
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ปรากฏว่าสองยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สามารถเก็บชัยชนะเหนือคู่แข่งและผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยทั้งสองทีมจะต้องโคจรมาพบกันเองในวันเสาร์นี้**
ที่สนามเมอร์เซเดส-เบนซ์ สเตเดี้ยม ในแอตแลนตา "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากเยอรมนี ลงสนามพบกับ มอนเตอร์เรย์ ทีมแกร่งจากเม็กซิโก ผลปรากฏว่า ดอร์ทมุนด์ สามารถเอาชนะไปได้อย่างตื่นเต้น 2-1
เกมนี้ เซร์อู กีราสซี กองหน้าฟอร์มฮอตของดอร์ทมุนด์ สวมบทฮีโร่เหมาสองประตูในครึ่งแรก โดยลูกแรกมาในนาทีที่ 14 จากการแปบอลเสียบเสาไกล และลูกที่สองในนาทีที่ 24 จากการได้บอลโล่งๆ บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดไม่เหลือซาก โดยทั้งสองประตูมาจากแอสซิสต์อันชาญฉลาดของ คาริม อเดเยมี่ ทำให้ดอร์ทมุนด์ออกนำ 2-0
อย่างไรก็ตาม มอนเตอร์เรย์ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และมาได้ประตูตีไข่แตกในครึ่งหลังจากลูกโหม่งของ แบร์เทอราเม่ ที่ตามซ้ำลูกโหม่งของ เอริค อากีร์เร่ ที่แฉลบกองหลังดอร์ทมุนด์มา ทำให้สกอร์ไล่มาเป็น 2-1 ในครึ่งหลัง มอนเตอร์เรย์เป็นฝ่ายครองบอลได้ถึง 59% และมีโอกาสยิงเข้ากรอบ 7 ครั้ง เทียบกับ 3 ครั้งของดอร์ทมุนด์ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ทำให้จบเกม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ผ่านเข้ารอบไปได้
ความน่าสนใจในเกมนี้คือ โจ๊บ เบลลิงแฮม (น้องชายของ จู๊ด เบลลิงแฮม อดีตดาวเตะดอร์ทมุนด์) ได้รับใบเหลืองในนาทีที่ 28 ทำให้ติดโทษแบนในเกมถัดไปที่จะพบกับ เรอัล มาดริด ขณะที่ จิโอวานนี เรย์นา กองกลางชาวอเมริกัน ไม่ได้ลงสนามเป็นเกมที่สามจากสี่นัดในรายการนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่อาจบ่งบอกถึงอนาคตของเขากับสโมสร
ที่สนามฮาร์ด ร็อก สเตเดี้ยม ในไมอามี การ์เดนส์ อีกหนึ่งคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง เรอัล มาดริด ยอดทีมจากสเปน ดวลกับ ยูเวนตุส จากอิตาลี ซึ่งผลลงเอยด้วยชัยชนะของ เรอัล มาดริด ไปด้วยสกอร์ 1-0 และเป็นผู้ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้เช่นกัน
ประตูชัยของ เรอัล มาดริด มาจากลูกโหม่งของ กอนซาโล่ การ์เซีย ในนาทีที่ 54 ซึ่งเป็นประตูที่สามของเขาในรายการนี้ การ์เซีย วัย 21 ปี ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในทุกนัดของเรอัล มาดริดในรายการนี้ เนื่องจาก คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์มีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและพลาดลงสนามในรอบแบ่งกลุ่มทั้งสามนัด
อย่างไรก็ตาม เกมนี้เป็นข่าวดีสำหรับแฟนบอลเรอัล มาดริด เมื่อ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ได้ประเดิมสนามในศึกคลับ เวิลด์ คัพ ด้วยการถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 68 แทนที่ กอนซาโล่ การ์เซีย สร้างเสียงเชียร์กระหึ่มจากแฟนบอลกว่า 62,149 คนในสนามที่หลายคนสวมเสื้อของเขา และตะโกนเรียกชื่อ "เอ็มบัปเป้! เอ็มบัปเป้!" อย่างกึกก้อง
เกมในครึ่งแรกเป็นไปอย่างสูสีและไม่มีสกอร์เกิดขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูได้ในครึ่งแรกของรายการนี้ แต่ในครึ่งหลัง เรอัล มาดริด สามารถสร้างความกดดันให้ ยูเวนตุส ได้อย่างหนักหน่วง โดยมีโอกาสยิงเข้ากรอบถึง 11 ครั้ง เทียบกับ 2 ครั้งของยูเวนตุส และต้องขอบคุณฟอร์มอันสุดยอดของ มิเคเล่ ดิ เกรกอริโอ ผู้รักษาประตูยูเวนตุส ที่เซฟไปถึง 10 ครั้ง ทำให้สกอร์ยังคงสูสี
"สิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อเอ็มบัปเป้ลงสนามก็คือ เหมือนกับตอนที่คุณขับรถ เรอัล มาดริด ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตร แต่เมื่อมีเอ็มบัปเป้ พวกเขาก็เร่งความเร็วได้ยิ่งกว่าเดิม" อิกอร์ ทูดอร์ เฮดโค้ชยูเวนตุส กล่าวหลังเกม
เรอัล มาดริด จะเข้าไปพบกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในวันเสาร์นี้ที่เมตไลฟ์ สเตเดี้ยม เพื่อชิงตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป