svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

สายลุยต้องห้ามพลาด! สำรวจสองฟากฝั่งรถไฟลาว-จีนสายใหม่ เส้นทางท่องเที่ยวเมืองมรดกโลกสู่แดนสวรรค์แชงกรีล่า

06 พฤศจิกายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สำรวจสองฝั่งขบวนรถไฟลาว-จีน ปัดหมุดเช็คลิสท์สำหรับสายเที่ยว จากเมืองมรดกโลก สู่แดนสวรรค์ ณ แชงกรีล่า

Highlights

  • ภาพรวมเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อลาว-จีน
  • เวียงจันทน์ นครหลวงผู้เต็มไปด้วยอารยะ
  • หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกและมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ
  • เชียงรุ่ง-ผูเอ่อร์ เมืองที่ทำให้รู้จักคำว่าเลื่องชื่อลือชา และวัฒนธรรมไทที่คล้ายคลึงกับประเทศไทยเสียจริง
  • คุนหมิง - ลี่เจียง - แชงกรีล่า ท่องเที่ยวในจีน ครบเครื่องทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม 

--------------------

          เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ยลโฉมรถไฟขบวนล้านช้างที่เดินทางมาถึงนครหลวงเวียงจันท์ในที่สุด ซึ่งเป็นขบวนรถไฟที่เป็นส่วนหนึ่งของเมกะโปรเจ็กต์รถไฟลาว-จีน ที่จะเชื่อมโยงการคมนาคมระหว่างสองประเทศ ซึ่งสร้างความสนอกสนใจจากผู้คนไม่มากก็น้อย เพราะเส้นทางรถไฟสายนี้ไม่ใช่แค่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์เส้นทางสายใหม่ยุคใหม่ของมหาอำนาจจีน ที่วางแผนสร้างเส้นทางการค้าเชื่อมต่อจากจีนไปสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก! 

 

          ผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสายลุยห้ามพลาดก็คือ เส้นทางรถไฟลาว-จีนนี้จะอำนวยความสะดวกให้แก่คนที่ชอบเดินทางได้เป็นอย่างดี และนี่คือตัวอย่าง List ห้ามพลาดระหว่างสองทางรถไฟสายลาว-จีนที่ทำให้รู้ว่านี่คือเส้นทางใหม่ที่ควรจะต้องปักหมุด! 

 

ภาพรวมเส้นทาง
          ถ้าไปจากประเทศไทย จะไปขึ้นรถไฟสายนี้ก็ง่ายมากๆ เพียงแค่นั่งรถไฟเส้นทางหนองคาย - ท่านาแล้ง ( หรือเวียงจันทน์) หรือรออีกสักหน่อยกระทรวงคมนาคมก็มีแผนการพัฒนาเส้นทางคมนาคมให้เชื่อมกับรถไฟสายนี้พรึบพรับ

          รถไฟลาว-จีนเริ่มต้นที่นครหลวงเวียงจันทน์ มุ่งตรงไปยังภาคเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผ่านจังหวัดที่โด่งดังและมีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวอย่างหลวงพระบาง ก่อนจะมุ่งไปยังหลวงน้ำทาสู่เมืองชายแดนบ่อเต็นที่ติดกับประเทศจีน จากนั้นก็เลี้ยวนิดหน่อยเข้าไปสู่ดินแดนสิบสองปันนา ก่อนที่จะจบที่เมืองเอกของมณฑลยูนนานอย่างคุณหมิง ระยะทางรวมกว่า 427 กิโลเมตร ซึ่งถ้าโดยสายด้วยรถไฟสายนี้จะใช้เวลาเดินทางจากคุณหมิงถึงนครหลวงเวียงจันทน์เพียงแค่ 1 วัน!

ภาพรวมเส้นทางรถไฟจากเวียงจันทน์ไปยังคุนหมิง

เริ่มที่เวียงจันทน์ .. เมื่อเวียงจันทน์ไม่ได้มีแค่ประตูชัย 
          เวียงจันทน์คือนครหลวงของลาว และเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟเส้นนี้ ตามประวัติศาสตร์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้เล็งเห็นว่านครหลวงเดิมซึ่งคือหลวงพระบางในปัจจุบันไม่สามารถขยายพื้นที่อาณาเขตของอาณาจักรล้านช้างได้อีก จึงทรงย้ายมาตั้งราชธานีในบริเวณนี้ 

 

          ไฮไลท์เด่น ๆ ของเวียงจันทน์ที่สายท่องเที่ยวรู้จักกันดีก็จะเป็นประตูชัย อนุสรณ์เพื่อสดุดีวีรชนผู้ต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศลาวจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งประตูชัยแห่งนี้แม้จะมีความคล้ายคลึงกับ Arc de Triomphe ของฝรั่งเศสจนถูกเรียกว่าเป็น Arc de Triomphe แห่งเวียงจันทน์ แต่ผู้ออกแบบได้ประสานศิลปะและความเชื่อของชาวลาวไว้ในอนุสรณ์แห่งนี้ เช่น รูปกินรี และพญานาค เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีพระธาตุหลวง พระธาตุสีทองคู่บ้านคู่เมืองซึ่งไม่ควรพลาดที่จะสักการะ ตามติดมาด้วยการนั่งชมพระอาทิตย์ตกริมฝั่งแม่น้ำโขงก็ให้บรรยากาศโรแมนติกได้อย่างอัศจรรย์

          แต่ผู้เขียนอยากพาออกไปยังสถานที่ Unseen ของเวียงจันทน์อีกสักหน่อย โดยเริ่มจากสถานที่ซึ่งไม่ไกลจากเวียงจันทน์มากนั่นคือ ‘สวนพระ’ หรือ ‘วัดเชียงควน’ อยู่ห่างจากเวียงจันทน์เพียง 26 กิโลเมตร ที่นี่เต็มไปด้วยรูปปั้นของพระวิษณุ พระศิวะ และพระพุทธรูปในรูปแบบต่างๆ กว่า 200 องค์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2501 โดยหลวงปู่บุญเหลือ ผู้อยากที่จะรวมผู้นับถือศาสนาพุทธและฮินดูเข้าด้วยกัน หากคุณไปที่สวนพระแห่งนี้คุณจึงจะได้พบรูปปั้นทรงแปลกประหลาด แต่สื่อด้วยความหมายในทางธรรมที่น่าสนใจ

 

          ไกลกว่านั้นอีกสักนิดคุณจะได้พบกับ ‘ทะเลลาว’ หรือ ‘ท่าลาด’ ที่นี่มีแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่อันเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อนน้ำงื่ม 1 ที่กว้างถึงขั้นที่ว่าถูกเรียกว่า ‘ทะเลลาว’ ซึ่งเต็มไปด้วยกิจกรรมน่าสนใจต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ริมน้ำ ขี่เจ็ตสกี ล่องเรือรับประทานเพื่อชมวิวสวย ๆ 

 

          และหากธรรมชาติเท่านั้นยังไม่เพียงพอคุณอาจจะต้องนั่งรถนานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้ม! กับประสบการณ์สัมผัสธรรมชาติที่ ‘วังเวียง’ ไม่ว่าจะสัมผัสสายน้ำด้วยการล่องห่วงยางเข้าถ้ำน้ำ สัมผัสภูเขาด้วยการเดินเขาชมวิวที่ผาเงิน สัมผัสสายน้ำสีฟ้ากับการกระโดดลงไปยังบลูลากูน หรือจะสัมผัสไอเย็นของท้องฟ้าด้วยการขึ้นบอลลูนชมวิวก็ทำได้อีกเช่นกัน ประตูชัย แลนด์มาร์คของเวียงจันทน์

วัดเชียงควนหรือสวนพระ กับรูปปั้นทางศาสนาที่มีมากกว่า 200 องค์  วังเวียง โอบล้อมด้วยธรรมชาติและกิจกรรมที่หลากหลาย

เยื้องย่างบนผืนดินมรดกโลก ตื่นเช้าตักบาตรข้าวเหนียว ท่องเที่ยวน้ำตกที่งดงามดั่งสวรรค์
          หลวงพระบางได้ชื่อมาจาก ‘พระบาง’ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวลาว ว่ากันว่าพระบางเคยถูกอัญเชิญมายังประเทศไทยถึง 2 ครั้งจากผลของสงคราม แต่ก็เป็นอันต้องอัญเชิญกลับไปยังแผ่นดินล้านช้างทุกครั้งเนื่องจากความเชื่อที่ว่า พระแก้วและพระบางไม่อาจอยู่ด้วยกันได้ เพราะจะทำให้บ้านเมืองพบกับภัยพิบัติต่าง ๆ 

 

          ปัจจุบันหลวงพระบางได้ชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลก จากความงดงามของสถาปัตยกรรมล้านช้าง ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เป็นผลจากช่วงยุคอาณานิคม และยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามและบ้านเรือนเก่าแก่มากมาย จึงเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก คุณสามารถตื่นแต่เช้าและไปร่วมทำบุญตักบาตรข้าวเหนียวกับชาวลาวที่แต่งตัวงดงามนั่งรอพระสงฆ์ริมถนน หรือจะเข้าไปชมวัดต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย

 

          หากแต่ไฮไลท์หนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือการชมวัดเชียงทอง วัดที่มีสถาปัตยกรรมล้านช้างที่สวยงามมากที่สุด และอย่าลืมจ้องมองจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์ที่โดดเด่นด้วยพื้นสีกุหลาบ และลวดลายของต้นทอง อันมาจากตำนานการสร้างเมืองหลวงพระบาง ซึ่งว่ากันว่าเคยมีต้นทองต้นใหญ่ยักษ์อยู่ในพื้นที่ หากบ่าย ๆ อากาศเย็นสบายริมฝั่งแม่น้ำยังไม่เพียงพอคุณอาจจะออกไปยังนอกเมืองสักหน่อยเพื่อไปเล่นน้ำที่น้ำตกตาดกวางสี ชั้นไฮไล้ท์คือน้ำตกที่มีความสูงกว่า 70 เมตร ถือว่าสูงที่สุดในหลวงพระบาง

 

          อย่างไรก็ตามผู้เขียนอยากให้คุณลองออกนอกพื้นที่ตรงไปยังเมืองงอย นั่งเรือลัดเลาะไปตามสายน้ำอู เส้นทางนี้จะพาคุณล่องผ่านหมู่บ้านเล็กใหญ่เรียงราย ได้เห็นชาวบ้านที่ต่อเรือใช้เอง แม่บ้านที่ลงมาเก็บไคในน้ำหรือกำลังทอผ้าอยู่ใต้ถุนบ้าน เด็กประถมที่กำลังแหวกว่ายหาปลาในน้ำ หรือกำลังปิ้งปลาปิคนิคกันริมฝั่ง ไฮไล้ท์ที่งดงามที่สุดก็คงจะเป็นบ้านสบแจ่ม หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามหน้าผาหินปูนทรงสวย เพราะหน้าหมู่บ้านเป็นหาดทรายผืนยาวที่มาจากการพัดพาของแม่น้ำ แน่นอนว่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ประทับใจไม่ลืม

หลวงพระบางเมืองมรดกโลก หลวงพระบางเมืองมรดกโลก หลวงพระบางเมืองมรดกโลก

วิถีชีวิตและวัฒนธรรมสองฝั่งตลอดลำน้ำอู วิถีชีวิตและวัฒนธรรมสองฝั่งตลอดลำน้ำอู เชียงรุ่ง-ผูเอ่อร์ เมืองแห่งชาโบราณกับไร่ชาสุดลูกหูลูกตา
          รถไฟจะพาคุณผ่านชายแดนที่เมืองบ่อเต็นก่อนจะวิ่งเข้าเขตประเทศจีน เมื่อเข้าเขตประเทศจีนสถานที่หนึ่งซึ่งไม่ควรพลาดจะแวะนั่นก็คือเมืองเชียงรุ่ง ของมณฑลยูนนาน ซึ่งอุดมไปด้วยวัฒนธรรมของชาวไทหรือไตที่สั่งสมมานาน และเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘สิบสองปันนา’

 

          ผู้คนพื้นถิ่นในเชียงรุ่งมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างจากประชากรจีนส่วนใหญ่ เพราะเชื้อสายของพวกเขาคือชาวไท หรือต้นตระกูลของคนไทยที่ดำรงอยู่บนผืนดินนี้มากว่า 2,000 ปี เราจึงได้เห็นทั้งวัฒนธรรมการแต่งกาย ภาษา บ้านเรือนที่แตกต่างไปจากชาวจีนในแถบอื่น และเพราะอากาศที่มีความชื้น และมีอุณหภูมิเพียง 20 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี จึงทำให้ผืนดินอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งเกษตรกรรมขนาดใหญ่ในแถบมณฑลยูนนาน

 

          สถานีถัดไปนั้นคือ ‘ผูเอ่อร์’ เมืองที่ขึ้นชืื่อเรื่องชามากที่สุดว่าเป็นแหล่งใบชาโลกก็ไม่ผิดนัก ประชากรในพื้นที่นี้เป็นชนเผ่ากว่า 36 ชนเผ่า ปักหลักและปลูกชากันบนยอดเขา จึงทำให้คุณเห็นทัศนียภาพของไร่ชาสุดลูกหูลูกตา และบางไร่ก็ยังมีอายุอานามกว่า 2,000 ปี อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของ ‘ถนนชา-ม้าโบราณ’

 

          หากใครร่างกายฟิตเฟิร์ม ก็สามารถเดินเขาลัดเลาะไปตามถนนเก่าแก่ของเมืองที่เคยเป็นเส้นทางขนส่งชาด้วยม้าในสมัยก่อน .. ระหว่างทางคุณจะได้ผ่านบ้านเมืองเก่าแก่ ผืนป่า วิวจากภูเขา รวมไปถึงได้เห็นถนนโบราณที่ยังคงหลงเหลืออยู่! เมืองเชียงรุ่ง ที่ซึ่งอุดมไปด้วยวัฒนธรรมของชาวไท เมืองเชียงรุ่ง ที่ซึ่งอุดมไปด้วยวัฒนธรรมของชาวไท เมืองเชียงรุ่ง ที่ซึ่งอุดมไปด้วยวัฒนธรรมของชาวไท เมืองเชียงรุ่ง ที่ซึ่งอุดมไปด้วยวัฒนธรรมของชาวไท คุนหมิง เมืองเอกแห่งยูนนาน-จุดหมายที่สวรรค์ ณ แชงกรีล่า
          และเมื่อรถไฟเส้นทางนี้เดินทางมาจนถึงปลายสถานีที่คุนหมิง ‘นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ’ คุนหมิงมีสถานที่ท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจมากมายเลยทีเดียว อาทิ ตำหนักทองหรือตำหนักจินเตี้ยน ซึ่งสร้างอยู่บนจุดที่ร่ำรวยที่สุดในคุนหมิง ตัวอาคารสร้างด้วยทองเหลืองทั้งหลังจนกลายเป็นตำหนักที่สร้างด้วยทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน  เพราะตั้งอยู่จุดที่ร่ำรวยที่สุดกระมัง คนจึงมักจะเดินทางมาที่นี่เพื่อของพรเรื่องความสำเร็จในหน้าที่การงานและการเรียน 

 

          ส่วนใครที่ชอบสายธรรมชาติที่นี่ก็มีพร้อมเสิร์ฟกับ ‘ภูเขาเจ็ดสีตงชวน’ ชาวบ้านในแถบนั้นจะเพาะปลูกดอกไม้และพืชพันธุ์ต่าง ๆ เมื่อถึงฤดูที่ดอกไม้บาน ภูเขาจึงกลายเป็นสีต่าง ๆ สลับกันทุ่งข้าวและสีเขียวของต้นมันฝรั่งอย่างน่าอัศจรรย์  หากใครยังไม่เต็มอิ่มกับธรรมชาติก็เดินทางต่อไปอีกสักหน่อย ไปยัง ‘ภูเขาหิมะมังกรหยก’ ภูเขาหิมะที่มองแล้วจินตนาการคล้ายมังกรกำลังเลื้อยอยู่ จากภูเขาหิมะมังกรหยกจะมีลำธารสายหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการหลอมละลายของภูเขาและไหลลงสู่หุบเขาที่เรียกว่า ‘หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน’ สถานที่แห่งนี้มีความเชื่อว่าหากอยากพิสูจน์รักแท้ ผู้ชายชาวจีนจะต้องไปยืนเท้าเปล่าอยู่ท่ามกลางแม่น้ำเป็นเวลานาน ๆ เพื่อแสดงความรักแท้ที่มีต่อฝ่ายหญิง!

สถานที่ท่องเที่ยวในคุนหมิง สถานที่ท่องเที่ยวในคุนหมิง สถานที่ท่องเที่ยวในคุนหมิง

หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน           สำหรับใครชอบการเดินทางสายวัฒนธรรม ‘ลี่เจียง’ ซึ่งเป็นเมืองที่ไม่ไกลจากคุนหมิงมากนักก็เป็นหมุดหมายชั้นดีที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ลี่เจียงถูกขนานนามว่าดินแดนแห่งเวนิสตะวันออก เพราะมีคูคลองและแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่านอาคารบ้านเรือน ประวัติศาสตร์ของเมืองย้อนไปได้กว่า 800 ปี จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม หมู่บ้านในลี่เจียงน้อยใหญ่ต่างเป็นหมู่บ้านโบราณ ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านไป๋ซา หมู่บ้านซู่เหอ และที่ขาดไม่ได้คือเมืองโบราณต้าเหยียน

เมืองโบราณในลี่เจียง เมืองโบราณในลี่เจียง           และที่สุดท้าย .. ท้ายสุดเหนือขึ้นไปทางทิศเหนือของลี่เจียงนั่นคือเมืองจงเตี้ยน หรือรู้จักกันในชื่อ ‘แชงกรีล่า’ 

 

          แชงกรีล่ามาจากชื่อในนวนิยาย Lost Horizon ของ James Hilton เป็นเมืองซึ่งมีความลึกลับตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเทือกเขาคุนลุน ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างเต็มไปด้วยความสุข เปรียบได้กับสวรรค์บนดิน!  และสำหรับประเทศจีนพวกเขาได้ตั้งให้เมืองจงเตี้ยนแห่งนี้เป็นหนึ่งในแชงกรีล่าตามนวนิยาย Lost Horizon .. จงเตี้ยนน่าไปขนาดไหน? เอาเป็นว่าที่นี่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติผสานกับความเงียบสงบอย่างแท้จริง

 

          นอกจากวิวทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยภูเขาท้อปปิ้งด้วยหิมะอย่างภูเขาสือข่า ที่โชคดีอาจจะเจอกวางแดงเดินผ่านแล้วนั้น คุณยังได้เดินย่ำอยู่ใต้ท้องฟ้าสีฟ้าสด มองเห็นแม่น้ำสีฟ้าใส และที่นี่คุณจะได้พบเจอกับวัฒนธรรมของชาวทิเบตในเมืองโบราณตู่เค่อจง หรือที่วัดลามะซงจ้านหลิน ซึ่งแปลกตา สวยงามและศักดิ์สิทธิในเวลาเดียวกัน

แชงกรีล่า สวรรค์บนดิน แชงกรีล่า สวรรค์บนดิน           ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งเท่านั้นของเส้นทางท่องเที่ยวเส้นทางใหม่ ที่จะทำให้คุณได้ไปถึงปลายทางได้สะดวกขึ้นผ่านรถไฟสายลาว-จีน ที่จะเปิดให้ได้ใช้งานในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ .. แล้วคุณจะพบเสน่ห์ของเอเชียที่หลากหลายและเต็มไปด้วยความรุ่มรวยของอารยะ

--------------------
ที่มา:

logoline