วันนี้เราจึงจะมาพูดถึงปริมาณรถแต่ละชนิด รวมถึงราคาและปริมาณการใช้น้ำมันภายในประเทศกันสักหน่อย
ในปี 2563 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีจำนวนรถจดทะเบียนกว่า 2,638,466 คัน นับเป็นจำนวนลดลงราว 13% เมื่อเทียบกับปี 2562 ในปัจจุบันมีจำนวนรถจดทะเบียนสะสมรวมแล้วกว่า 41 ล้านคัน เป็นรถจักรยานยนต์กว่า 21 ล้านคัน และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งราว 10 ล้านคัน
เช่นเดียวกับบรรดาการขนส่งสาธารณะ นับเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักภายใต้สถานการณ์ระบาดของโควิด นั่นทำให้อัตราการจดทะเบียนของรถโดยสารสาธารณะในกลุ่มแท็กซี่ลดลงถึง 54% รถจักรยานยนต์ลดลงกว่า 44% รถโดยสารประจำทางลดลง 35% รวมถึงรถโดยสารไม่ประจำทางที่ลดลงถึง 52%
สิ่งเหล่านี้ทำให้ราคาน้ำมันปี 2563 ลดลงจากควบคุมและจำกัดอันเข้มงวด ก่อนเริ่มผ่อนคลายและขยับตัวสูงขึ้นตามลำดับเมื่อสถานการณ์ระบาดเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะภายหลังการคลายล็อกดาวน์อนุญาตให้ดำเนินธุรกิจ รวมถึงการเปิดประเทศกลับมาอีกครั้ง ราคาน้ำมันจึงเริ่มปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 10 บาทต่อลิตรเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนสถิติการใช้น้ำมันของประเภทไทยในปี 2563 ประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 65.4 ล้านลิตร/วัน รองลงมาเป็นน้ำมันเบนซิน 31.7 ล้านลิตร/วัน ตามด้วยแก๊สโซฮอล์ 30.9 ล้านลิตร/วัน โดยเฉลี่ยรวมทุกชนิดเข้าด้วยกันจะมีอัตราการใช้น้ำมันลดลงจากปี 2562 อยู่ราว 12.5% เป็นสาเหตุให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอยู่ช่วงหนึ่ง ในขณะที่ช่วงแปดเดือนแรกของปี 2564 อัตราการใช้น้ำมันในประเทศไทยเองก็ปรับตัวลดลงราว 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ด้วยมติของกลุ่ม OPEC+ สมาชิกผู้ผลิตน้ำมันยืนยันมติไม่ส่งออกน้ำมันมากกว่า 4 แสนบาร์เรล/วัน จนถึงเดือนเมษายนปี 2565 ทำให้เมื่อมีการเปิดประเทศจนมีการใช้น้ำมันมากขึ้นราคาจึงพุ่งสูงตาม ประกอบกับการคลี่คลายสถานการณ์โรคระบาดของทั่วโลก การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และพายุพัดถล่มสหรัฐฯ ทำให้ราคาน้ำมันจึงขยับปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ
อีกทั้งในปัจจุบันแนวโน้มของราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้น และยังไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าเดิมนัก
ทั้งนี้นี่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันแพงที่สุดในประเทศไทย ราคาน้ำมันที่แพงสุดในประเทศไทยเกิดขึ้นในปี 2557 โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 29.99 บาท/ลิตร ในขณะที่น้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นไปถึง 49.15 บาท/ลิตร จนต้องมีการรณรงค์ให้ประชาชนใช้แก๊สโซฮอล์ทดแทนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
สาเหตุของราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวนปรับตัวสูงขึ้นจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะการจัดแข่งกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งในปี 2008 ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งไปแตะ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล ก่อนเริ่มชะลอตัวหลังการเข้ามายังตลาดส่งออกน้ำมันของทั้งสหรัฐฯและรัสเซีย