ยูโร 2024 กลุ่มซี: "สิงโต" พร้อมคำราม อีก 3 ทีมพร้อมสร้างเซอร์ไพรส์

สโลวีเนีย

• ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 57
• ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รอบแบ่งกลุ่ม
• ผลงานรอบคัดเลือก: รองแชมป์กลุ่มเอช สถิติชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2
• เฮดโค้ช: มาเทียช เค็ค
• ดาวเด่น: ยาน โอบลัค (แอต.มาดริด)

จากชื่อชั้นและผลงานในอดีต สโลวีเนียดูเหมือนเป็นทีมที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มซี แต่แน่นอนว่า 24 ทีมในรอบสุดท้ายคงไม่มีทีมไหนเป็นสมันน้อยให้ทีมอื่นไล่ถล่ม และสโลวีเนียก็มีคุณภาพดีพอที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้แน่ และแค่ชัยชนะนัดเดียวก็อาจเพียงพอสำหรับการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์แล้ว ซึ่งต้องไม่ลืมว่า สโลวีเนียได้แสดงให้เห็นมาแล้วว่าพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ ล่าสุดพวกเขาก็เพิ่งเอาชนะโปรตุเกสมาได้ 2-0 เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับขุนพลของสโลวีเนียชุดนี้ แกนหลักอยู่ที่ดาวเตะสองคนจากคนละฟากฝั่งของสนาม คนแรกคือ ยาน โอบลัค หนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในยุโรป และเป็นผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ของแอตเลติโก มาดริด มานานนับทศวรรษ โอบลัคอาจจะผ่านจุดสูงสุดของอาชีพมาแล้วก็จริง แต่เชื่อว่าด้วยฝีไม้ลายมือของเขา และแนวโน้มที่ว่าทีมชาติสโลวีเนียจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการตั้งรับ น่าจะทำให้ โอบลัค เปล่งประกายในศึกยูโรครั้งนี้ 

ในขณะที่แนวรับนำโดยตัวเก๋าอย่างโอบลัค แนวรุกของพวกเขาจะต้องพึ่งพากองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง เบนจามิน เซสโก้ ดาวยิงวัย 21 ปี กำลังได้รับความสนใจจากสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หลังยิงไป 18 ประตูให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิกในฤดูกาลนี้

เดนมาร์ก

• ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 21
• ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: แชมป์ (1992)
• ผลงานรอบคัดเลือก: แชมป์กลุ่มเอช สถิติชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2
• เฮดโค้ช: แคสเปอร์ ฮุลมันด์
• ดาวเด่น: ราสมุส ฮอยลุนด์ (แมนฯยูไนเต็ด)

หลังจากผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในยูโร 2020 เดนมาร์กหวังว่าจะเข้าถึงรอบน็อกเอาต์ของการแข่งขันปีนี้อีกครั้ง แต่หลังจากฟุตบอลโลก 2022 ที่ย่ำแย่ ทำให้คาดว่าพวกเขาคงต้องดิ้นรนอย่างหนักทีเดียวหากจะฝ่าไปได้ถึงเป้าหมาย

แม้รอบคัดเลือก ผลงานของขุนพลโคนมจะดูราบรื่น โดยแพ้เพียง 2 ใน 10 เกม (เกมเยือนคาซัคสถานและไอร์แลนด์เหนือ) แต่ทีมของแคสเปอร์ ฮุลมันด์ยังถูกวิจารณ์หนักจากแฟนๆ เหตุเพราะมักจะใช้งานผู้เล่นมากประสบการณ์แม้จะไม่ค่อยได้ลงเล่นให้สโมสรต้นสังกัด แทนที่จะเป็นผู้เล่นอายุน้อยกว่าและอยู่ในฟอร์มที่ดีกว่า

เช่น แมตต์ โอไรลีย์ กองกลางของเซลติก ยิง 19 ประตู 18 แอสซิสต์ แต่ยังแทรกเป็นตัวหลักในทีมชาติไม่ได้ เพราะกุนซือชอบใช้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ของสเปอร์ส, มิคเคล ดามสการ์ดของเบรนท์ฟอร์ด และคริสเตียน อีริคเซ่น ของแมนฯยูไนเต็ด ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานะตัวสำรองของสโมสรทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม เดนมาร์กชุดนี้ยังถือว่าโดดเด่นในเกมรับ มีทั้ง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, โจอาคิม แอนเดอร์เซ่น, อันเดรียส คริสเตียนเซ่น และ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ส่วนในเกมรุก มี ราสมุส ฮอยลุนด์ เป็นตัวความหวังในแดนหน้า

เซอร์เบีย

• ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 33
• ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รองแชมป์ (สมัยยังเป็น ยูโกสลาเวีย)
• ผลงานรอบคัดเลือก: รองแชมป์กลุ่มจี สถิติชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 2
• เฮดโค้ช: ดราแกน สตอยโควิช
• ดาวเด่น: ดูซาน วลาโฮวิช (ยูเวนตุส)

เคยก้าวขึ้นถึงตำแหน่งรองแชมป์ในสมัยที่ยังรวมชาติเป็นประเทศยูโกสลาเวีย แต่นับตั้งแต่แยกประเทศในนาม "เซอร์เบีย" พวกเขายังไม่เคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโรมาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

แฟนฟุตบอลยุโรปส่วนใหญ่จะรู้จักเซอร์เบียจากอดีตกองกลางลาซิโออย่าง เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช และอดีตกองหน้าฟูแล่มอย่าง อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช และนอกจากจะเป็นดูโอ้ที่อันตรายที่สุดของเซอร์เบียแล้ว ทั้งคู่ยังเล่นด้วยกันใน อัล ฮิลาล ในลีกซาอุฯอีกด้วย 

ผลงานในรอบคัดเลือก เซอร์เบียชนะแค่ครึ่งเดียวจาก 8 เกม แนวรุกอาจดูน่ากลัว เหตุมีทั้ง มิโตรวิช และดาวยิงคนสำคัญอย่าง ดูซาน วลาโฮวิช จากยูเวนตุส แต่เกมรับยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตก เสียประตูง่ายๆบ่อยครั้ง เช่นเกมที่เสมอแคเมอรูน 3-3 และแพ้ให้กับสวิตเซอร์แลนด์ 2-3 เป็นต้น

อังกฤษ

• ฟีฟ่า แรงกิ้ง: อันดับ 4
• ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร: รองแชมป์
• ผลงานรอบคัดเลือก: แชมป์กลุ่มซี สถิติชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 0
• เฮดโค้ช: แกเร็ธ เซาธ์เกต
• ดาวเด่น: แฮร์รี่ เคน (บาเยิร์น)

ยูโร 2020 เป็นช่วงที่อังกฤษใกล้เคียงที่สุดในการคว้าถ้วยรางวัลใหญ่มาเป็นเวลานาน แต่ทีมทรีไลออนส์ยังคงต้องรอคอยแชมป์แรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1966 ต่อไป 

ในแง่คุณภาพ อังกฤษอยู่ใน 4 อันดับแรกของทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแน่นอน แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้พวกเขาไปไม่ถึงแชมป์เสียทีก็เพราะความแข็งแกร่งด้านจิตใจ เมื่อถึงช่วงดวลจุดโทษทีไรมักจะแพ้มากกว่าชนะ 

อย่างไรก็ตาม ทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ขุนพลหน้าเดิมของเขาอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, คัลวิน ฟิลลิปส์, มาร์คัส แรชฟอร์ด และราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไม่ได้ติดทีม ขณะที่เจมส์ แมดดิสัน, แจ็ค กรีลิช และแฮร์รี แม็กไกวร์ ถูกตัดออกในขั้นตอนสุดท้าย

จุดเด่นของพวกเขาอยู่ที่แนวรุกที่สุดอันตราย มีทั้ง แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น, จู๊ด เบลลิงแฮม และโคล พาลเมอร์ ที่ต่างก็พกสถิติยอดเยี่ยมจากต้นสังกัด เคน ยิงได้ 44 ประตูในฤดูกาลเปิดตัวของเขากับบาเยิร์น, โฟเด้นทำได้ 27 ประตู 12 แอสซิสต์และรางวัลผู้เล่นพรีเมียร์ลีกยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล, เบลลิงแฮมยิงได้ 23 ประตู 13 แอสซิสต์พร้อมซิวดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลแรกของเขากับเรอัล มาดริด และโคล พาลเมอร์ ยิงไป 25 ประตูกับ 15 แอสซิสต์ให้เชลซี

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูแนวรับก็จะมีเครื่องหมายคำถามมากมาย การขาด แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่โชว์ฟอร์มดีเสมอในยามเล่นให้ทีมชาติ จะส่งผลแค่ไหน แบ็คโฟร์อย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี และคีแรน ทริปเปียร์ จะดีพอหรือไม่

รวมถึงกองกลางที่จนถึงตอนนี้ยังหาคู่ขาที่ลงตัวให้ เดแคลน ไรซ์ ไม่ได้ นักเตะอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, ค็อบบี้ ไมนู และอดัม วอร์ตัน ต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยไปคนละอย่าง และยังไม่รู้ว่า เซาธ์เกต จะเลือกอย่างไร