svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ยูโร 2024 กลุ่มอี: เบลเยียมยุคถ่ายเลือดใหม่ขอยึดแชมป์กลุ่ม

แนะนำทีมในศึก ยูโร 2024 กลุ่มอี ซึ่งมี เบลเยี่ยม เป็นตัวเต็งแชมป์กลุ่ม ส่วน สโลวะเกีย, โรมาเนีย และ ยูเครน เบียดชิงโควตารอบน็อกเอาต์กันสูสี

ยูโร 2024 กลุ่มอี: เบลเยียมยุคถ่ายเลือดใหม่ขอยึดแชมป์กลุ่ม

เบลเยียม

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 3
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รองแชมป์ (1980)
  • ผลงานรอบคัดเลือก: แชมป์กลุ่มเอฟ สถิติชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0
  • เฮดโค้ช: โดเมนิโก้ เทเดสโก้
  • ดาวเด่น: เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯซิตี้)


"ปีศาจแดงแห่งยุโรป" อยู่ในช่วงถ่ายเลือดใหม่หลังการจากลาของขุนพลยุคทองของพวกเขาอย่าง เอแด็น อาซาร์, ดรีส์ เมอร์เทนส์ และแว็งซ็องต์ ก็องปานี และมีการเปลี่ยนกุนซือ จาก โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ มาเป็น โดเมนิโก้ เทเดสโก้ อดีตเฮดโค้ชของ แอร์เบ ไลป์ซิก และเจ้าตัว็พาทีมชาติเบลเยียมทำผลงานอย่างร้อนแรง ชนะถึง 10 จาก 14 นัดแรก และยังไม่แพ้ใครนับตั้งแต่มาคุมทีมชาติเมื่อเดือน มี.ค. ปีก่อน

ขุนพลชุดลุยยูโรครั้งนี้ เหลือตัวเก๋าชุดเดิมอยู่แค่ไม่กี่ราย โดยจะต้องขาด ติโบต์ กุร์กตัวส์ ที่เจ็บยาวมาตลอดทั้งซีซั่น แต่ก็ยังมีชื่อของ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพจาก แมนฯซิตี้ และ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงร่างยักษ์จาก โรม่า

ที่เหลือแทบจะเป็นดาวเตะอายุน้อยทั้งสิ้น ในแนวรับมี แม็กซิม เด คุยแปร์ ฟูลแบ็กวัย 23 ปีจาก คลับ บรูช ที่กำลังถูกจับตากจากแมวมองของทีมใหญ่ในยุโรป แดนกลางมีดาวเตะอนาคตไกลอย่าง อาเธอร์ แฟร์เมียร์เรน (19 ปี - แอต.มาดริด) และ อมาดู โอนาน่า (22 ปี - เอฟเวอร์ตัน) ส่วนแนวรุกนำโดยปีกจอมเลื้อยอย่าง เฌเรมี่ โดกู (22 ปี - แมนฯซิตี้) และ โยฮัน บากาโยโก้ (21 ปี - พีเอสวี) เป็นตัวชูโรง

ดูจากตัวผู้เล่นและผลงานที่ผ่านมา เกมรุกของพวกเขาไม่มีปัญหา แต่ยังมีคำถามที่แนวรับ เมื่อ แยน แฟร์ทองเก้น, อักเซล วิตเซล และ เวาต์ ฟาส ไม่ใช่กองหลังที่แข็งแกร่งมากนัก แถมนายทวารยังต้องดัน โคเอน คาสตีลส์ ขึ้นเป็นมือ 1 แทนที่ กูร์กตัวส์ อีกด้วย ดังนั้นอาจเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเขายามเข้าสู่รอบน็อกเอาต์

ยูโร 2024 กลุ่มอี: เบลเยียมยุคถ่ายเลือดใหม่ขอยึดแชมป์กลุ่ม

สโลวะเกีย

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 48
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รอบ 16 ทีมสุดท้าย
  • ผลงานรอบคัดเลือก: รองแชมป์กลุ่มเจ สถิติชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2
  • เฮดโค้ช: ฟรานเชสโก้ คัลโซน่า
  • ดาวเด่น: มิลาน สคริเนียร์ (เปแอสเช)


แม้จะเป็นทีมเล็กๆที่ไม่มีซูเปอร์สตาร์ แต่นี่คือการผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลยูโรได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันแล้วสำหรับทีมชาติสโลวะเกีย ภายใต้การคุมทัพของ ฟรานเชสโก้ คัลโซน่า ที่เพิ่งขึ้นเป็นกุนซือใหญ่ครั้งแรกจากงานนี้ หลังผ่านประสบการณ์เป็นผู้ช่วยของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่เอ็มโปลีและนาโปลี

จาก 18 นัดที่มีคัลโซน่าคุมทัพ สโลวะเกียแพ้เพียง 4 เกมเท่านั้น พวกเขาจะเล่นในระบบ 4-3-3 เป็นหลัก และเน้นการเล่นเกมรุกมากกว่าที่เคยเห็นมาในยุคก่อนหน้านี้ โดยถล่มทั้ง ซาน มาริโน่ และ เวลส์ ด้วยสกอร์ 4-0 มาแล้วในเกมอุ่นเครื่อง

ขุนพลของสโลวะเกียเต็มไปด้วยผู้เล่นมากประสบการณ์ สตานิสลาฟ โลบอตก้า (นาโปลี) และออนเดรจ ดูด้า (เฮลลาส เวโรน่า) คือกองกลางคุณภาพในเซเรีย อา แต่ดาวเตะที่มีชื่อเสียงที่สุดของพวกเขาคือ มิลาน สคริเนียร์ เซ็นเตอร์แบ็กที่เพิ่งย้ายจากอินเตอร์ไปปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโรเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

สโลวะเกียไม่น่าจะเป็นภัยคุกคามของทีมยักษ์ใหญ่มากนักในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่เมื่อมีเพียง เบลเยียม ที่แข็งกว่าพวกเขา จึงมีโอกาสที่ดีที่จะลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์ได้เช่นกัน

ยูโร 2024 กลุ่มอี: เบลเยียมยุคถ่ายเลือดใหม่ขอยึดแชมป์กลุ่ม

โรมาเนีย

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 46
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รอบก่อนรองชนะเลิศ
  • ผลงานรอบคัดเลือก: แชมป์กลุ่มไอ สถิติชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 0
  • เฮดโค้ช:  เอ็ดเวิร์ด ยอร์ดาเนสคู
  • ดาวเด่น: ราดู ดรากูซิน (สเปอร์ส)


เป็นอีกทีมที่ทำผลงานในรอบคัดเลือกได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับ โรมาเนีย โดย 10 นัดที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์, อิสราเอล, เบลารุส, โคโซโว และอันดอร์รา โรมาเนียชนะ 6 และเสมอ 4 ซิวแชมป์กลุ่มด้วยการมีคะแนนนำหน้าสวิส 5 แต้ม และเสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น

โรมาเนีย เป็นทีมที่แพ็คเกมรับเหนียวแน่นและโต้กลับได้อย่างเฉียบขาดภายใต้ระบบ 4-1-4-1 โดยมี ราดู ดรากูซิน ดาวรุ่งจากสเปอร์ส และ อันเดรย์ บูร์ก้า คอยบัญชาการเกมรับ เมื่อต้องการบุกสวนกลับ ชื่อของ ยานิส ฮาจี้ ลูกชายของตำนานอย่าง จอร์จี้ ฮาจี้ จะเป็นผู้กำหนดทิศทางในการรุก และยังมี นิโคไล สแตนซิอู เป็นตัวสอดแทรกขึ้นมาทำประตูจากแดนกลาง

โรมาเนีย อาจเป็นทีมที่โต้กลับได้ดี แต่จะใช้ได้ผลหรือไม่เมื่อต้องเจอกับทีมระดับใกล้เคียงกัน นั่นเป็นจุดใหญ่ที่พวกเขาต้องฝ่าไปให้ได้หากอยากจะเข้ารอบน็อกเอาต์

ยูโร 2024 กลุ่มอี: เบลเยียมยุคถ่ายเลือดใหม่ขอยึดแชมป์กลุ่ม

ยูเครน

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 22
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รอบก่อนรองชนะเลิศ
  • ผลงานรอบคัดเลือก: อันดับ 3 กลุ่มซี สถิติชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 2, ชนะเพลย์ออฟ
  • เฮดโค้ช:  เซอร์เก เรบรอฟ
  • ดาวเด่น: อาร์เต็ม ดอฟบิค (จิโรน่า)


ฟุตบอล คงเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ยูเครนกำลังเผชิญอยู่ในฐานะประเทศชาติ และสงครามก็ส่งผลกระทบต่อทีมชาติของพวกเขาโดยตรง เมื่อทีมชุดนี้ต้องระหกระเหินไม่ได้เล่นในบ้านมาตั้งแต่ปี 2022 

คุณภาพภายในทีมชุดนี้ถือว่ามีดาวเตะที่่น่าจับตามองหลายคน แนวรับมีผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยม 2 คน ได้แก่ อังเดร ลูนิน (เรอัล มาดริด) และอนาโตลี ทรูบิน (เบนฟิก้า) ส่วนกองหลังมีดาวเตะดีกรีพรีเมียร์ลีกอยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็น วิตาลี มิโคเลนโก้ (เอฟเวอร์ตัน), อิลเลีย ซาบาร์นี (บอร์นมัธ) และโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ (อาร์เซน่อล) ส่วนแนวรุกก็มีปีกอย่าง วิคเตอร์ ซิกานคอฟ (จิโรน่า) และมิไคโล มูดริค (เชลซี) เพื่อสนับสนุนดาวยิงตัวความหวังอย่าง อาร์เต็ม ดอฟบิค (จิโรน่า)

ดูจากคุณภาพผู้เล่นแล้ว ยูเครนน่าจะมีทัวร์นาเมนต์ที่ดีมาก และอาจจะดีเกินกว่าจะตกรอบแรกด้วยซ้ำ อยู่ที่ว่าพวกเขาจะรวบรวมสมาธิและจิตใจ ปล่อยวางเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในประเทศ และต่อสู้เพื่อชิงโควตาน็อกเอาต์ได้สำเร็จหรือไม่