26 ธันวาคม 2565 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “นับถอยหลังการเลือกตั้ง” มีเนื้อหาดังนี้ หลังกรณีการแถลงข่าวเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติและแคนดิเดดนายก กองเชียร์ก็ฮือฮากันใหญ่ แต่หลังจากนั้นวันเดียวก็กลายเป็นว่า “เป็นแค่เจตนารมณ์ ยังไม่ได้เข้าพรรค เพราะต้องทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี”
เรื่องนี้เป็นข้อเตือนใจว่า ความสำคัญของกฎหมายนั้นไม่ว่าใครก็มองข้ามไม่ได้เพราะอาจเหยียบเปลือกกล้วยหน้าคว่ำเสียก่อนก็ได้ แค่นี้ก็ทำให้นักการเมือง ที่จะไปอยู่ด้วยกันขาดความมั่นใจ หลายคนขอกลับพรรคเก่า หรือไม่ก็ไปอยู่พรรคใหม่ ทำให้ด่านหินที่ต้องได้ ส.ส. 25 คนจุกอกต่อไป
เวลานับถอยหลังอยู่ทุกวัน แรงกดดันให้ยุบสภาเพราะเหตุสภาล่มก็จะหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็จะก่นด่าเรียกร้องให้ยุบสภามากขึ้น สภาพที่บ้านเมืองไม่มีคนรับผิดชอบปัญหา ต่างๆ ดังที่กำลังเกิดขึ้นจะทำให้สารพัดปัญหาประดังกันเข้ามา
ยิ่งล่วงเข้าเดือนมีนาคม 66 ดาวมฤตยูเดินหน้าเข้าราศีพฤษภทับเรือนเศรษฐกิจดวงเมืองปัญหาเศรษฐกิจหนักหนาจะกระหน่ำซ้ำเติมเพิ่มเข้ามาอีก ความนิยมจะตกต่ำลงไปถึงไหนอาการจึงน่าเป็นห่วงมาก ท่านหัวหน้า “พีระพันธุ์” ได้ชื่นชมท่าน “นายกฯ”ว่าเป็นคนดีมีความสามารถถ้าเป็นนายกอีกสมัย 2 ปี หรือ 3 ปีหรือ 4 ปีก็ได้
ใครที่คิดจะ “วิ่งผลัดนายก 2 ปี” คงสะดุ้งโหยง เพราะการแย้มพรายของผู้รู้ทางกฎหมายอย่างนี้ทำให้คิดได้ว่า ถ้าเป็นนายกอีกครั้งก็อาจแก้รัฐธรรมนูญยกเลิกมาตรา 158 ก็ได้ มิฉะนั้นจะเป็นนายก 3 ปี 4 ปีได้อย่างไร และถ้าแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จก็จะอยู่ในอำนาจชั่วนิจนิรันดร์ คนอื่นก็ต้องรอชาติหน้า
ส่วนท่านเลขา “ขิง เอกนัฏ” เปิดเผยท่าทีพร้อมจะทำงานร่วมเป็นรัฐบาลกับฝ่ายค้านซึ่งรวมทั้ง พรรคเพื่อไทย เพื่อเริ่มต้นประเทศไทยกันใหม่
น่าสังเกตว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกับท่าน “ประมุขบ้านใหญ่บุรีรัมย์” แถลงข่าวว่า พรรคไหนมีคะแนนเสียงมากก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และพร้อมร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพราะความขัดแย้งแต่ก่อนมาก็เคลียร์กันไปแล้ว ทำให้เห็นภาพ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ” ร่วมกันเป็นรัฐบาลชัดเจนมากขึ้น”
ถ้าสูตรนี้ก็ฟันธงได้เลยว่า "ลุงป้อม" จะเป็นนายก เว้นแต่จะเกิดปาฏิหาริย์ กรรมการลงเล่นในสนาม ด้วยการยุบ 3 พรรคการเมืองให้ทัน 90 วันนับแต่นี้ไป ที่น่าห่วงใยคือจะเกิดการปฏิวัติสี หรือปฏิวัติประชาชาติแบบเนปาล แล้วจะกินแห้วกันหมด