svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

เรื่องวุ่นๆของ "ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป" เหตุ "จิโรน่า" สร้างเซอร์ไพรส์

"ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป" เจ้าของทีม แมนฯซิตี้ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะเอาอย่างไรต่อ เหตุสโมสรในเครืออย่าง "จิโรน่า" ฟอร์มดีเกินคาดจนคว้าโควต้ายูซีแอล พวกเขาจะยอมปล่อยหุ้นในมือหรือจะยอมสละสิทธิ์ลุยถ้วยใหญ่?

โดยสโมสร จิโรน่า สร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ด้วยการการันตีจบท็อปโฟร์ในศึก ลา ลีก้า สเปน ฤดูกาล 2023/24 ส่งผลให้พวกเขาคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า

แต่ผลงานของพวกเขากลับกลายเป็นสร้างปัญหาให้กับเจ้าของทีมอย่าง "ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป" เพราะ จิโรน่า มีเจ้าของเดียวกันกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งตามกฎของ ยูฟ่า กำหนดไว้ว่า สโมสรที่มีเจ้าของเดียวกันไม่สามารถลงแข่งขันในรายการเดียวกันได้ 

แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร?

เรื่องวุ่นๆของ \"ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป\" เหตุ \"จิโรน่า\" สร้างเซอร์ไพรส์
รู้จักกับ "ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป"
ต้นทศวรรษที่ 2000 กลุ่มทุนจากตะวันออกกลางเริ่มมีแผนการขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก และธุรกิจกีฬาก็เป็นเรื่องหนึ่งที่พวกเขาให้ความสนใจ กลุ่มทุนจากทั้งซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ กาตาร์ เริ่มรุกคืบเข้าไปเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลต่างๆโดยเฉพาะในยุโรป

กระทั่งปี 2008 "เอดียูจี" (Abu Dhabi United Group for Development and Investment - ADUG) กลุ่มทุนที่มีเจ้าของเป็นสมาชิกราชวงศ์อาบูดาบี ซึ่งนำโดย ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน และ คาลดูน อัล มูบารัค ได้เข้าไปเทคโอเวอร์สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และจัดการทุ่มเงินสร้างทีมแบบไม่อั้นจนทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ก้าวขึ้นเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของโลกจนถึงปัจจุบัน

กลุ่มทุนจากอาบูดาบียังเดินหน้าดึงตัวบุคลากรที่มีความสามารถในวงการกีฬามารวมกันอยู่ในทีมอย่างต่อเนื่อง และในปี 2013 พวกเขาก็ดึงตัว เฟร์ราน โซเรียโน่ อดีตรองประธานฝ่ายการเงินของ บาร์เซโลน่า เข้ามาเป็น ซีอีโอ ของสโมสร ซึ่งตัวของ โซเรียโน่ นี้เองที่เป็นผู้นำเสนอวิสัยทัศน์ในการสร้าง "แฟรนไชส์ฟุตบอล" เพื่อให้แบรนด์สโมสรแพร่หลายไปทั่วโลก 

ซึ่งหลังจากนั้น ชีค มานซูร์ และกลุ่มทุน เอดียูจี ของเขา ก็เริ่มทยอยเข้าไปเทคโอเวอร์สโมสรต่างๆทั่วโลก พร้อมก่อตั้ง "ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป" (ซีเอฟจี) ทำหน้าที่เป็นบริษัทโฮลดิ้ง คอยบริหารธุรกิจสโมสรฟุตบอลและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องในวงการฟุตบอลทั้งหมด

ปัจจุบัน ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลมากมายแทบทุกทวีปในโลก โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นแตกต่างกันไปในแต่ละทีม ตั้งแต่ 20-100% ประกอบด้วย

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)
  • จิโรน่า (สเปน)
  • ลอมเมล (เบลเยียม)
  • ทรัวส์ (ฝรั่งเศส)
  • ปาแลร์โม่ (อิตาลี)
  • นิวยอร์ก ซิตี้ (สหรัฐอเมริกา)
  • เมลเบิร์น ซิตี้ (ออสเตรเลีย)
  • มุมไบ ซิตี้ (อินเดีย)
  • โยโกฮามา เอฟ มารินอส (ญี่ปุ่น)
  • เสินเจิ้น เผิง ซิตี้ (จีน)
  • มอนเตวิเดโอ ซิตี้ ทอร์เก (อุรุกวัย)
  • บาเฮีย (บราซิล)


โดยสโมสรในเครือข่ายทั้งหมดนี้บางทีมจะมีการ "รีแบรนด์" ปรับเปลี่ยนไปใส่ชุดสีฟ้าให้เหมือนกับสโมสรแม่ อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อสร้างภาพให้เป็นที่จดจำ ส่วนในแง่การทำงาน ทีมทั้งหมดจะสามารถใช้ทรัพยากรด้านฐานข้อมูลร่วมกัน ส่งผลให้ทีมใหญ่ๆในเครือ อย่าง แมนฯซิตี้ สามารถเฟ้นหาดาวรุ่งได้ทั่วโลก รวมถึงสามารถปล่อยตัวเหล่าดาวรุ่งให้ไปเก็บเกี่ยวหาประสบการณ์ในทีมเล็กๆในเครือได้ด้วย

เช่นเดียวกับกลยุทธ์และวิธีการสอนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ทำให้สโมสรทั้งหมดสามารถปฏิบัติตามเพื่อให้เล่นฟุตบอลในแนวทางเดียวกัน เมื่อนักเตะมีการย้ายทีมก็สามารถเล่นให้ทีมในเครือได้เลยโดยไม่ต้องมาเรียนรู้กันใหม่

การใช้ฐานข้อมูลร่วมกันดังกล่าวยังรวมไปถึงการแบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ระหว่างกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์วิเคราะห์ องค์ความรู้ด้านงานโค้ช การจัดการผู้เล่น ฯลฯ

นั่นจึงทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสโมสรในเครือ ก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับหัวแถวของประเทศตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
 

เรื่องวุ่นๆของ \"ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป\" เหตุ \"จิโรน่า\" สร้างเซอร์ไพรส์

เมื่อ "จิโรน่า" สร้างเซอร์ไพรส์
ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป เข้ามาเทคโอเวอร์ จิโรน่า เมื่อปี 2017 ตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังเล่นอยู่ใน เซกุนด้า ดิวิชั่น (ดิวิชั่น 2) และ จิโรน่า ก็กลายเป็นสโมสรที่ใช้เป็นเวที "ปล่อยของ" สำหรับเหล่าดาวรุ่งที่สโมสรแม่อยากให้ออกมาหาประสบการณ์ ยกตัวอย่างเช่นดาวเตะชื่อคุ้นหูอย่าง อเล็กซ์ การ์เซีย, ดั๊กลาส ลุยซ์, แพทริค โรเบิร์ตส์, ยาน คูโต้ และ ยานเคล เอร์เรร่า ต่างก็เคยถูก แมนฯซิตี้ ปล่อยตัวมาเล่นที่นี่ทั้งสิ้น 

เช่นเดียวกับ ซาวิโอ ปีกวันเดอร์คิดชาวบราซิล ที่แจ้งเกิดกับทีมในเครืออย่าง ทรัวส์ ก่อนจะย้ายมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ จิโรน่า ในซีซั่นนี้ และเจ้าตัวก็จะย้ายไปอยู่กับ แมนฯซิตี้ ในฤดูกาลหน้าด้วย

ซึ่งจากการได้ดาวรุ่งฝีเท้าดีจากทั่วโลกภายใต้เครือข่ายของ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ส่งผลให้ จิโรน่า ทำผลงานดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมการได้ฐานข้อมูลเป็นเครือข่ายใหญ่ ทำให้พวกเขาจัดการเสริมทัพอย่างได้ผล ยิ่งประกอบกับมันสมองของกุนซืออย่าง "มิเชล" ก็ยิ่งทำให้ จิโรน่า ทำผลงานติดลมบน จนการันตีติดท็อปโฟร์ใน ลา ลีก้า ซีซั่นนี้ พร้อมคว้าโควต้าไปแข่งขันถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า เป็นที่แน่นอนแล้ว

แต่ปัญหาก็คือ สมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) มีกฎอยู่ว่า ห้ามสโมสรที่มีเจ้าของเดียวกันมาลงแข่งขันรายการเดียวกัน เนื่องจากหวั่นเกรงเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" เพราะหากทั้งสองทีมโคจรมาเจอกันเองอาจมีการสมยอมให้ทีมใดทีมหนึ่งชนะไปก็เป็นได้

นั่นหมายความว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ จิโรน่า จะมีเพียงทีมเดียวที่ได้เล่นยูซีแอล ส่วนอีกทีมต้องสละสิทธิ์ลงไปเล่นในถ้วยรองอย่าง ยูโรปาลีก ซึ่งหากมองในฐานะแฟนบอลและนักเตะก็ดูจะไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยเพราะอุตส่าห์โชว์ฟอร์มได้ดีมาตลอดทั้งฤดูกาลแท้ๆแต่กลับไม่มีโอกาสเล่นรายการใหญ่ด้วยเหตุผลเรื่องนี้

เรื่องวุ่นๆของ \"ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป\" เหตุ \"จิโรน่า\" สร้างเซอร์ไพรส์
ทางออกจากยูฟ่า
ประเด็นดังกล่าว "ไทม์ส" สื่อดังของอังกฤษ รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากยูฟ่า ระบุว่า องค์กรลูกหนังยุโรปได้เสนอทางออกไว้ โดยแนะนำให้ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ยอมลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นทีมใดทีมหนึ่งให้เหลือน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ (ปัจจุบัน ซีเอฟจี ถือหุ้น แมนฯ ซิตี้ 100% ถือหุ้น จิโรน่า 47%) แต่หาก ซีเอฟจี ไม่ยอมลดสัดส่วนหุ้น ก็จะเป็น จิโรน่า ที่ต้องหล่นลงไปเล่นถ้วย ยูโรปา ลีก แทน เนื่องจากมีอันดับต่ำกว่า แมนฯซิตี้ ส่วนโควต้ายูซีแอลในลา ลีกา ก็จะส่งให้ทีมอันดับ 5 ได้สิทธิ์ไปแทน

นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกก็คือ ซีเอฟจี จะต้องโอนหุ้นทั้งหมดของทีมใดทีมหนึ่งไปให้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดย ยูฟ่า เป็นผู้ดูแลชั่วคราว แต่เงื่อนไขนี้ทาง ซีเอฟจี คงไม่ยอมแน่นอน ทำให้ต้องติดตามกันต่อไปว่า ซีเอฟจี จะเลือกเส้นทางไหน และ จิโรน่า จะได้ลงเล่นในถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรหรือไม่