svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ยูโร 2024 กลุ่มดี: "ฝรั่งเศส" ขอคว้าแชมป์ลบฝันร้ายจากบอลโลก

แนะนำทีมในศึก ยูโร 2024 กลุ่มดี ซึ่งมี "ตราไก่" ฝรั่งเศส เป็นตัวเต็ง โดยพวกเขาหวังจะคว้าแชมป์ให้ได้เพื่อลบความผิดหวังจากการได้แค่รองแชมป์ในศึกฟุตบอลโลกที่ผ่านมา

ยูโร 2024 กลุ่มดี: \"ฝรั่งเศส\" ขอคว้าแชมป์ลบฝันร้ายจากบอลโลก

โปแลนด์

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 28
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รอบก่อนรองชนะเลิศ
  • ผลงานรอบคัดเลือก: อันดับ 3 กลุ่มอี สถิติชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 3, ชนะเพลย์ออฟ
  • เฮดโค้ช: มิชาล โพรเบียร์ซ
  • ดาวเด่น: โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาร์เซโลน่า)


โปแลนด์ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโรเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะจบที่รอบแบ่งกลุ่ม มีแค่ครั้งเดียวที่ฝ่าด่านไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ คือในปี 2016 และครั้งนี้ก็ทำท่าว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้งเนื่องจากถูกจับมาอยู่ในกลุ่มสุดหิน

มิชาล โพรเบียร์ซ ได้เลื่อนจากกุนซือทีม U21 มาคุมทีมชาติชุดใหญ่เมื่อเดือน ก.ย. ปีก่อน แทนที่ แฟร์นานโด ซานโตส ซึ่งทำผลงานน่าผิดหวัง (แพ้ต่อมอลโดวาและแอลเบเนีย) และภายใต้การคุมทีมของโพรเบียร์ซ จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่แพ้ใครมา 7 นัดติด 

โปแลนด์ยังคงพึ่งพานักเตะตัวเก๋าเพื่อความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์นี้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าของบาร์เซโลน่ายังคงเป็นตัวอันตราย แม้จะไม่พีคเหมือนแต่ก่อนเนื่องจากอายุ 35 ปีแล้ว ขณะที่คู่หูของเขายังต้องแย่งชิงตำแหน่งกันระหว่าง คาโรล สวิเดอร์สกี้ (เฮลลาส เวโรน่า) หรือ คริสตอฟ เปียเท็ค (อิสตันบูล บาซาคเซฮีร์) 

ด้านแนวรับ โปแลนด์ค่อนข้างแข็งแกร่ง นำโดย ยาคุบ คีวิออร์ ของอาร์เซน่อล และยาน เบดนาเร็ก ของเซาธ์แฮมป์ตัน อย่างไรก็ตาม การต้องเจอกับเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส ทำให้โปแลนด์อาจต้องเสียประตูและอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการประตูเพื่อกลับสู่เกม ดังนั้นการขาดแคลนเพลย์เมกเกอร์จึงเป็นปัญหาที่น่าหนักใจ

ยูโร 2024 กลุ่มดี: \"ฝรั่งเศส\" ขอคว้าแชมป์ลบฝันร้ายจากบอลโลก

เนเธอร์แลนด์

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 7
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: แชมป์ (1988)
  • ผลงานรอบคัดเลือก: รองแชมป์กลุ่มบี สถิติชนะ 6 เสมอ 0 แพ้ 2
  • เฮดโค้ช: โรนัลด์ คูมัน
  • ดาวเด่น: เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (ลิเวอร์พูล)


โรนัลด์ คูมัน กลับมาคุมทีมชาติเป็นคำรบสองหลังจากลาทีมไปคุมทัพ บาร์เซโลน่า แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ครั้งนี้เขาจึงต้องการไปให้ไกลที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองยังมีฝีไม้ลายมืออยู่

อย่างไรก็ตามขุนพลชุดนี้ยังไม่ได้เป็นทีมที่สมบูรณ์แบบ เหตุเพราะยังหาแบ็กซ้ายฝีเท้าดีไม่ได้ ในขณะที่เนเธอร์แลนด์มีวิงแบ็กฝั่งขวาที่ยอดเยี่ยมอย่าง เจเรมี่ ฟริมปง และ เดนเซล ดุมฟรีส์ แต่ไม่มีตำแหน่งที่เทียบเท่ากันในอีกด้านหนึ่งของสนาม ซึ่งหมายความว่า นาธาน อาเก้ หรือ ดาลีย์ บลินด์ จะต้องขยับไปเป็นแบ็กซ้ายแทนหากคูมันเลือกเล่นแบ็กโฟร์ แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าอาจปรับมาเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก 3 คนแทน

อีกจุดที่น่าเป็นห่วงก็คือกองกลาง เนื่องจาก เฟร็งกี้ เด ยอง (บาร์เซโลน่า) เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บและอาจไม่ฟิตพอลงเล่นในรอบแรกด้วยซ้ำ ทำให้ เยอร์ดี้ ชูเท่น หรือ โจอี้ เวียร์มัน สองแข้งจากพีเอสวี น่าจะได้บัญชาเกมร่วมกันในทีมชาติ

ขณะที่แนวรุก พวกเขามี 3 แข้งจอมเทคนิคอย่าง โคดี้ กัคโป, เมมฟิส เดปาย และ ดอนเยลล์ มาเล่น แถมยังมีดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง ซาวี่ ซิมอนส์ คอยสนับสนุนอีกรายด้วย

ยูโร 2024 กลุ่มดี: \"ฝรั่งเศส\" ขอคว้าแชมป์ลบฝันร้ายจากบอลโลก

ออสเตรีย

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 33
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รอบ 16 ทีมสุดท้าย
  • ผลงานรอบคัดเลือก: รองแชมป์กลุ่มเอฟ สถิติชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1
  • เฮดโค้ช: ราล์ฟ รังนิค
  • ดาวเด่น: มาร์เซล ซาบิตเซอร์ (ดอร์ทมุนด์)


ราล์ฟ รังนิค อดีตกุนซือชั่วคราวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาคุมทีมชาติออสเตรียตั้งแต่ปี 2022 และค่อยๆพัฒนาทีมนี้ขึ้นมาอย่างน่าจับตามอง พวกเขาแพ้แค่นัดเดียวจาก 16 เกมหลังสุด (แพ้เบลเยียม 2-3) และในช่วงเวลาดังกล่าว ออสเตรียจัดการโค่นยักษ์ใหญ่อย่าง เยอรมนี 2-0 รวมถึงถล่มตุรกีแบบไม่ไว้หน้า 6-1 มาแล้ว

ออสเตรียอาจไม่มีซูเปอร์สตาร์ แต่ก็เป็นทีมที่เล่นด้วยทีมเวิร์ก นำโดยคีย์แมนอย่าง คอนราด ไลเมอร์ (บาเยิร์น), มาร์เซล ซาบิตเซอร์ (ดอร์ทมุนด์) และนิโคลัส ไซวัลด์ (ไลป์ซิก) แต่ที่น่าเสียดายคือ ดาวิด อลาบา (เรอัล มาดริด) ยังไม่เต็มร้อยเนื่องจากพลาดลงสนามมาแทบตลอดทั้งซีซั่นจากปัญหาบาดเจ็บเอ็นหัวเข่า รวมถึงนายทวารมือ 1 อย่าง อเล็กซานเดอร์ ชลาเกอร์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาเช่นกัน

และเช่นเดียวกับโปแลนด์ ปัญหาของออสเตรียคือพวกเขาอยู่ในกลุ่มที่ยากลำบากมาก พวกเขาอาจถอดใจไปตั้งแต่เกมแรกด้วยซ้ำเนื่องจากต้องเจอฝรั่งเศส แต่ถ้าผ่านนัดแรกด้วยผลการแข่งขันที่ดี พวกเขาก็มีลุ้นผ่านเข้ารอบเช่นกันเพราะอาจจะเก็บแต้มเพิ่มได้อีกจากการเจอโปแลนด์ในนัดที่ 2

ยูโร 2024 กลุ่มดี: \"ฝรั่งเศส\" ขอคว้าแชมป์ลบฝันร้ายจากบอลโลก

ฝรั่งเศส

  • ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 2
  • ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: แชมป์ (1984, 2000)
  • ผลงานรอบคัดเลือก: แชมป์กลุ่มบี สถิติชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 0
  • เฮดโค้ช: ดีดิเย่ร์ เดส์ช็องส์
  • ดาวเด่น: คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (เรอัล มาดริด)


คุมทีมตราไก่มาเกือบ 12 ปีแล้วสำหรับ ดีดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมชาติฝรั่งเศสเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ถึง 3 จาก 4 รายการใหญ่หลังสุด เริ่มจากแพ้โปรตุเกสในช่วงต่อเวลาพิเศษของยูโร 2016, คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 และแพ้อาร์เจนตินาในการดวลจุดโทษในฟุตบอลโลก 2022 มีแค่ยูโร 2020 เท่านั้นที่หยุดเส้นทางไว้แค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ขุนพลฝรั่งเศสชุดนี้แกร่งทั่วแผ่นถึงขั้นบรรดานักเตะที่ไม่ติดทีมชาติชุดนี้มีกลุ่มที่ฝีเท้าดีมากมายขนาดตั้งเป็นอีกทีมได้ด้วยซ้ำ และที่เซอร์ไพรส์ที่สุดคือการกลับมาของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ทำให้หลายคนสงสัย แต่เมื่อเห็นฟอร์มของเจ้าตัวในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุดก็เห็นชัดแล้วว่า ก็องเต้ ก็ยังเป็น ก็องเต้ ที่เรารู้จักอยู่เหมือนเดิม

หากไม่นับ อูโก้ โยริส และ ราฟาเอล วาราน ที่อำลาทีมชาติไปแล้ว ทีมชุดนี้ก็แทบจะยกมาจากชุดลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2022 ทั้งสามแนวรุกอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และ อุสมาน เดมเบเล่ โดยมี โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เป็นกองหน้าตัวเป้าที่พร้อมลงมาเปลี่ยนเกม

และหลังจากชอกช้ำเหตุชวดแชมป์โลกปี 2022 ฟุตบอลยูโรครั้งนี้ฝรั่งเศสจึงมุ่งมั่นที่จะลบฝันร้ายให้ได้ โดยเฉพาะ เอ็มบัปเป้ ที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองในฐานะดาวเตะหมายเลข 1 ของโลกคนต่อไป หลังหมดยุคของ โด้-เมสซี่ เรียบร้อยแล้ว