23 มกราคม 2566 มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัยย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องที่กรรมาธิการ การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พิจารณาแล้วเสร็จ เรื่องแนวทางการส่งเสริมและการพัฒนาการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ รายงานผลการศึกษา ปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการใช้กฎหมายเลือกตั้ง และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการเลือกตั้ง ส.ส. และการเลือกตั้งท้องถิ่นให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และในช่วงเวลานี้ใกล้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งจากรายงานพบปัญหาในการเลือกตั้ง ทั้งปัญหาด้านกฎหมายและปัญหาในทางปฏิบัติ อันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมหลายกรณี เช่น
การซื้อสิทธิ์ขายเสียง เกิดจากภาวะความเป็นอยู่ของประชาชนและปัญหาทางเศรษฐกิจ และเกิดวัฒนธรรมทางการเมืองแนวทางที่จะสร้างปัญหากลายเป็นอิทธิพลในท้องถิ่น และการจัดเลือกตั้งยังไม่เอื้ออำนวยให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพ และยังพบว่ามีการใช้เงินซื้อเสียงอย่างกว้างขวาง สะท้อนว่าการบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ
พร้อมย้ำว่า รายงานฉบับนี้ได้รายงานบนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และอาจจะกระทบต่อนักการเมืองบางส่วน แต่จะก่อให้เกิดผลดีในทางปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม และมีแนวทางข้อเสนอการแก้ไขปัญหากรณีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และแนวทางแก้ไขปัญหากรณีกฎหมายห้ามจัดมหรสพ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้โอกาสในการเลือกตั้งเข้ามาทำมาหากิน ขายของ หรือฟังการปราศรัย หวังวุฒิสภาเห็นถึงปัญหา
นายวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี เลขานุการกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ได้พิจารณาการเลือกตั้งซ่อม 5 จังหวัด นครปฐม กำแพงเพชร ลำปาง นครศรีธรรมราชและขอนแก่น และการเลือกตั้งท้องถิ่น กทม.-พัทยา มีเรื่องผลศึกษาการประกาศผลการเลือกตั้งของ กกต. เป็นไปอย่างล่าช้าในบางเขต บางหน่วย ทำให้ประกาศไม่ได้ภายใน 7 วัน และพบการซื้อเสียงเป็นจำนวนมากทุกพื้นที่แบบแยบยลมากขึ้น มีการซื้อเสียงเป็นพวงชี้การเลือกตั้งทุกระดับเป็นไปไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
โดยมีการซื้อเสียงแบบแยบยลมากขึ้น เช่น การเลือกตั้งท้องถิ่นนายกเทศบาล บวกสมาชิก หรือนายก อบต. บวกสมาชิก มีการซื้อเสียงเป็นพวง นี่คือข้อเท็จจริง หนึ่งพวงสมาชิกหนึ่งนายก อบต. อีกหนึ่ง สมาชิก 6 สมาชิก 12 สมาชิก 18 พวงละ 10,000 บาท พวงละ 20,000 บาทแล้ว วันนี้แม้แต่ ส.ส. ตามตำแหน่งที่ว่างมีการซื้อหัวคะแนนล่วงหน้า เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในทุกเขตเลือกตั้งที่มีการศึกษา จึงเกิดวาทกรรม "เงินไม่มา กาไม่เป็น" ยังคงอยู่ในปัจจุบัน
นายวงศ์สยาม ยังรายงานปัญหาในการจัดการเลือกตั้ง 8 เรื่อง คือ 1. กระบวนการทุจริตการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้ง แนะทุกภาคส่วนต้องร่วมจับเคลื่อนสร้างความรู้วินัยให้ ประชาชนเป็นคนละเมืองดีวิถีประชาธิปไตย ต่อต้านการทุจริต
2. การบังคับใช้กฎหมายและการประชาสัมพันธ์เลือกตั้ง ยังไม่ครอบคลุมและเพียงพอ แนะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตามหมู่บ้านเกี่ยวกับโทษและความเสียหายจากการซื้อเสียงขายสิทธิ์และช่องทางในการแจ้งเบาะแสให้รางวัลนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแสทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ
3. กรอบระยะเวลาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งมีน้อย
4. ผู้ตรวจการเลือกตั้งไม่สามารถทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม แนะ ให้ผู้ตรวจอยู่ประจำพื้นที่โดยไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดอย่างน้อย 10 ปี
5. กฎหมายไม่เอื้อต่อการตรวจสอบและนำเข้าสู่การจับกุมผู้กระทำผิด แนะแก้ไขกฎหมายให้ผู้ขายสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ถือว่าเป็นผู้ทำความผิด กันเป็นพยาน ซึ่งจะทำให้ผู้สมัครไม่กล้าซื้อเสียงอย่างที่ผ่านมา และสามารถให้รางวัลนำจับแก่ผู้ให้ข้อมูลหรือเบาะแสการซื้อเสียง
6. ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งขาดแรงจูงใจในการไปใช้สิทธิ์เลือกผู้แทน ให้ภาครัฐกำหนดให้มีค่าพาหนะสำหรับประชาชนผู้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเบื้องต้นให้คนละ 500 บาท ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 40 ล้านคน
7. ค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการเลือกตั้ง แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่เกิดจากการลาออกหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยให้ ส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่ลาออกไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ได้ลาออก
8. ระยะเวลาในการจัดให้ลงคะแนนในพื้นที่เลือกตั้งห่างไกลไม่เหมาะสม และแก้ไขกฎหมายให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 16.00 น. และเสนอให้รัฐบาล ประกาศการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมเป็นวาระแห่งชาติ
นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตเรื่องการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ส.ส.เขต ให้ใช้บัตรใบเดียว โดยที่ไม่ต้องมี ส.ส. บัญชีรายชื่อ ให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดลำดับที่หนึ่งเป็น ส.ส. ในเขตเลือกตั้งนั้น เว้นในเขตที่มีได้มากกว่าหนึ่งคนให้ผู้ที่ได้คะแนนลำดับรองลงมาเป็น ส.ส. เรียงตามลำดับคะแนนไปจนกว่าจะครบจำนวน
ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต ที่แพ้เลือกตั้ง แต่ได้คะแนนสูงสุดในบรรดาผู้ที่ไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อให้เรียงลำดับไปจนครบจำนวนตามที่กำหนด เพื่อให้ได้ ส.ส.เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อมาจากผู้ได้รับคะแนนสูงสุดจากประชาชน
อย่างไรก็ตาม มี ส.ว. อภิปรายให้ความเห็นกว้างขวาง เช่น นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ อภิปรายการเรื่องการซื้อเสียง ที่ต้องเริ่มแก้จากผู้ที่จะมาเป็นนักการเมือง พร้อมยก นายชวน หลักภัย ประธานรัฐสภา ที่เป็นตัวอย่างนักการเมืองไม่ซื้อเสียงที่เจ้าตัวย้ำมาตลอด 40 ปี และ นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล เสนอแนะเรื่องของการเก็บรักษาหีบบัตร และการนับคะแนนนอกราชไม่ให้สูญเปล่า
ทั้งนี้ ประธานวุฒิสภาได้แจ้งต่อสมาชิก ต่อข้อควรระวัง ส.ว. ไปดำเนินการที่มีผลต่อการหาเสียงของพรรคการเมือง และ ส.ส. ในการเลือกตั้ง และข้อห้ามการไปแทรกแซง หรือไปทำงานให้รัฐบาลไม่ได้ รวมถึงการเปิดประชุมวุฒิสภา ระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร จะไม่สามารถประชุมวุฒิสภาได้เว้นขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาวาระสำคัญจำเป็น เช่นการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ