เจาะสนามเลือกตั้ง กทม. เปิดใจ "กิตพล เชิดชูกิจกุล" ปชป.ครั้งนี้ไม่สูญพันธุ์

"ผมเชื่อว่าประชาธิปัตย์จะได้รับโอกาสจากประชาชน ต้องมี ส.ส.ปชป.ของกทม.แน่นอน และผมพยายามเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น..."

คำยืนยันของ "กิตพล เชิดชูกิจกุล" สมาชิกสภากทม.4 สมัย ที่ประกาศตัวลง สมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขตประเวศ กทม. ในนามพรรค"ประชาธิปัตย์" 

 

"กิตพล เชิดชูกิจกุล" ถือเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋าของค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ก้าวสู่เส้นทางการเมืองตั้งแต่เริ่มเป็นยุวปชป. ปี 2529 ร่วมทีมหาเสียงของ"พิชัย รัตตกุล" อดีตหัวหน้าพรรค และ "เล็ก นานา" อดีตเลขาธิการพรรค ซึ่งทั้งสองถึงแก่กรรม

 

การได้อยู่ร่วมทีมหาเสียง ทำให้เขาได้สัมผัสถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่กทม.และต้องการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา จน"พรรคประชาธิปัตย์"คัดเลือกลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากทม.เขตประเวศ ได้รับเลือกตั้งมาถึงสี่สมัย และได้เป็นประธานสภากทม.เมื่อปี 51- 53

 

"ผมเกิดที่นี่โตที่นี่ เมื่อก่อนเขตนี้เป็นส่วนหนึ่งของเขตพระโขนง ถือเป็นเขตไกลปืนเที่ยง ผมได้สัมผัสชีวิตของพี่น้องประชาชน พบปัญหาต่างๆ ระบบสาธารณูปโภค ภาวะน้ำท่วมใหญ่ เห็นความยากลำบาก ปัญหาน้ำประปา คุณเชื่อไหม คนประเวศแขวงดอกไม้ไม่มีน้ำประปาใช้ ต้องกักน้ำไว้ ใส่สารส้มแกว่งนี่คือกทม.เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยใช่ไหม ตรงนี้เป็นแรงผลักดันเข้าสู่เวทีการเมือง" กิตพล" เล่าเส้นทางการเมือง ผ่าน"รายการผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง เนชั่นทีวี"

 

 

จุดกำเนิดการเป็นผู้แทนอย่างแท้จริง เริ่มจากเป็นส.ก.ในเขตประเวศ สี่สมัย โดยได้คะแนนสูงสุดเป็นแชมป์กทม.ปี 2549 และได้รองแชมป์หนึ่งสมัยในปี 2545 การเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ปี 2553 หมดวาระปี 2557 เนื่องจากมีการปฏิวัติรัฐประหาร กระทั่งมีการเลือกตั้งส.ก.ปี65 "กิตพล" เปิดทางให้ "ธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล" น้องชายลงชิงชัย ซึ่งน้องชาย สามารถรักษาเก้าอี้ส.ก.เขตประเวศได้สำเร็จ ขณะที่เจ้าตัวเตรียมลงสนามใหญ่ "เลือกตั้งส.ส."

 

"กิตพล" เล่าว่า ได้ปรึกษากับผู้ใหญ่ในพรรคที่ให้โอกาสทำหน้าที่สมาชิกสภาท้องถิ่นมาสี่สมัยแล้ว มีประสบการณ์ความพร้อม เป็นประธานสภา ปี 51-53  ตอนเป็นประธานสภาเราทำหน้าที่ทั้ง 50 เขต การลงสมัครส.ส.จะได้ใช้ประสบการณ์ทำงานให้ประชาชนมากกว่านี้  
 

 

เป็นห่วงเรื่องกระแสปชป. ดร็อปลงหรือไม่

 
"กิตพล" บอกว่า  ในทางการเมือง ทุกพรรคมีขึ้นมีลงเป็นปกติ แต่สิ่งสำคัญเป็นอุดมการณ์ที่มั่นคงมากกว่า ความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนให้โอกาส เหมือนการเลือกตั้งปี 62 "ปชป."ไม่ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่ที่นั่งเดียว ใน กทม.ต้องถือว่าเป็นอุบัติเหตุทางการเมือง เป็นบทเรียนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องมาปรับตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ในการตัดสินใจพี่น้องประชาชน ณ ขณะนั้น เพราะฉะนั้น สิ่งต่างๆเหล่านั้น เชื่อว่าความเป็นสถาบันการเมืองซึ่งมีมากว่า 70 กว่าปี ได้บ่มเพาะประสบการณ์ทางการเมือง  เชื่อว่าวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป กาลเวลาเป็นบทพิสูจน์ตัวเรา

 

"เหมือนอย่างการเลือกตั้ง ส.ก.เมื่อปี 65  พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งส.ก.จำนวน 9 ที่นั่ง เห็นได้ว่าจากปี 62 ผ่านมาสามปีถัดมาเราได้แรงสนับสนุนจากพี่น้องกทม. เชื่อว่า ความมุ่งมั่นและตั้งใจ ผู้แทนปชป.ทุกเขตมีอยู่ ประชาชนให้โอกาสกับพวกเรา เชื่อว่าการเลือกตั้งส.ส.กทม.ที่จะถึงนี้เป็นอีกครั้งที่พี่น้องประชาชนให้โอกาสกับพวกเรา"

วิเคราะห์ โอกาสและความเป็นไปได้ ส.ส.กทม.ของ"พรรคประชาธิปัตย์"

 

นักการเมืองรุ่นเก๋าแห่งพื้นที่ประเวศ บอกว่า  "ถ้าถามความหวัง เราคิดว่าการส่งผู้สมัคร เราหวังทุกพื้นที่ แต่ประชาชนให้โอกาสแค่ไหน ผมว่าเป็นการตัดสินใจของประชาชน เราเคารพการตัดสินใจอยู่แล้ว ถามว่าโอกาสมีมากแค่ไหน จากสนามเล็กเราได้รับการตอบรับอย่างดี ได้กำลังใจจากที่ผ่านมาว่าเป็นอุบัติเหตุทางการเมือง เดินมาหลายที่ หาเสียงให้น้องชาย (ธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล) ก็มีพี่น้องประชาชนมาบอกว่า  ไม่ต้องห่วงเลย น้ำท่วมก็เจอกิตพล เมื่อก่อนถนนเป็นหลุมบ่อ  กิตพลก็มาทำให้พวกเราไม่เคยลืม  เพราะฉะนั้น ตรงไหนพื้นที่อ่อนก็ไปหาที่นั้นเลย นี่คือเสียงตอบรับในการเลือกตั้งปี 65   
 

"เราอาจเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา  แต่เป็นบทเรียนที่เราต้องแก้ไข ผมเชื่อว่าวันนี้ ท่านหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคปชป. ผู้หลักผู้ใหญ่ สมาชิกพรรคทุกคนตระหนักดีว่า การเป็นความหวังให้พี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่เราต้องปรับตัว ไม่ใช่เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมตลอดเวลาหรืออะไรต่างๆ แต่การปรับตัวของเรา ต้องไม่ปรับจนตัวเราเปลี่ยน ยังต้องยืนอุดมการณ์ที่มั่นคง  คิดว่าเป็นจุดยืนที่ปชป. และผู้สนับสนุนทุกคนให้โอกาส"  กิตพล กล่าว  

 

เมื่อโฟกัสเขตประเวศ ถือเป็นพื้นที่ความหวังสูงของพรรคปชป.

"กิตพล" อดีตส.ก. 4 สมัย กล่าวว่า จะบอกแน่นอนไม่ได้ ตลอดการเลือกตั้งส.ก.สี่สมัย ไม่เคยเชื่อว่าผมชนะ กระทั่งเปิดหีบนับคะแนนว่าชนะ เรายืนยัน สิ่งหนึ่งที่ได้รับเสียงตอบรับประชาชน เขตประเวศเป็นเขตหนึ่งที่พี่น้องให้กำลังใจ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่มี เราต้องทำงานเต็มที่ เป็นความตั้งใจในฐานะผู้สมัคร

 

"แม้วันนี้หลายท่านอาจมองว่าปชป.กระแสเป็นแบบนี้ จะรอดหรือเปล่า ผมคิดว่าประชาชนชาวไทยให้โอกาสปชป.มาเจ็ดสิบกว่าปี บุคคลากร ผู้สมัครทุกคนที่พรรคคัดสรรมา ด้วยความตั้งใจว่าจะเป็นผู้แทนที่ดี เชื่อว่า ประชาชนจะให้โอกาส"  

 

"ไม่มีการขาดทุนแน่นอนครับ"  กิตพล กล่าวพร้อมรอยยิ้มแสดงความมั่นใจ

 

"กิตพล" เล่าถึงการได้รับรู้ปัญหาของพี่น้องประชาชน และจากประสบการณ์ทางการเมือง มีหลายเรื่องเตรียมผลักดันเข้าสู่สภาฯหากได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.เขตประเวศ

 

"ผมเชื่อว่าการที่ผมลงเลือกตั้งสี่ครั้ง ความจริงใจ ความตั้งใจที่เรามีเป็นบทพิสูจน์ให้ประชาชน เรามีความตั้งใจเป็นตัวแทนประชาชนได้มากน้อยขนาดไหน ปัญหาหลายเรื่อง ที่เราคิดว่า วันนี้เราต้องแก้ไขปัญหา ให้พี่น้องอะไรบ้าง เช่น พื้นที่เขตประเวศ โรงขยะส่งกลิ่นเหม็น ต้องมีการผลักดันเป็นรูปธรรมชัดเจน ในการทำโรงงานระบบปิด หรือออกกฎหมายสะอาดตามที่อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. "ดร.เอ้" สุชัชวีร์  สุวรรณสวัสดิ์ ได้นำเสนอเอาไว้" 

 

 

หรือแม้แต่กรณีปัญหาฝุ่น PM. 2.5  ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งเกิดขึ้นกทม. แต่ต้นเหตุไม่ได้มาจากกทม.แต่มาจากหลายจุด  ฉะนั้นการที่เราได้มีโอกาส ทำหน้าที่ ส.ส. สามารถออกกฎหมาย ผลักดันดูแลได้มากกว่านี้  ปัญหาการจราจรติดขัด ต้องมีมาตรการหลายเรื่องพูดคุยกัน  ไม่ว่าหน่วยงานในกทม.ต้องคล่องตัวมากขึ้น

 

"กิตพล" เสนอว่า  พื้นที่กทม. มีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบระบบงานต่างๆ เช่น กรมทางหลวง การประปา ไฟฟ้า ทำถนนเสร็จ ประปาขุด ต่อ ไม่ได้รื้อย้ายเสาไฟฟ้า หรือกรณี สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากี่จุด การจราจรแออัดจะทำอย่างไร ควรมีเจ้าภาพรวมบริหารหรือไม่ หรือให้มีกระทรวงหนึ่งหรือไม่ ดูแลกทม.กับปริมณฑล สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ จากการผลักดันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากสภา ไม่ใช่แค่สภา กทม. ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคด้วย

 

 

"กิตพล" ยังได้เสนอให้มีการออก"พ.ร.บ. พัฒนาทรัพย์สิน ให้ประชาชนใช้สอยร่วมกันเกินสิบปี" จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไข เช่น ชุมชน หมู่บ้าน ที่มีที่จัดสรร หมู่บ้านเล็กๆ ขายหมดแล้ว แต่ปล่อยถนนทิ้งไว้ เป็นถนนส่วนบุคคลไม่ได้ยกเป็นสาธารณะ ไม่สามารถพัฒนาได้ การผลักดันกฎหมายเหล่านี้ ทรัพย์สินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เราจะเข้าไปพัฒนาให้ทำให้แก้ปัญหาในหลายจุดไม่ใช่    เฉพาะกทม.หมายถึง คนทั้งประเทศได้รับการแก้ไขจากกม.ฉบับนี้

 

"เราเคยเจอปัญหา การจัดสรรที่ดินปว. 286 ในการจัดสรรที่ดิน จนกระทั่งปี 2543  ส.ส.ปชป."คุณทิวา เงินยวง"ออกพ.ร.บ.จัดสรรที่ดินปี 2543  สมมติ ใครมีที่ดินสักแปลง ตั้งป้ายขาย แบ่งที่ดิน ถ้าโครงการขายได้ก็ทำต่อ ขายไม่ได้ถนนก็โดนทิ้งร้าง บ้านสร้างไม่เสร็จ เรามาแก้ไขในพ.ร.บ.จัดสรร ให้มีสิ่งต่างๆครบถ้วนจึงเปิดขายได้ สิ่งต่างๆ  เหล่านี้ปชป.รับฟังจากประชาชน เราจะผลักดันสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายของประชาธิปัตย์

 

การเลือกตั้งส.ส.กทม."ยึดกระแส"หรือ"ตัวบุคคล"

"ผมว่า คนกทม. เลือกตั้งแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่มีบทเรียนบทไหน หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง หรือ สองบวกสองเป็นสี่ ทุกอย่างมีสมการตัวแปร โพลหลายโพลที่ออกมา ถามคนกทม.แต่ผลการเลือกตั้งไม่ตรงกับผลโพลสักเท่าไหร่ เป็นลักษณะเฉพาะชองชาวกทม."

 

"ผมคิดว่า การเมืองในบ้านเรามีการพัฒนาต่อเนื่อง ปชป.อยู่มาเจ็ดสิบกว่าปี บางคนบอกโบราณเหลือเกิน อยากเรียนว่า สิ่งที่ปชป.เกิดขึ้นในปี 2489 เป็นอุดมการณ์ที่มั่นคงช่วยเหลือประชาชน เราปรับตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2522  เราเหลือที่นั่งเดียวคือท่านหัวหน้าพรรค พ.อ.ถนัด คอมันตร์ ปี 2535/1เหลือท่านเดียว คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เราเองไม่มีแม้แต่ที่นั่งเดียวในปี 2562"

 

เขาเผยความในใจว่า ตามที่กล่าวไว้เมื่อปี 62 เราอาจเรียกว่าอุบัติเหตุทางการเมือง หรือปัญหากระแสต่างๆ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็วมาก ถ้าวันนั้นกทม.โพลบอกว่า เราได้ 15 ที่นั่งจาก 30 ที่นั่ง  แต่เลือกตั้งไม่เหลือสักที่นั่ง ถามว่าระหว่างทางเดินจากวันนี้ถึง"วันเลือกตั้ง66" อาจเกิดอะไรขึ้นได้ภายใต้กรอบจำกัด ผมเชื่อว่าพี่น้องกทม.มีวิจารณญาณ ในการพิจารณา สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่ปชป.จะต้องนำกลับมาศึกษาเรียนรู้ในการแก้ปัญหาเพราะปชป.ยืนหยัดอุดมการณ์ที่มั่นคง ว่าเราเป็นที่พึ่งของประชาชน" 

 

"กระแสวันนี้มันเปลี่ยนหลายเรื่องหลายอย่าง  เมื่อก่อนเราหาเสียงอาจต้องเคาะประตูพบปะประชาชน  เดี่ยวนี้มีมือถืออยู่ในโซเชียลมากขึ้น เรามีน้องๆ รุ่นใหม่ ที่เราต้องทำความเข้าใจกับเขาทางด้านการเมือง ในมุมมองของปชป.มากขึ้น เชื่อว่าแต่ละเขตแต่ละพื้นที่มีการปรับตัวส่วนนี้มากขึ้น" 

 

ธรรมชาติของพี่น้องชาวกทม."เลือกกระแส" หรือตัว"บุคคล"? 

"กิตพล" มองว่า มีสองส่วน เพราะถ้ากล่าวถึง"กระแส" อย่างคราวที่แล้วเลือกตั้งส.ก. เขตประเวศ ผลโพลออกมาว่า น้องชายผมอยู่ลำดับที่สี่ แต่ปรากฎว่าเขาได้รับเลือกตั้งเป็นส.ก. อย่างที่บอกการสำรวจโพล กับการเลือกตั้งไม่เคยตรงหรอก ตรงนี้เป็นผลจากการลงพื้นที่ สัมผัสปัญหาแก้ไขดำเนินการ

 

"อย่างเรื่อง กระแส ดูจากการเลือกตั้งส.ก.เมื่อปี 65  มีสีอื่นล้อมรอบ มีสีฟ้าสีเดียวในเขตประเวศ และสีฟ้าไปอยู่ริมแม่น้ำหมด ผมว่าประชาชนให้โอกาสเรา เห็นความจริงใจ  อย่างที่เรียนตัวบุคคลและกระแสมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวกทม.ในการตัดสินใจ เราอาจเห็นผู้แทนที่มาจากกระแสก็ไปกับกระแส แต่ถ้าคนทำงานที่อยู่ตรงด้านนี้ เราสามารถยืนหยัดอยู่ได้"

 

"ผมเชื่อว่า หัวใจที่มีแต่ ความจริงใจ ความตั้งใจเป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่เรียนว่า กระแสแน่นอนเมื่อก่อนมีวลี บางเรื่อง ถ้ากระแสดี ส่งเสาไฟฟ้าได้หมด แต่วันนี้ผมว่า ไม่ใช่ โลกเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้ต้องปรับตัวเข้าถึงพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง" 

 

เขตประเวศ ถือเป็นเขตความหวังสูง ของปชป.?

"กิตพล" บอกว่า เป็นสัญญาณที่ดีมีเสียงตอบรับแบนนั้น แต่ผมต้องทำงานอีกเยอะ ทำงานอย่างหนัก พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า นี่คือทำงานของผม "กิตพล เชิดชูกิจกุล" ในฐานะผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตประเวศได้อย่างไร  

 

"ผมเชื่อว่าสิ่งที่เป็นรูปธรรม ประชาชนจับต้องได้ต่างหาก ไม่ใช่เรื่องขายฝัน อยู่ในอากาศว่าต่อไปเป็นอะไร บทพิสูจน์ ส่วนหนึ่งจากการเลือกตั้งส.ก.สี่ครั้ง คะแนนไม่เคยน้อยลงเลย ครั้งแรกได้ หมื่นหกร้อยห้าสิบคะแนน ครั้งสองได้สองหมื่นหนึ่งพันคะแนน ครั้งสาม สองหมื่นสี่ พันคะแนน ครั้งที่สี่ สองหมื่นห้าพันคะแนน" 

 

นอกจากนั้นจุดที่เราเผชิญกระแสเราเคยเจอมาตอนปี 2545 ปชป.ตกต่ำอย่างนี้เหมือนกันกราฟลงเยอะมาก แต่ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นที่สองของกทม. 

 

ขอคำยืนยัน?

"ผมเชื่อว่า ปชป.จะได้รับโอกาสจากประชาชนต้อง มีส.ส.ปชป.ของกทม.แน่นอน และผมพยายามเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นแน่นอน และถ้าเป็นผม คิดว่าเราได้มากกว่านั้น เห็นผู้สมัครแต่ละเขตมุ่งมั่น แต่เรียนอย่างนั้นไม่ถูกนัก ถือเป็นความคาดหวังของเรา แต่ความจริง อยู่ที่พี่น้องประชาชนต่างหาก"

 

อดีตส.ก.สี่สมัย "กิตพล เชิดชูกิจกุล" ผู้สมัครส.ส.เขตประเวศ กทม.พื้นที่ความหวังของปชป. กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมั่นใจ 

 

ชมคลิป >>>

ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง "เขตประเวศ" กทม. สนามความหวัง"ปชป."