6 มีนาคม 2566 “นายกรณ์ จาติกวณิช” โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ กรณี “ธนาคารแห่งประเทศไทย” ปล่อยคลิปกล่าวหานโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ของ “พรรคชาติพัฒนากล้า” โดยขึ้นพาดหัวในคลิปลงเพจธนาคารแห่งประเทศไทยว่า "มีเรื่องของเครดิตบูโรด้วยว่าอยากให้ลบ"
ซึ่งไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงแต่อย่างใด จนทำให้นายกรณ์ ต้องโพสต์ตอบโต้ในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ตนไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่แบงก์ชาติแกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริง ว่าข้อเสนอเรื่องเครดิตบูโรของ “พรรคชาติพัฒนากล้า” คืออะไร
แค่ประโยคแรกที่พิธีกรพูดว่า มีข้อเสนอเรื่องเครดิตบูโรว่า "อยากให้ลบ (เครดิตบูโร)" และมีภาพขยายประเด็นว่าลบไม่ได้เพราะอะไร ก็ทำให้มีคำถามแล้ว ซึ่งข้อเสนอเรา "ไม่มีการลบข้อมูลใดๆ" ของใคร และ "ไม่มีการยุบหรือลบเครดิตบูโร" แต่เป็นการเสนอให้แก้กฎหมาย เพื่อสามารถนำข้อมูลการใช้ชีวิตทางการเงินของผู้กู้ทั้งหมดมาประมวลรวมเป็นเครดิตสกอร์ (Credit score) แก้ปัญหาการเกิดสภาพ "บัญชีดำ" หรือ “แบล็กลิสต์” นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"สุวัจน์" เผย "เลือกตั้ง 66" วาง "ชาติพัฒนากล้า" เป็นพรรค "นิช มาร์เก็ต"
"กรณ์" กรีดกลับ “ชวน” พาดพิงเชิงทวงบุญคุณ ชี้ มีสิทธิ์คิด ฟังคนเคยศรัทธาบ้าง
นายกรณ์ กล่าวว่า ระบบปัจจุบันจะระบุเพียงประวัติการผิดนัดชำระหนี้ แล้วบอกว่าคนนี้คือ “คนไม่ดี” (เป็นคำของแบงก์ชาติเอง) แต่เรากำลังพยายามบอกว่า ในขณะที่ลูกหนี้คนนั้นเขาผิดนัดชำระหนี้ตัวหนึ่ง เขาอาจจะยังเป็น “คนดี” ชำระหนี้ครบถ้วนอยู่อีกหลายตัวนะ เช่น ค่านํ้า ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการประกอบอาชีพ
ทั้งหมดนี้เรามองว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ควรเอามานับด้วย และคำนวณออกมาเป็นคะแนน หรือ เครดิตสกอร์ เมื่อปรากฏเป็นสกอร์จะไม่มีความเป็นบัญชีดำ และสกอร์จะปรับขึ้นลงได้แบบเรียลไทม์ ต่างกับระบบปัจจุบันที่ต้องรอ 3 ปี ที่สำคัญจะเกิดการแข่งขันที่โปร่งใส
ซึ่งแบงก์ชาติเองน่าจะชอบ เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่แต่ละธนาคารจะกำหนด ควรจะขึ้นอยู่กับสกอร์ของผู้กู้แต่ละคน
“นายกรณ์” กล่าวต่อไปว่า ตนว่าจะสร้างสรรค์กว่ามาก หากแบงก์ชาติมาช่วยกันคิดว่า เราจะปรับปรุงระบบการประเมินความหน้าเชื่อถือของประชาชนอย่างไร เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้พี่น้องคนไทยถูกผลักออกจากระบบการเงิน
ในมุมของตน แบงก์ชาติไม่ได้มีเพียงหน้าที่ดูแลความเข้มแข็งของสถาบันการเงิน แต่มีหน้าที่ช่วยลดต้นทุนการเงินของประชาชนและภาคธุรกิจด้วย อย่านำเสนอความคิดต่อต้านสิ่งที่ไม่มีใครบอกว่าจะทำครับ เสียเวลาและสร้างความสับสนในสังคม
เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่า จะทำสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะเรื่องจริงเรื่องหนึ่งคือปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนทั่วไป