15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่อาคารรัฐสภา นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวชี้แจง กรณีนายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ช่วงหนึ่งถึงเรื่องค่าไฟฟ้า และนโยบายพลังงานของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการจัดสรรก๊าซในอ่าวไทย ว่า ไม่อยากมองให้เป็นประเด็นว่ารัฐบาลชุดนี้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนภาคอุตสาหกรรม
โดยนโยบายเรื่องก๊าซในอ่าวไทย ไม่ได้บอกให้ประชาชนแบกภาระก๊าซ LNG อุตสาหกรรมรับของถูกไปคนเดียว ซึ่งโครงสร้างราคาไม่ได้เป็นเช่นนี้ วันนี้เป็นราคาเดียวกัน ราคาไฟฟ้าไม่ใช่แค่ครัวเรือนอย่างเดียว แต่ยังมีอุตสาหกรรมด้วย และก๊าซที่เข้าอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต
ทั้งนี้ การที่ผู้อภิปรายจะให้เปลี่ยนโครงสร้างเป็นการถาวรให้ใช้น้ำมันเตา ยืนยันว่าเป็นราคาเดียวกันไม่ได้ เป็นราคาที่ให้ใครไปแบก และเป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน และการจัดสรรก๊าซธรรมชาติก็ต้องเท่าเทียมเป็นประโยชน์ไม่ให้ใครแบกภาระทางใดทางหนึ่ง และเกื้อกูลเศรษฐกิจด้วย
ยอมรับว่า มีช่วงหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติ และวิกฤตจริง ๆ ที่มีราคาที่จะต้องนำเข้า ก๊าซ LNG ราคาแพง ส่วนปิโตรเคมีได้ราคาต่างหาก ซึ่งต่างชาติเชื่อมั่นในนโยบายนี้ในการเข้ามาลงทุน มาโดยตลอด
ทั้งนี้ ถ้าอยากให้เปลี่ยนโครงสร้างลองมาทำดู ถ้าเปลี่ยนอย่างที่ทำ บอกไปเลยว่าไม่ไห้ใช้แล้วอุตสาหกรรม ไปใช้น้ำมันเตา เลิกใช้ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ไปทำกันดู ไปเอาตัวรอดกันดู ท่านกำลังทำให้อุตสาหกรรมในประเทศไทยพังทลายไป เพราะ 30 ปีที่ผ่านมามาด้วยความมั่นใจและ
นโยบายของรัฐบาล ที่ดูแลในเรื่องความเพียงพอและดูแลในเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่มีใครอยากจะใช้น้ำมันเตาเป็นวัตถุดิบ โดยเรื่องเชื้อเพลิงเขาพยายามที่ลดไปเรื่อย ๆ เพื่อสอดคล้องกับทิศทางความเป็นกลางของคาร์บอนในโลกนี้ ทำชั่วครั้งชั่วคราว ขอความร่วมมือกันทำกันได้ แต่ไม่ได้ทำ เพราะเขาปักใจและเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่ารัฐบาลจะมีคำมั่นสัญญาในส่วนนี้กับเขา ถ้าเป็นรัฐบาลลองทำดูและต้องรับผิดชอบ กับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเอง