
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอลโล่การกุศล คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2025 ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 ส.ค.) จบลงด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของ คริสตัล พาเลซ ที่สามารถเอาชนะ ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยการดวลจุดโทษไป 3-2 หลังเสมอกันในเวลา 90 นาที 2-2 ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ต่อไปนี้คือการสรุปทุกประเด็นสำคัญและบทวิเคราะห์เชิงลึกจากเกมการแข่งขัน
---
เกมการแข่งขันเป็นไปอย่างสนุกสูสี ลิเวอร์พูลได้ประตูจากสองแข้งใหม่อย่าง อูโก้ เอกิติเก้ และ เจเรมี่ ฟริมปง ขณะที่คริสตัล พาเลซ ได้ประตูตีเสมอจาก ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า และ อิสไมล่า ซาร์ ทำให้จบเกมด้วยสกอร์ 2-2 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษทันที
ในช่วงการดวลจุดโทษ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูของพาเลซ กลายเป็นฮีโร่ด้วยการเซฟลูกยิงของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ยิงข้ามคานไปเอง ส่วน พาเลซ ได้ประตูจาก มาเตต้า และ ซาร์ ก่อนที่ จัสติน เดเวนนี่ ตัวสำรองดาวรุ่งจะเป็นผู้ยิงจุดโทษตัดสินชัยชนะให้กับทีมอย่างสุดระทึก
หลังจบเกม โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ผู้จัดการทีมคริสตัล พาเลซ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก เราสามารถเล่นในระดับที่ใกล้เคียงกับลิเวอร์พูลได้ ผมภูมิใจในทีมและแนวทางที่พวกเขาเล่น” นอกจากนี้ เขายังชื่นชม ดีน เฮนเดอร์สัน และ จัสติน เดเวนนี่ ที่แสดงความกล้าหาญในการยิงจุดโทษตัดสินอีกด้วย
ด้าน อาร์เน่อ ชล็อต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยอมรับถึงจุดอ่อนที่ชัดเจนของทีมว่า "เราสร้างโอกาสได้มากขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้ว แต่ก็จำเป็นต้องมีการปรับแก้ในแนวรับ เราไม่ได้เสียโอกาสให้คู่ต่อสู้มากนัก แต่เรากลับเสียประตูอยู่ตลอดในตอนนี้" เขายังกล่าวเสริมว่า "สิ่งที่เราทำได้แข็งแกร่งเมื่อปีก่อนคือการเก็บคลีนชีต" ซึ่งเป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลทำไม่ได้เลยในเกมอุ่นเครื่อง 5 นัดหลังสุด
ชัยชนะของพาเลซในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในบอลถ้วยของพวกเขาภายใต้การคุมทีมของ กลาสเนอร์ แต่ในส่วนของลิเวอร์พูลเอง แม้จะแพ้ แต่ก็มีสัญญาณที่ดีหลายอย่าง
คริสตัล พาเลซ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นทีมที่อันตรายในแนวรุก โดยเฉพาะ อิสไมล่า ซาร์ ที่สร้างปัญหาให้แนวรับลิเวอร์พูลได้ตลอดทั้งเกม และมีส่วนร่วมทั้งการเรียกจุดโทษและยิงประตูตีเสมอในครึ่งหลัง การประสานงานของเขากับ ดาเนียล มูนญอซ สร้างโอกาสได้หลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำประตูที่ดีขึ้นของทีม