
KEY
POINTS
ลิเวอร์พูล สามารถเก็บชัยชนะที่สำคัญได้สำเร็จ แม้จะไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ตัวหลักที่ถูกตัดชื่อออกจากทีม หลังเกิดวิกฤตความขัดแย้งกับสโมสร โดย "หงส์แดง" บุกไปเฉือนเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ถึงถิ่น 1-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
ประตูชัยของ ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกม นาทีที่ 88 จากลูกจุดโทษที่ VAR แจ้งผู้ตัดสิน หลัง อเลสซานโดร บาสโตนี่ ดึงเสื้อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ล้มลง และเป็น โดมินิก โซโบซไล ที่ก้าวขึ้นมารับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเยือกเย็น
ชัยชนะครั้งนี้ถือว่ามีค่าอย่างยิ่งสำหรับทีมที่กำลังตกอยู่ภายใต้ความกดดันของ อาร์เน่อ ชล็อต หลังเก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียวจาก 6 เกมหลังสุดในทุกรายการ โดยชัยชนะนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 8 ของตาราง และกลับมาอยู่ในเส้นทางลุ้นเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยตรง
ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล ถูก VAR ปฏิเสธประตูขึ้นนำในนาทีที่ 31 หลังมีการตรวจจับว่า อูโก้ เอกิติเก้ ทำแฮนด์บอลจากจังหวะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค โหม่งบอลไปโดนแขน
ผลการแข่งขันที่น่าสนใจของคู่ยักษ์ใหญ่
บาเยิร์น มิวนิค สามารถพลิกกลับมาเอาชนะ สปอร์ติง ลิสบอน 3-1 โดยได้ประตูจาก เลนนาร์ท คาร์ล มิดฟิลด์วัย 17 ปี ที่ยิงประตูสุดสวยแบบวอลเลย์ ซึ่งนับเป็นประตูที่ 3 ของเขาจากการลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เพียง 4 นัดในอาชีพ ทำให้ บาเยิร์น ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 ของตาราง
บาร์เซโลนา ก็ทำผลงานคัมแบ็กเช่นกัน โดยพลิกเอาชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 2-1 จากการโหม่งของ ฌูลส์ กุนเด้ สองประตูในเวลาห่างกันเพียง 3 นาที โดยประตูที่สองมาจากลูกครอสของ ลามีน ยามาล ซึ่งทำให้ ยามาล สร้างสถิติใหม่ของยูฟ่า ในการมีส่วนร่วมกับ 14 ประตู (ยิงและแอสซิสต์) ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยกว่า 19 ปี
เชลซี ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้เป็นนัดที่สองในรายการนี้ หลังบุกไปแพ้ อตาลันต้า 1-2 ทำให้ร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 11