดหมายลุงป้อม  ขายตรงแบบ Hard Sale

ด้วยรูปแบบของจดหมายเปิดใจ ทำให้สามารถบอกเล่าและอธิบายเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องที่ซับซ้อนเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจของสังคมไทย ซึ่ง “ลุงป้อม” สามารถเชื่อมโยงและนำเสนอ “ตัวเอง” เป็นทางเลือก ได้อย่างเนียนๆ   

“ลุงป้อม” ขายตรงกับสังคม กับปีกอนุรักษ์นิยมเลย โดยใช้คำว่า ท่านมีจิตวิญญาณความเป็นอนุรักษนิยมอย่างเต็มเปี่ยม (จดหมายลุงป้อม ฉบับที่ 4) ตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอำพราง แต่จุดเด่นของท่านคือ เป็นคนที่เข้าใจวิธีคิดของ Player ทางอำนาจในระบบการเมือง 2 กลุ่มสำคัญ

กลุ่มที่ 1 ก็คือ “กองทัพ” ส่วนกลุ่มที่ 2 ท่านใช้คำว่า “อีลิท” (Elite) คำถามคือ ทั้ง “กองทัพ” ทั้ง “อีลิท” รวมอยู่ที่ไหนล่ะ ก็รวมกันอยู่ที่ “วุฒิสภา” ไงครับ ท่านกำลังจะบอกว่า ท่านเป็น “คนมีของ” เพราะฉะนั้นอยากเป็นรัฐบาล อยากร่วมงานกับ “คนมีของ” หรือเปล่าล่ะ

เพราะท่านมั่นใจว่า “ท่านมีของ” ท่านจึงกล้าขายตรง ถ้าให้โอกาสท่าน ท่านทำได้ แล้วนัยยะ “ถ้าให้โอกาสผม” (จดหมายลุงป้อม ฉบับที่ 3) นั่นก็คือ การเป็น “นายกรัฐมนตรี” นั่นเอง ชัดเจนพอไหมครับ

และส่วนหนึ่งก็เป็นการสื่อสารตรงไปตรงมากับ “พรรคเพื่อไทย” ว่าการหาเสียงจะแลนด์สไลด์อะไรก็ว่ากันไป แต่ท่านบอกว่า ท่านมีเครือข่ายทั้ง “กองทัพ” และ “อีลิท” เพราะท่านเข้าใจวิธีคิดของ “กองทัพ” เข้าใจความปรารถนาดีของ “อีลิท” มันจะมีใครครบเครื่องเท่าท่าน อันนี้คือสิ่งที่ “ลุงป้อม” ต้องการจะขาย

แล้วก็ไม่ปิดบังอำพรางว่า ท่านนี่แหละเหมาะที่สุดในการเป็นนายกฯ เพราะเข้าใจโครงสร้างทางอำนาจ ซึ่งในการบริหารจัดการทางการเมือง มันไม่ได้จบแค่ผลการเลือกตั้ง มันยังมีโครงสร้างอำนาจที่อยู่ในระบบการเมืองไทย

อย่างเช่น “กลุ่มเทคโนแครต” ซึ่งก็อยู่ใน “อีลิท” มีพวกนักธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหอการค้า สภาอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งก็อยู่ใน “อีลิท” รวมถึงข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งให้คุณให้โทษผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ก็อยู่ใน “กองทัพ” และ “กลุ่มอีลิท”

นัยยะ “จดหมายลุงป้อม” แฝงข้อเสนอ ให้ “พรรคต่างขั้ว” ต้องขบคิด

“จดหมายลุงป้อม” นอกการสื่อสารไปยังกลุ่มอนุรักษ์นิยม ที่เป็นทาร์เก็ตของ “พรรคพลังประชารัฐ” แล้ว ยังมีนัยยะสื่อไปถึงฝั่งเสรีนิยม ด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจ

ลุงป้อมกำลังจะบอกว่า วันนี้จะหาใครครบเครื่องเท่าท่านได้อีก แล้วเราคิดว่าวันนี้ ส.ว. จะยกมือให้กับ “คุณอนุทิน” เป็นนายกฯ ไหมครับ ? จะยกมือให้ “คุณอุ๊งอิ๊งค์” หรือแคนดิเดตฯ ของ “พรรคเพื่อไทย” เป็นนายกไหม ? จะมี ส.ว.คนไหนยกมือให้ “คุณพิธา” เป็นนายกไหมครับ ?

เพราะฉะนั้น “ลุงป้อม” จึงต้องการย้ำว่า ท่านเข้าใจวิธีคิดของ Player อำนาจทางการเมือง 2 กลุ่ม ซึ่งเรื่องนี้ “พรรคเพื่อไทย” ซาบซึ้งดีว่า ถ้าทั้ง 2 กลุ่มนี้ไม่เออออห่อหมกด้วย ยังไง “เพื่อไทย” ก็เป็นรัฐบาลไม่ได้

ต่อให้เป็นรัฐบาลได้ ก็จะเจอวิกฤตเหมือนกับ “คุณยิ่งลักษณ์” เคยเจอ เหมือนกับ “คุณสมัคร” เคยเจอ ซึ่งผมคิดว่า “พรรคเพื่อไทย” คงไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นอีกแล้ว

แต่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ “พรรคเพื่อไทย” ไม่เป็นรัฐบาลไม่ได้แล้ว เพราะว่าห่างหายจากการบริหารประเทศมาเกือบ 10 ปี เครือข่ายต่างๆ ที่สะสมไว้ มันห่างหายไปหมดแล้ว

ดังนั้น “พรรคเพื่อไทย” จึงไม่มีทางเลือก ต้องพยายามเป็นรัฐบาลให้ได้ มันจึงเป็นความจำเป็นของ “พรรคเพื่อไทย” แล้ว “ลุงป้อม” ก็ Hard Sale นำเสนอตัวเองอย่างตรงไปตรงมา

ภาพประกอบจาก FB : พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ