svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

รู้จักกับ "ฮวาง ซุน-ฮง" จากตำนานดาวยิงสู่บทบาทกุนซือ ก่อนนำทัพ "เกาหลีใต้" ดวลไทย มี.ค.นี้

28 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทำความรู้จักกับ "ฮวาง ซุน-ฮง" อดีตดาวยิงระดับตำนานของทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือ "โสมขาว" ดวลกับทีมชาติไทยในศึกคัดบอลโลก มี.ค.นี้

หลังจากที่ ทีมชาติเกาหลีใต้ ยกเลิกสัญญากับ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ กุนซือชาวเยอรมัน จากการทำผลงานต่ำกว่าเป้าหมายในศึก เอเชียนคัพ ที่ประเทศกาตาร์ ท่ามกลางการจับตามองจากแฟนบอลทั่วเอเชียว่า กุนซือคนใหม่ของทัพ "โสมขาว" ที่จะมานำทัพในภารกิจลุยศึกฟุตบอลโลกครั้งหน้าจะเป็นใคร

ล่าสุด เมื่อวันที่  27 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ (KFA) ได้ประกาศแต่งตั้ง ฮวาง ซุน-ฮง ซึ่งรั้งตำแหน่งกุนซือทีมชาติชุด U23 ขึ้นเป็นเฮดโค้ชชั่วคราวของทีมชาติเกาหลีใต้ชุดใหญ่เรียบร้อยแล้ว โดยจะรับหน้าที่นำทีมดวลกับ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย 2 นัด วันที่ 21 และ 26 มี.ค.นี้

ส่วนการตั้งเฮดโค้ชทีมโสมขาวชุดใหญ่ถาวร สหพันธ์ฟุตบอลเกาหลีใต้ยืนยันว่าจะจัดการให้เรียบร้อยภายในต้นเดือนพฤษภาคม เพื่อเตรียมทีมลงเตะแมตช์ถัดไปในเดือนมิถุนายน

สำหรับ ฮวาง ซุน-ฮง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นชื่อที่คุ้นหูของแฟนบอลชาวไทยเท่าไหร่นัก แต่ในอดีตเขาคือยอดดาวยิงที่สร้างสถิติมากมายทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ และเมื่อผันตัวมาเป็นกุนซือ เจ้าตัวก็ถือเป็นหนึ่งในเฮดโค้ชที่มีฝีมือระดับแนวหน้าของวงการฟุตบอลเกาหลีใต้เช่นกัน

ฮวาง ซุน-ฮง (ภาพ: AFC) ตำนานดาวยิงโสมขาว
ฮวาง ซุน-ฮง เป็นนักเตะที่มีเส้นทางอาชีพแปลกกว่านักเตะเกาหลีใต้รายอื่น เพราะเลือกที่จะเล่นฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัยแทนที่จะเดินสู่เส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพให้สโมสรต่างๆ แต่แม้จะเล่นในมหาวิทยาลัย แต่เจ้าตัวก็ยังได้รับเลือกให้ติดทีมชาติเกาหลีใต้ไปลุยศึก เอเชียนคัพ เมื่อปี 1988 ที่กาตาร์ ด้วยวัยแค่ 20 ปี ต่อด้วยการติดทีมไปลุยศึกฟุตบอลโลกปี 1990 ที่อิตาลี

หลังจบศึก เวิลด์คัพ ฮวาง ซุน-ฮง ตัดสินใจออกไปหาควา,ท้าทายครั้งใหญ่ ด้วยการย้ายไปร่วมทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในปี 1991 ซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวจะทำผลงานได้ดีในทีมสำรอง ด้วยการยิงไปถึง 16 ประตูในศึก โอเบอร์ลีก้า (ดิวิชั่น 3 ของเยอรมนี) แต่ก็ยังไม่สามารถสแดแทรกเข้าไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้ เนื่องจาก "ห้างขายยา" เวลานั้นเต็มไปด้วยแนวรุกระดับทีมชาติเยอรมนีหลายราย

ด้วยเหตุนี้ ฮวาง ซุน-ฮง จึงตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม วัปเปอร์ทาเลอร์ ทีมลีกา 2 ของเยอรมนี แต่ก็ต้องพบกับโชคร้ายเมื่อได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาด ทำให้ได้ลงสนามไปแค่ 9 นัดเท่านั้น

จากอาการบาดเจ็บจนหมดโอกาสพิสูจน์ฝีเท้า ทำให้ ฮวาง ซุน-ฮง ตัดสินใจย้ายกลับบ้านเกิด โดยเซ็นสัญญาร่วมทีม โปสโก อะตอมส์ (โปฮัง สตีลเลอร์ส ในปัจจุบัน) และก็ค่อยๆเรียกความมั่นใจจนกลับมายิงประตูได้อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง กระทั่งมีชื่อติดทีมชาติเกาหลีใต้ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวิลด์คัพครั้งนั้น ฮวาง ซุน-ฮง ก็สามารถยิงประตูใส่ทีมชาติเยอรมนีได้ด้วย ในเกมที่พ่ายไป 2-3 ในรอบแรก

ฮวาง ซุน-ฮง สมัยเล่นให้ เซเรโซ่ โอซาก้า (ภาพ: J.League) เมื่อกลับสู่สโมสร ฮวาง ซุน-ฮง ยังถล่มประตูอย่างต่อเนื่อง และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้สำเร็จในปี 1996 ต่อด้วยการคว้าแชมป์สโมสรเอเชีย 2 ปีซ้อน ในปี 1997 และ 1998 จนทำให้ เซเรโซ่ โอซาก้า ทีมดังจากญี่ปุ่น คว้าตัวไปร่วมทีม

ปี 1999 ฮวาง ซุน-ฮง ระเบิดฟอร์มให้ต้นสังกัดใหม่ทันที โดยยิงไป 24 ประตู จาก 25 เกม ใน เจลีก คว้าดาวซัลโวไปครอง กลายเป็นนักเตะเกาหลีใต้คนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ทำได้นับถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ฮวาง ซุน-ฮง ก็เริ่มประสบปัญหาบาดเจ็บเป็นระยะ รวมถึงอายุที่เริ่มโรยรา ก่อนที่สุดท้ายจะประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2003 และผันตัวมาเรียนรู้งานโค้ช

โค้ชจอมเฮี๊ยบผู้ไม่แยแสซูเปอร์สตาร์
ฮวาง ซุน-ฮง เข้าสู่เส้นทางอาชีพกุนซือด้วยการเป็นผู้ช่วยโค้ชของ ชุนนัม ดราก้อนส์ ในปี 2005 และเริ่มฉายแววการเป็นยอดกุนซือมาเรื่อยๆ จนถูกดึงตัวไปเป็นเฮดโค้ชของ ปูซาน ไอปาร์ค ในปี 2007 ซึ่ง ฮวาง ซุน-ฮง ก็สามารถพาทีมที่ไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์ ก้าวขึ้นไปคว้ารองแชมป์ลีกคัพ 2009 และรองแชมป์เอฟเอคัพ 2010 ได้สำเร็จ

ด้วยผลงานอันโดดเด่น ทำให้ในซีซั่นถัดมา ฮวาง ซุน-ฮง ถูกดึงตัวไปคุมทัพ โปฮัง สตีลเลอร์ส อดีตต้นสังกัดสมัยเป็นนักเตะ เจ้าตัวก็ค่อยๆสร้างทีมโดยเน้นไปที่ระบบเยาวชนแทนที่จะเป็นผู้เล่นต่างชาติ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม เน้นการรับส่งบอลและครองเกมให้ได้มากที่สุด จนถูกขนานนามว่าเป็นสไตล์ "สตีล-ตากา" (มาจาก สไตล์ ติกิ-ตากา ของบาร์เซโลน่า) เขากลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่โดดเด่นที่สุดในเกาหลีใต้หลังจากคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งเคลีก 1 และเอฟเอคัพพร้อมกันในปี 2013

ต่อมาในปี 2016 ฮวาง ซุน-ฮง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกุนซือของ เอฟซี โซล อย่างไรก็ตาม ด้วยการเสริมทัพที่ผิดพลาด นักเตะผู้มาใหม่ที่เขาเลือกแสดงผลงานได้ไม่ดี รวมถึงการขัดแย้งอย่างรุนแรงกับผู้เล่นรุ่นเก๋าอย่าง เดยัน แดมยาโนวิช, ออสมาร์ อีบันเญซ และ พัค ชู-ยอง ทำให้เขาตัดสินใจลาออกในปี 2018 เพื่อรับผิดชอบต่อผลงานที่ย่ำแย่

จากนั้น ฮวาง ซุน-ฮง ก็ย้ายไปคุมทัพ หยานเบียน ฟันเด้ ในลีกจีน แต่ก็คุมได้ไม่นานสโมสรก็ถูกตัดออกจากลีกเนื่องด้วยปัญหาด้านภาษี ทำให้เจ้าตัวต้องออกจากทีมไปอยู่กับ แตจอน ฮานา ซิติเซ่น แต่ก็มีปัญหาขัดแย้งกับบอร์ดบริหารของทีมจนสุดท้ายก็ต้องแยกทางกัน

ฮวาง ซุน-ฮง (ภาพ: K League United) อย่างไรก็ตามจากสไตล์การทำทีมที่เน้นการพัฒนานักเตะตั้งแต่เยาวชน ทำให้ในปี 2001 ฮวาง ซุน-ฮง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือเกาหลีใต้รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แต่เจ้าตัวก็ออกสตาร์ทไม่ดี เมื่อพาทัพโสมขาวชุดเล็กตกรอบก่อนรองชนะเลิศศึก เอเชียนคัพ U23 ด้วยการแพ้ต่อญี่ปุ่น 0-3 จนถูกวิจาร์หนัก อย่างไรก็ตาม ฮวาง ซุน-ฮง ก็มากู้ชื่อด้วยการพาทีมเก็บชัย 7 นัดรวดในเอเชียนเกมส์ 2022 คว้าเหรียญทองมาครองอย่างยิ่งใหญ่

แม้เวลานี้ ทีมชาติเกาหลีใต้ U23 จะมีภารกิจล่าตั๋วลุยศึก โอลิมปิกเกมส์ รออยู่ข้างหน้า แต่จากการที่ทีมชาติชุดใหญ่ยังขาดแม่ทัพ ทำให้ ฮวาง ซุน-ฮง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกุนซือชั่วคราวของทีมชาติเกาหลีใต้ ในเกมดวล "ช้างศึก" ทีมชาติไทย 2 นัดข้างหน้า

โดยทีมชาติเกาหลีใต้ มีคิวลงทำศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นัดที่ 3,4 วันที่ 21 มี.ค.67 พบ ทีมชาติไทย  ที่โซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม ต่อด้วยการกลับมาเจอกันที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 26 มี.ค.นี้

logoline