svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

10 สถานที่เปลี่ยนโลก หนีปัญหา “นักท่องเที่ยวล้นเมือง”

14 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลายคนคงย้อนดูรูปสถานที่โปรดที่เคยไป โดยหวังว่าหากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นคงต้องกลับไปเยือนให้ได้อีกครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดัง เป็นจุดหลักที่ทำให้เกิดวิกฤต “นักท่องเที่ยวล้น” และส่งผลต่อสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก

          อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีส่วนทำลายสภาพอากาศของโลก (Climate Change) และจากการร่วมประชุมหารือ COP26 จนได้ข้อตกลง Glasgow Climate Pact อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยืนยันว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลงกว่าเดิมครึ่งนึงภายในปี 2030 และบรรลุ "เน็ต ซีโร (Net Zero)" หรือการไม่ปล่อยก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นไปในชั้นบรรยากาศอีกในปี 2050

 

          นอกจากนี้ “วิกฤตนักท่องเที่ยวล้นเมือง (Overtourism)” ยังเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ตามมากับการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องใช้สาธารณูปโภคร่วมกันกับคนในท้องถิ่น ความสามารถในการรองรับของทรัพยากรธรรมชาติย่อมไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลได้อยู่แล้ว วิกฤตนี้จึงเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตด้านท่องเที่ยวและกระทบคนในท้องถิ่น แต่ถึงอย่างนั้นยังมีอีกหลายพื้นที่บนโลกใบนี้ที่ต้องพึ่งเงินจากการท่องเที่ยว และรอให้นักเดินทางได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆกับการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง
Little Venice กีออจจา 1. กีออจจา (Chioggia), อิตาลี
          กีออจจา (Chioggia) เป็นย่านกรุงเก่า ที่ห่างจาก “เวนิซ” ไม่มากนัก แม้เวนิซจะเป็นเมืองขึ้นชื่อด้านความคลาสสิกและโรแมนติค จนทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนมองข้ามกีออจจาไป แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่ได้ฉายาว่า “Little Venice” ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและกลิ่นอายประวัติศาสตร์จากอดีต ที่สำคัญคือด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆและโดนมองข้าม ที่นี่นักท่องเที่ยวจึงไม่พลุกพล่านนัก ส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่มาแล้วต้องห้ามพลาดนั่นก็คือการ “ปั่นจักรยานชมเมือง (Bicycle Tour)”

อุทยานแห่งชาติชิมันอีมานิ, ซิมบับเว 2. อุทยานแห่งชาติชิมันอีมานิ (Chimanimani National Park), ซิมบับเว
          เทือกเขาชิมันอีมานิ (Chimanimani) เป็นเทือกเขาตามแนวชายแดนของประเทศซิมบับเวและโมซัมบิก ที่ยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์ภาพวาดตามผนังถ้ำให้เห็นอยู่ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังเต็มไปด้วยพืชพันธุ์และสัตว์หายาก เช่น นกเงือก และ กิ้งก่าอะกามะ (Agama kirkii lizard) นอกจากนี้ในซิมบับเวเองยังมีภูเขา “Mount Binga” ที่จัดได้ว่าสูงที่สุดในประเทศ รอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสด้วยตาตัวเองอีกด้วย
ควีนส์, สหรัฐฯ หนึ่งในย่านที่มีอาหารหลากหลาย 3. ควีนส์ (Queens), สหรัฐฯ
          หากพูดถึงมหานครนิวยอร์ก ภาพตึกสูงเสียดฟ้าจากแมนฮัตตันและบรูคลินคงเป็นภาพแรกๆที่แวบเข้ามาในหัวใครหลายๆคน แต่รู้หรือไม่ว่าในนิวยอร์กยังมีอีกย่านหนึ่งที่คนไม่พลุกพล่านแต่ยังเหมาะกับการท่องเที่ยว นั่นคือ “ควีนส์” ซึ่งเป็นย่านชานเมืองของนิวยอร์ก ที่ถูกบดบังโดยแสงสีเสียงจากบรูคลินและแมนฮัตตัน ควีนส์ถือเป็นย่านหนึ่งที่เหมาะกับสายกินเป็นอย่างมาก เพราะที่ควีนส์นี้มีอาหารที่มากมายและหลากหลายกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ที่สำคัญคือสามารถลิ้มลองได้ในราคาไม่กรีดเลือด
นอร์ทัมเบอร์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องท้องฟ้ายามค่ำคืน

4. นอร์ทัมเบอร์แลนด์ (Northumberland), อังกฤษ 
          จัดได้ว่าเป็นเมืองหนึ่งที่เงียบสงบ “นอร์ทัมเบอร์แลนด์ (Northumberland)” ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยธรรมชาติและสถาปัตยกรรมของปราสาทเก่าแก่มากมายในอดีต และที่นี่ยังถือเป็นเมืองที่มลพิษน้อยที่สุดในอังกฤษอีกด้วย! นอร์ทัมเบอร์แลนด์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนไม่หนาแน่น และเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องดูดาวเป็นอย่างมาก เนื่องจากปริมาณมลพิษที่น้อยมากจึงทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนมีความปลอดโปร่ง ถึงขนาดที่ว่านักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นกาแล็คซี่แอนโดรมีดาด้วยตาเปล่าเลยด้วยซ้ำ

ซีอัวตาเนโค (Zihuatanejo), เม็กซิโก

5. ซีอัวตาเนโค (Zihuatanejo), เม็กซิโก
          ซีอัวตาเนโค (Zihuatanejo) ในประเทศเม็กซิโก เป็นหมู่บ้านชายฝั่งที่เงียบสงบ มีอ่าวที่ทอดยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่หลงไหลการดำน้ำและโต้คลื่น นอกจากนี้ซีอัวตาเนโคยังมีแหล่งโบราณคดีที่อายุยาวนานกว่า 3,000 ปี จากสามวัฒนธรรมที่แตกต่างกันที่รอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความหลากหลายของชาติพันธุ์ในอดีต  ส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้านริมชายฝั่งแห่งนี้คือการแล่นเรือใบ
หนูยักษ์คาปิบาร่า สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในไอบีร่า
6. อุทยานไอบีร่า (Iberá Park), อาร์เจนติน่า
          อุทยานไอบีร่าจัดได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับคนรักสัตว์เป็นอย่างยิ่ง เพราะที่อุทยานนี้เต็มไปด้วยสัตว์ป่าหายากที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนกว่า 350 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น จระเข้ยักษ์ อนาคอนด้า หมาป่า เสือจากัวร์ ลิงฮาวเลอร์ (สัตว์ที่ร้องเสียงดังและไกลที่สุดในโลก) และหนูคาปิบาร่า (หนูตะเภาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก) ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนี้เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปี
พื้นที่ผลิตไวน์อาเล็งแตฌู (Alentejo Wine Region), โปรตุเกส 7. พื้นที่ผลิตไวน์อาเล็งแตฌู (Alentejo Wine Region), โปรตุเกส 
          ประเทศโปรตุเกสไม่ได้มีดีแค่ฝอยทองหรือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามที่เราเคยรู้จักกันมาเท่านั้น แต่อาเล็งแตฌู (Alentejo) พื้นที่บริเวณด้านตะวันออกของลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ยังเป็นพื้นที่ผลิตไวน์อันโด่งดังที่อุดมไปด้วยทรัพยากรที่เหมาะสมสำหรับการผลิตไวน์ ทั้งแสงแดด ดิน และองุ่นพันธุ์พื้นเมือง นอกจากนี้ไวน์จากท้องถิ่นยังถือเป็นจุดขายที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากมาเยี่ยมชมและลิ้มลองรสชาติกันอีกด้วย 
เกาะบาฮามาส ทะเลใส ขึ้นชื่อเรื่องฉลาม
8. เกาะบาฮามาส, หมู่เกาะเติกส์และเคคอส (The Bahamas, Turks and Caicos)
          หมู่เกาะบาฮามาสตั้งอยู่ระหว่างทะเลแคริบเบียนกับมหาสมุทรแอตแลนติก ธรรมชาติมีความสมบูรณ์มาก น้ำทะเลใสแจ๋ว นอกจากนี้บาฮามาสยังเป็น 1 ในประเทศที่เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์ฉลาม หมู่เกาะแห่งนี้จึงเป็นที่เลื่องชื่อสำหรับการดูฉลาม! นักท่องเที่ยว นักดำน้ำ ที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติ ต้องการเห็นฉลามแบบเป็นๆตัวต่อตัว ที่นี่ถือเป็นสถานที่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง
หาดคอบส์คุก (Cobscook Shores), สหรัฐฯ 9. หาดคอบส์คุก (Cobscook Shores), สหรัฐฯ
          สถานที่ท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ที่วิวหลักล้านและยังไม่ฮิตติดลมบน “หาดคอบส์คุก” หาดแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐเล็กๆอย่าง “เมน” รัฐตะวันออกสุดของสหรัฐ ประชากรไม่พลุกพล่าน และที่หาดคอบส์คุกนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดๆ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ และมารับพลังจากธรรมชาติ

ปลาวาฬที่ฮูนาห์, อลาสก้า 10. ฮูนาห์ (Hoonah), อลาสก้า
          อลาสก้าใครว่าต้องมีแต่หิมะ ที่เมืองฮูนาห์ (Hoonah) นี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่องทัวร์เที่ยวชมหมีอลาสก้าและปลาวาฬ และสิ่งที่โดดเด่นเลยก็คือในเมืองแห่งนี้ยังมีชนพื้นเมืองอาศัยอยู่ เราสามารถพบปะชนพื้นเมืองได้ และสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวัฒนธรรมกันได้อีกด้วย!

--------------------

ข้อมูลจาก:

logoline