
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา สถานการณ์ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า ยังคงย่ำแย่ โดยต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ในลีกเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน สวนทางกับคู่ปรับอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ลิเวอร์พูล บุกไปพ่ายต่อ เบรนท์ฟอร์ด อย่างน่าเจ็บใจ 3-2 ที่สนาม จีเท็ค คอมมูนิตี สเตเดียม ถือเป็นความพ่ายแพ้ในลีกเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 5 จาก 6 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ ส่งผลให้ทีมจมอยู่อันดับ 6 และมีคะแนนตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล อยู่ 4 แต้ม (แข่งมากกว่า 1 นัด)
แม้ทีมจะพยายามสู้สุดใจในช่วงท้ายเกม โดยตามหลังอยู่ 3-1 แต่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ยิงประตูสุดสวยในนาทีที่ 89 ทำให้ทีมมีความหวังในช่วงทดเวลาบาดเจ็บถึง 11 นาที แต่ก็ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้
อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือหงส์แดง ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่านี่คือฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ที่สุดในบรรดาความพ่ายแพ้ในลีกทั้งหมด
“นี่เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ น่าเสียดายที่นี่เป็นอีกค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำ เราทำสิ่งที่เป็นพื้นฐานไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในครึ่งแรก แต่รวมถึงบางส่วนในครึ่งหลังด้วย” สล็อตกล่าว
เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีม กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า “ผมมั่นใจว่าเราจะหลุดพ้นจากมันไปได้ แต่เราจะไม่สามารถทำได้ด้วยการแค่พูดถึงมัน”
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สถานการณ์กลับพลิกฟื้นอย่างชัดเจน โดยเปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน ไปด้วยสกอร์ 4-2 ทำให้ทีมของ รูเบน อโมริม เก็บชัยชนะในลีกเป็นนัดที่สามติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2024 และส่งให้ "ปีศาจแดง" พุ่งขึ้นสู่ตำแหน่ง ท็อปโฟร์ ได้สำเร็จ
สัญญาณบวกที่สำคัญคือฟอร์มของผู้เล่นใหม่:
อโมริม กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ผมคิดว่าเรากำลังพัฒนาในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เราสามารถตอบสนองที่แตกต่างออกไป และรู้สึกว่าเราสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง”