
ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์หนแรกในปี 1952 ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แต่ก็ต้องรอถึง 24 ปี ก่อนที่นักกีฬาไทยคนแรกจะได้จารึกชื่อในฐานะนักกีฬาที่ได้เหรียญโอลิมปิกครั้งแรก โดยเกิดขึ้นใน โอลิมปิก 1976 ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา จากผลงานของ พเยาว์ พูนธรัตน์ ในกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์ฟลายเวท โดยในรอบตัดเชือก พเยาว์ พ่าย ลี บยอง อุ๊ก จากเกาหลีใต้ อาร์เอสซี ยก 2 แต่ก็เพียงพอจะเปิดประวัติศาสตร์หน้าแรกของไทยในโอลิมปิกเกมส์ ด้วยการคว้าเหรียญทองแดงมาครอง
หลังจากนั้น “มวยสากลสมัครเล่น” ก็กลายเป็นกีฬาความหวังสูงสุดของนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ และสามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก ทวี อัมพรมหา คว้าเหรียญเงินรุ่นไลท์เวลเตอร์เวทจากโอลิมปิก 1984 ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ต่อด้วย ผจญ มูลสัน ได้เหรียญทองแดงรุ่นแบนตั้มเวท ในโอลิมปิก 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และ อาคม เฉ่งไล่ ที่ได้เหรียญทองแดงรุ่นเวลเตอร์เวท ในโอลิมปิก 1992 ที่เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน
เหรียญทองเหรียญแรก
มาถึงโอลิมปิก 1996 ที่เมืองแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา กลายเป็นโอลิมปิกครั้งแรกที่นักกีฬาไทยสามารถก้าวขึ้นไปคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ จาก สมรักษ์ คำสิงห์ ในรุ่นเฟเธอร์เวท หลังเอาชนะ เซราฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับทำให้เจ้าตัวกลายเป็นฮีโร่ของชาวไทยและโด่งดังในชั่วข้ามคืน
นอกจากนี้ ไทยยังคว้ามาได้อีก 1 เหรียญทองแดง จาก วิชัย ราชานนท์ ในรุ่นแบนตั้มเวท ส่งผลให้ โอลิมปิก 1996 กลายเป็นครั้งแรกที่ไทยคว้ามาได้มากกว่า 1 เหรียญ
“ยกน้ำหนัก” กีฬาชนิดที่ 2 ที่คว้าเหรียญโอลิมปิก
มาถึง โอลิมปิก 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มวยสากลสมัครเล่นยังไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง เมื่อได้มาอีก 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง โดยเหรียญทองได้จาก วิจารณ์ พลฤทธิ์ ในรุ่นฟลายเวท ส่วนเหรียญทองแดงได้จาก พรชัย ทองบุราณ ในรุ่นไลท์มิดเดิลเวท
นอกจากนี้ นักกีฬาไทยยังได้มาอีก 1 เหรียญทองแดง จาก เกษราภรณ์ สุตา ในกีฬายกน้ำหนัก รุ่น 58 กก.หญิง กลายเป็นกีฬาชนิดที่ 2 ต่อจากมวยสากลสมัครเล่นที่สามารถหยิบเหรียญโอลิมปิกกลับมาฝากคนไทยได้ รวมถึงทำให้ เกษราภรณ์ สุตา กลายเป็นนักกีฬาหญิงไทยคนแรกที่คว้าเหรียญโอลิมปิกได้ด้วย
โอลิมปิก 2000 ไทยประสบความสำเร็จสูงสุด
โอลิมปิกปี 2000 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ กลายเป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่นักกีฬาไทยประสบความสำเร็จสูงสุด เมื่อได้มาถึง 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง โดยเฉพาะยกน้ำหนักที่คว้ามาได้ถึง 2 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง ขณะที่ มวยสากลสมัครเล่น ได้มา 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง
นอกจากนี้ “เทควันโด” ก็กลายเป็นกีฬาชนิดที่ 3 ที่ไทยคว้าเหรียญโอลิมปิกมาครองได้ จากผลงานของ เยาวภา บุรพลชัย ที่ได้เหรียญทองแดงในรุ่น 49 กก.หญิง
หลังจากนั้น มวยสากลสมัครเล่น, ยกน้ำหนัก และ เทควันโด ก็กลายเป็น 3 ชนิดกีฬาที่สามารถสร้างความสุขให้คนไทย ด้วยการคว้าเหรียญรางวัลจากโอลิมปิกเกมส์ได้แทบทุกครั้งจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน (2 ทอง 2 เงิน 2 ทองแดง), โอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ (2 เงิน 2 ทองแดง), โอลิมปิก 2016 ที่ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล (2 ทอง 2 เงิน 2 ทองแดง) และโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (1 ทอง 1 ทองแดง)
ส่งผลให้นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไทยส่งนักกีฬาลงแข่งโอลิมปิก 18 สมัย คว้ามาได้ทั้งสิ้น 10 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 17 เหรียญทองแดง รวม 35 เหรียญ จาก 3 ชนิดกีฬาคือ ยกน้ำหนัก (5 ทอง 2 เงิน 7 ทองแดง), มวย (4 ทอง 4 เงิน 7 ทองแดง) และเทควันโด (1 ทอง 2 เงิน 3 เหรียญทองแดง) เป็นอันดับที่ 57 ตลอดกาลเมื่อรวมกับทุกชาติ
ส่วนโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส นักกีฬาไทยจะประสบความสำเร็จแค่ไหน รอส่งใจเชียร์กันได้ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
ทำเนียบเหรียญโอลิมปิกของนักกีฬาไทย
โอลิมปิก 1976 : มอนทรีออล ประเทศแคนาดา (1 ทองแดง)
โอลิมปิก 1984 : ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา (1 เงิน)
โอลิมปิก 1988 : โซล ประเทศเกาหลีใต้ (1 ทองแดง)
โอลิมปิก 1992 : บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน (1 ทองแดง)
โอลิมปิก 1996 : แอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา (1 ทอง 1 ทองแดง)
โอลิมปิก 2000 : ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย (1 ทอง 2 ทองแดง)
โอลิมปิก 2004 : เอเธนส์ ประเทศกรีซ (3 ทอง 1 เงิน 4 ทองแดง)
โอลิมปิก 2008 : ปักกิ่ง ประเทศจีน (2 ทอง 2 เงิน 2 ทองแดง)
โอลิมปิก 2012 : ลอนดอน ประเทศอังกฤษ (2 เงิน 2 ทองแดง)
โอลิมปิก 2016 : ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล (2 ทอง 2 เงิน 2 ทองแดง)
โอลิมปิก 2020 : โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (1 ทอง 1 ทองแดง)