svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"อุสมาน เดมเบเล่" ผงาดคว้ารางวัล "บัลลงดอร์ 2025"

ผลการประกาศรางวัล บัลลงดอร์ 2025 ปรากฏว่า อุสมาน เดมเบเล่ ปีกตัวเก่งของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้าบัลลงดอร์ชายไปครองได้เป็นสมัยแรกในชีวิต สรุปผลทุกรางวัล พร้อมบทวิเคราะห์ว่าทำไม เดมเบเล่ ถึงเหมาะสมกับรางวัลนี้

KEY

POINTS

  • อุสมาน เดมเบเล่ ปีกของปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้ารางวัลบัลลงดอร์ชายประจำปี 2025 ไปครองเป็นสมัยแรกในอาชีพ
  • เขามีบทบาทสำคัญในการพาเปแอสเชคว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งรวมถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
  • เดมเบเล่ทำผลงานส่วนตัวได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิง 35 ประตู และ 16 แอสซิสต์ในทุกรายการ พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวร่วมและผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเอิง
  • การปรับตำแหน่งโดยกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ ให้ขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างเต็มศักยภาพ

พิธีประกาศรางวัล บัลลงดอร์ ประจำปี 2025 ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยผลการตัดสินออกมาเป็นเอกฉันท์ว่า อุสมาน เดมเบเล่ และ ไอตาน่า บอนมาติ คือนักฟุตบอลชายและหญิงยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี

อุสมาน เดมเบเล่: สู่จุดสูงสุดหลังการย้ายทีมครั้งสำคัญ

อุสมาน เดมเบเล่ ปีกวัย 28 ปีของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้าบัลลงดอร์ชายไปครองเป็นสมัยแรกในอาชีพอย่างยิ่งใหญ่ หลังมีส่วนสำคัญในการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร รวมถึงการป้องกันแชมป์ลีกเอิง และคว้าแชมป์เฟรนช์ คัพ ได้อีกด้วย

เดมเบเล่ ทำสถิติสูงสุดในอาชีพด้วยการยิง 35 ประตู และทำ 16 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 53 นัดในทุกรายการ ซึ่งรวมถึงการยิง 8 ประตูในแชมเปียนส์ลีก และการทำ 21 ประตูในลีกเอิงจนคว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมและรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกไปครอง

การคว้าบัลลงดอร์ของเดมเบเล่เป็นการตอกย้ำว่าการย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาสู่ เปแอสเช ด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโรในปี 2023 เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างยิ่ง และ หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือเปแอสเช คือคนที่ปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของเขาออกมาได้อย่างน่าทึ่ง

บทวิเคราะห์: เดมเบเล่ คว้าบัลลงดอร์ได้อย่างไร

จากการวิเคราะห์ของสื่อต่างประเทศอย่าง The Athletic ชี้ให้เห็นว่า อุสมาน เดมเบเล่ คือผู้เล่นที่ดีที่สุดในทีมที่ดีที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคว้าบัลลงดอร์ โดยก่อนหน้านี้พรสวรรค์ของเขาเป็นที่ประจักษ์แต่ขาดความสม่ำเสมอ แต่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้แก้จุดอ่อนนี้ด้วยการปรับให้ เดมเบเล่ ขึ้นไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ซึ่งทำให้เขาสามารถใช้ความเร็วและทักษะการเลี้ยงบอลได้อย่างเต็มที่ จนกลายเป็นหัวหอกที่สมบูรณ์แบบให้กับ เปแอสเช โดย คีลิยัน เอ็มบัปเป้ อดีตเพื่อนร่วมทีม ก็เคยยกย่องว่า เดมเบเล่ เป็นผู้ที่เหมาะสมกับรางวัลนี้ที่สุดแล้ว

"อุสมาน เดมเบเล่" ผงาดคว้ารางวัล "บัลลงดอร์ 2025"

ไอตาน่า บอนมาติ: สร้างสถิติเทียบเท่าตำนาน

ในส่วนของรางวัลบัลลงดอร์หญิงตกเป็นของ ไอตาน่า บอนมาติ กองกลางวัย 27 ปีของ บาร์เซโลน่า ที่คว้ารางวัลนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน โดยเธอมีส่วนสำคัญในการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ในประเทศได้ทั้งหมด รวมถึงการเข้าชิงแชมเปียนส์ลีก นอกจากนี้เธอยังพาทีมชาติสเปนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโร 2025 และคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ไปครองอีกด้วย

ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้ บอนมาติ กลายเป็นนักฟุตบอลคนที่สามในประวัติศาสตร์ที่คว้าบัลลงดอร์ได้ 3 ปีติดต่อกัน เทียบเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่ (2009-2012) และ มิเชล พลาตินี่ (1983-1985) และเป็นผู้เล่นหญิงคนแรกที่ทำได้นับตั้งแต่มีการมอบรางวัลในปี 2018 นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้เล่น บาร์เซโลน่า ที่ได้บัลลงดอร์หญิงติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แล้ว (อเล็กเซีย ปูเตียยาส ได้ในปี 2021 และ 2022)

สรุปผลรางวัลอื่นๆ ที่น่าสนใจ

  • รางวัลโกปา โทรฟี่ (นักเตะชายอายุไม่เกิน 21 ปี): ลามีน ยามาล (บาร์เซโลน่า) คว้าไปครองเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากมีผลงานที่น่าทึ่ง ยิง 18 ประตูและทำ 25 แอสซิสต์จาก 55 นัด และยังคว้าอันดับ 2 ในการโหวตรางวัลบัลลงดอร์ชายอีกด้วย
  • รางวัลโกปา โทรฟี่ (นักเตะหญิงอายุไม่เกิน 21 ปี): วิกกี้ โลเปซ (บาร์เซโลน่า) คว้าไปครองได้สำเร็จ ทำให้บาร์เซโลน่ากวาดรางวัลนี้ทั้งชายและหญิง
  • รางวัลยาชิน โทรฟี่ (ผู้รักษาประตูชายยอดเยี่ยม): จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
  • รางวัลยาชิน โทรฟี่ (ผู้รักษาประตูหญิงยอดเยี่ยม): ฮันนาห์ แฮมป์ตัน (เชลซี)
  • รางวัลแกร์ด มุลเลอร์ โทรฟี่ (ดาวซัลโว): วิคตอร์ เยอเคเรส (อาร์เซนอล) และ เอวา พาจอร์ (บาร์เซโลน่า)
  • รางวัลโยฮัน ครัฟฟ์ โทรฟี่ (โค้ชยอดเยี่ยม): หลุยส์ เอ็นริเก้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) และ ซารีน่า วิกมัน (ทีมชาติอังกฤษ)

อันดับผู้เล่น 10 อันดับแรกของบัลลงดอร์ชาย

  1. อุสมาน เดมเบเล่ (เปแอสเช)
  2. ลามีน ยามาล (บาร์เซโลน่า)
  3. วิตินญ่า (เปแอสเช)
  4. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
  5. ราฟินญ่า (บาร์เซโลน่า)
  6. อัชราฟ ฮาคิมี่ (เปแอสเช)
  7. คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (เรอัล มาดริด)
  8. โคล พาลเมอร์ (เชลซี)
  9. จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (แมนซิตี้)
  10. นูโน่ เมนเดส (เปแอสเช)