
KEY
POINTS
ถ้าเอ่ยถึงสโมสรที่ชีวิตไม่เคยนิ่งสงบยาวนานเกินสองฤดูกาล น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คงติดอยู่ในลิสต์อย่างไม่ต้องสงสัย ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา “ซิตี้ กราวด์” คือเวทีที่สะท้อนการเมืองในห้องประชุมพอ ๆ กับการต่อสู้ในสนาม และเรื่องล่าสุดก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ เมื่อการแยกทางระหว่าง นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ กับสโมสร กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ลากเอาทุกคนเข้าสู่ความไม่แน่นอนอีกครั้ง
แต่ในความไม่แน่นอนนั่นเอง ก็ได้ก่อกำเนิดโอกาสใหม่ ทั้งสำหรับฟอเรสต์ และสำหรับกุนซือที่เข้ามาสืบทอดตำแหน่งอย่าง อังเก้ ปอสเตโคกลู ชายผู้ขึ้นชื่อในเรื่องฟุตบอลบุกสะใจ และคาแรกเตอร์ที่แฟนบอลยากจะเกลียด
นูโน่เข้ามารับงานในเดือนธันวาคม 2023 ตอนที่ฟอเรสต์กำลังอยู่ในสภาพโคม่า เสี่ยงตกชั้นและไร้ทิศทาง หลังการแยกทางกับ สตีฟ คูเปอร์ ผู้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก ความคาดหวังที่ถาโถมไม่ได้ทำให้นูโน่ถอย ผลลัพธ์คือ ฟอเรสต์ไม่เพียงเอาตัวรอดจากการตกชั้น แต่ยังได้กลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ความสำเร็จนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่น สตาฟฟ์ และแฟนบอลจำนวนมากยกให้เขาเป็น “ผู้กอบกู้”
แต่ปัญหาคือ โลกของฟุตบอลไม่ได้วัดกันแค่ในสนามเสมอไป นอกสนามก็เป็นเกมที่ซับซ้อนไม่แพ้กัน แต่นูโน่เลือกทำในสิ่งที่โค้ชหลายคนหลีกเลี่ยง นั่นคือการ "พูดตรง ๆ" ต่อสื่อถึงความไม่ลงรอยกับบอร์ดบริหาร เขาวิจารณ์ถึงความล่าช้าในตลาดซื้อขาย พูดถึงการบริหารที่ไม่เป็นระบบ และสิ่งเหล่านี้กลายเป็นการ “ท้าทายอำนาจ” โดยตรงต่อ อีวานเจลอส มารินาคิส
ในโลกของมารินาคิส การท้าทายคือเส้นที่ข้ามไม่ได้ แต่เมื่อโค้ชเลือกเดินสวนทาง สุดท้ายเกมแพ้เวสต์แฮมในบ้านแบบหมดรูป จึงเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้บทสรุปการแยกทางชัดเจน
การจากไปของนูโน่ไม่ได้มาเพียงลำพัง รอส วิลสัน ผู้อำนวยการกีฬาซึ่งได้รับการยอมรับ ก็เตรียมโยกไปนิวคาสเซิล นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนโค้ช แต่คือการรีเซตโครงสร้างฟุตบอลทั้งชุด เปิดทางให้ เอดู เข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น
สำหรับแฟนบอล การเปลี่ยนแปลงหลายชั้นในเวลาเดียวกันย่อมสร้างทั้งความกังวลและความหวัง กังวลว่าเสถียรภาพที่เริ่มสร้างไว้จะถูกทำลาย แต่ก็หวังว่าการจัดระเบียบใหม่อาจนำไปสู่สิ่งที่มั่นคงกว่าเดิม
คำถามที่หลายคนตั้งคือ ทำไมมารินาคิสจึงเลือก อังเก้ ปอสเตโคกลู? คำตอบไม่ได้อยู่แค่ในสนาม แต่มันอาจเป็นเรื่อง “สายสัมพันธ์” และ “ความเป็นกรีก”
ปอสเตโคกลูถูกปลดจากสเปอร์สแบบเจ็บปวด ทั้งที่พาทีมเล่นฟุตบอลบุกเร้าใจและได้แชมป์ยูโรปาลีก แต่เขายังเป็นกุนซือที่แฟนบอลจำนวนไม่น้อยชื่นชอบเพราะบุคลิกที่จริงใจและเป็นกันเอง คุณสมบัตินี้เหมาะอย่างยิ่งกับช่วงเวลาที่แข้งฟอเรสต์ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโหยหานูโน่
ที่สำคัญ มารินาคิสเคยกล่าวยกย่องแอนจ์ในงานอีเวนต์ฟุตบอลกรีซเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของทีม คือปัจจัยที่โค้ชทุกคนอยากมี และแอนจ์ได้สิทธิ์นั้นเต็ม ๆ
การเปลี่ยนกุนซือครั้งนี้คือการเปลี่ยนปรัชญาอย่างสิ้นเชิง นูโน่วางรากฐานด้วยเกมรับเหนียวแน่น ส่วนแอนจ์ขึ้นชื่อในฟุตบอลเกมรุกที่ดุดัน เปิดพื้นที่และเสี่ยงมากขึ้น แต่ปัญหาที่เขาเคยถูกวิจารณ์ในพรีเมียร์ลีกคือ การแก้ไขแนวรับที่เปราะบาง แม้ว่าในฟุตบอลถ้วย เขาจะพิสูจน์ได้ว่าสามารถปรับเกมรับให้รัดกุมขึ้นเมื่อจำเป็น
สำหรับฟอเรสต์ มันคือการเดิมพันครั้งใหญ่ เพราะทีมไม่ได้มีทรัพยากรมากมายเหมือนบรรดาบิ๊กซิกซ์ แต่มองอีกมุม การเล่นเกมรุกก็อาจสร้างความตื่นเต้นใหม่ ๆ ให้แฟนบอล
ไม่มีอะไรจะโหดไปกว่าการเปิดตัวด้วยการบุกเยือนอาร์เซน่อล แรงกดดันไม่ใช่แค่จากคู่แข่ง แต่ยังมาจากห้องแต่งตัวที่ยังผูกพันกับโค้ชเก่า และแฟนบอลที่ยังไม่ลืมความสำเร็จในยุคนูโน่
แอนจ์ต้องใช้บุคลิกที่อบอุ่นและเสน่ห์การสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความท้าทายนี้ไม่ใช่เรื่องแท็กติกเพียงอย่างเดียว แต่คือเรื่อง “การชนะใจคน”
---
สำหรับฟอเรสต์ การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเสถียรภาพใหม่ หรืออาจกลายเป็นวังวนเดิมที่ซ้ำรอยอีกครั้งก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า ปอสเตโคกลูจะเรียนรู้จากความผิดพลาดในลอนดอนเหนือ และปรับตัวเข้ากับความจริงที่ซิตี้ กราวด์ ได้เร็วแค่ไหน
ในขณะที่นูโน่จากไปพร้อมเกียรติ และโอกาสใหม่ ๆ ที่น่าจะรออยู่เบื้องหน้า แอนจ์กำลังจะได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โอกาสที่จะเขียนเรื่องราวใหม่ให้ทั้งตัวเอง และสโมสรที่ชื่อว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์