ควันหลงจาก ครม.ส่งท้ายปี สะท้านสะเทือนรัฐบาล เมื่อ"พลังประชารัฐ"งัด"ประชาธิปัตย์"กลางครม.อ้าง"กรมฝนหลวงฯ"เป็นโควต้า พปชร. รัฐมนตรีช่วยน้องใหม่อย่าง"คุณสุนทร ปานแสงทอง" ถึงกับพูด "ไม่ใช่มาเป็นไม้ประดับครม."
ส่วน"ประชาธิปัตย์" ชี้อำนาจแต่งตั้งเป็นของ"ปลัดกระทรวงเกษตรฯ" ดำเนินการ ส่งผ่าน"รมว.เฉลิมชัย ศรีอ่อน" เข้าครม.ผ่านทางรองจุรินทร์
ทั้งนี้ รองนายกฯวิษณุ เครืองาม ยืนยันอำนาจบริหารงานบุคคลเป็นเรื่องของรัฐมนตรีเฉลิมชัย หากยืนยันก็ต้องตามนั้น และเอกสารการแบ่งงานรัฐมนตรีของ "เฉลิมชัย" ก็สงวนการบริหารงานบุคคลไว้อยู่แล้ว
แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น ชื่อที่เสนอ ครม.คือ "นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม" รองอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ให้ดำรงคำแหน่ง"อธิบดีกรมฝนหลวงฯ" มีแหล่งข่าวเปิดประเด็นการถูกตรวจสอบทั้งจาก ป.ป.ช. , ป.ป.ท.,สตง. ในหลายกรณี
ล่าสุด สื่อหลายสำนักเปิดเอกสารของ ป.ป.ช.,ป.ป.ท.
เอกสารฉบับที่ โดยกองกำกับการ 1 กองป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
เรื่องขอข้อมูลและเอกสารประกอบการสอบสวน ถึงอธิบดีกรมฝนหลวงฯ
กรณีได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน กรณีอ้างว่ากรมฝนหลวงฯมีการจัดซื้อเครื่องบินเล็ก โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ที่ไม่โปร่งใส มีผู้เสนอเพียงรายเดียว และไม่มีการสืบประวัติผู้เสนอราคาซึ่งทราบว่า มีกรณีอุทรณ์กับกองทัพไทย "ทิ้งงาน" เป็นต้น
ขณะเดียวกันกรณีจัดซื้อเครื่องบินเล็กของกรมฝนหลวงฯ ดังกล่าว ยังมีหนังสือจาก ป.ป.ช.ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ส่งถึงอธิบดีกรมฝนหลวง เรื่องขอทราบข้อเท็จจริงและขอเอกสารหลักฐาน ระบุว่าได้รับเรื่องกล่าวหา เจ้าหน้าที่รัฐในสังกัดกรมฝนหลวงฯ ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ฯ
กรณีกรมฝนหลวงฯได้กำหนดเงื่อนไขรายละเอียดประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินขนาดกลางด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์คุณลักษณะเฉพาะและเงื่อนไขทางเทคนิคฯ
อันเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทผู้ชนะเสนอราคา ซึ่งเป็นการมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมเป็นเหตุให้ราชการได้รับความเสียหาย จึงให้กรมฝนหลวงฯแจ้งข้อเท็จจริงและส่งเอกสารไปยังสำนักไต่สวน ป.ป.ช.ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้หนังสือ
และที่น่าสนใจอีกฉบับคือ เอกสารจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ลงวันที่ 1 กันยายน 2565 ส่งถึงอธิบดีกรมฝนหลวง
เรื่องขอทราบข้อเท็จจริงและขอเอกสารพยานหลักฐาน กรณีได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐในสังกัดฯ มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มเอกชนเกี่ยวกับการจัดจ้าง
1.โครงการปรับปรุงที่ทำการอาคารกรมฝนหลวงฯ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ งบประมาณ 8,587,725.60 บาท
2.โครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พระบิดาแห่งฝนหลวง ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี งบประมาณ 457,940,000 บาท
โดยขอทราบข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์และกฎหมายใด พร้อมขอเอกสารเกี่ยวข้องการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและมาตรการฯป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551 แก้ไขเพิ่มเติม มติครม.วันที่ 28 มกราคม 2563
ข้อ 3. ในหนังสือดังกล่าวยังตั้งคำถามว่า ในช่วงปี 2565 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม เป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมฝนหลวงฯ หรือไม่ หากเป็น ดำรงตำแหน่งใด ระดับ สังกัด/งาน /กอง อย่างไร และมีอำนาจเกี่ยวข้องดำเนินการข้อ1 และข้อ 2 หรือไม่อย่างไร
4.กรมฝนหลวงฯ เคยได้รับการร้องเรียนพฤติการณ์ดังกล่าวหรือไม่และหากมี การตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนวินัยตามระเบียบราชการหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร
ซึ่งทั้ง 4 ข้อให้"กรมฝนหลวงฯ" แจ้งข้อเท็จจริงและส่งเอกสารให้ป.ป.ท.ตามหนังสือระบุ
เอกสารที่ถูกปล่อยออกมา เรียกเสียงอื้ออึงสะท้านสะเทือนไปทั้งกระทรวงเกษตรฯ พร้อมกับคำถามตัวโตๆ ไปถึงคณะกรรมการสรรหา โดยเฉพาะ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ลงนามรับรองชื่อ"รองสุพิศ พิทักษ์ธรรม" ให้ก้าวสู่ตำแหน่งใหญ่เป็น"อธิบดีกรมฝนหลวงฯ"
หากอ่านทาง"ปลัดประยูร" คงจะหนีไม่พ้นเรื่องนี้เป็นเพียงการร้องเรียน ส่วนหน่วยงานที่ดำเนินการสอบสวนยังไม่ได้ชี้มูลความผิดใดๆ วันนี้เวลานี้ รองฯสุพิศ ยังคงเป็นผู้ไม่มีมลทินมัวหมองใดๆ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับรองสุพิศเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ปลัดประยูร อินสกุล ต้องออกมาการันตี "รองสุพิศ" ในฐานะคนเสนอชื่อ ต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบ และปล่อยให้ลูกศรพุ่งตรงไปยัง "ลูกพี่ต่อ" เฉลิมชัย รวมไปถึง พรรคประชาธิปัตย์
ปลัดประยูร คงจะลืมกระมัง...รองนายกวิษณุ พูดชัดเจน รัฐมนตรีตั้งปลัด แต่ปลัดตั้งอธิบดี เรื่องในกระทรวงเป็นเรื่องข้าราชการประจำ ที่สำคัญ หัวหน้าพรรคปชป. อย่างรองนายกฯจุรินทร์ บอกกลางที่ประชุมครม.เรื่องการแต่งตั้งเป็นเรื่องของปลัดกระทรวงฯ
วันนี้เรื่องร้อนๆท่านปลัดอยู่แห่งหนตำบลใด ยิ่งเงียบ...ลูกพี่ท่านยิ่งเจ็บ
ดีไม่ดี..เรื่องนี้...เป้าอาจจะใหญ่กว่าอธิบดีก็ได้ ใครจะไปรู้