svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"มาดามแป้ง" เส้นทางสายลูกหนัง ก่อนอำลา ปธ.ท่าเรือ

ย้อนดูเส้นทางบนถนนสายลูกหนังของ "มาดามแป้ง" ก่อนตัดสินใจอำลาเก้าอี้ ปธ.สโมสร การท่าเรือ เอฟซี เพื่อลุ้นคว้าตำแหน่ง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯคนใหม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ คือหนึ่งในบุคคลที่ช่วยพัฒนา ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับฟุตบอลไทยมาตลอด และในวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ก็ถือเป็นวันที่เธอจะพลิกบทบาทไปสู่ความท้าทายใหม่ นั่นคือการอำลาตำแหน่งประธานสโมสร การท่าเรือ เอฟซี เพื่อมุ่งสู่การชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 ก.พ.2567

สำหรับ "มาดามแป้ง" เป็นคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการฟุตบอลไทยมายาวนาน และนี่คือเส้นทางของเธอก่อนจะมาถึงวันนี้

ประวัติส่วนตัว
"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2509 เป็นบุตรีของ โพธิพงษ์ ล่ำซำ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กับยุพา ล่ำซำ เจ้าของเมืองไทยประกันภัย นับเป็นทายาทตระกูลล่ำซำรุ่นที่ 5 

นวลพรรณ ล่ำซำ สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน จบปริญญาตรี สาขาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา 

ส่วนชีวิตการทำงาน มาดามแป้ง ผ่านงานในแวดวงธุรกิจมามากมาย โดยเฉพาะในธุรกิจครอบครัวอย่าง บริษัท เมืองไทยประกันภัย ที่เข้ามาเป็นกรรมการรองกรรมการผู้จัดการ เมื่อปี 2545 ก่อนก้าวสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีบริษัทนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมอีกมากมายด้วย

"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ในบทบาทผู้นำองค์กรภาคธุรกิจ

เข้าสู่เส้นทางสายฟุตบอล
ย้อนกลับไป 10-20 ปีที่แล้ว ในวันที่ฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยยังไม่ได้แข็งแรง รายได้ของนักกีฬาที่ได้รับจากสโมสรก็ไม่ได้มากมายนัก ขณะเดียวกันงบประมาณที่สมาคมกีฬามีอยู่ก็ยังถือว่าน้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการพัฒนานักกีฬา โดยเฉพาะการส่งนักกีฬาไปแข่งยังต่างประเทศที่ต้องใช้ทุนสูง อีกทั้งยังต้องประสานกับต้นสังกัดในไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

ด้วยเหตุนี้จึงมีการตั้งตำแหน่ง "ผู้จัดการทีม" เพื่อมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่มักเป็นนักธุรกิจที่มีใจรักฟุตบอลที่เข้ามาช่วยงาน ซึ่ง มาดามแป้ง ก็เช่นเดียวกัน โดยเมื่อปี 2552 เธอได้รับการชักชวนจาก "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯในขณะนั้น ให้มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ นับเป็นการก้าวเข้าสู่โลกแห่งฟุตบอลเป็นครั้งแรก หลังจากเคยเป็นผู้จัดการทีมนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ในชุดที่ลงทำการแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 9 เมื่อปี 2549 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นเอเชียนพาราเกมส์

มาดามแป้ง ทุ่มเทกับการทำทีมฟุตบอลหญิงเป็นอย่างมาก ใช้เงินไปร่วม 100 ล้านบาท แต่เธอก็มองว่าคุ้มกับจำนวนเงินที่ทุ่มเทลงไปเนื่องจากทัพ "ชบาแก้ว" สามารถคว้าตั๋วไปแข่งขันฟุตบอลโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2015 ที่ประเทศแคนาดา และปี 2019 ที่ฝรั่งเศส สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติและสร้างความสุขให้ประชาชนทั้งประเทศได้อย่างน่าประทับใจ

มาดามแป้ง และทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชุดลุยศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก

สู่การเป็นประธาน "สิงห์เจ้าท่า"
หลังจากเข้ามาทำทีมแม่เนื้ออ่อนทีมชาติไทยอย่างเต็มตัว ทำให้ความสนใจในกีฬาฟุตบอลเริ่มมีมากขึ้น และในที่สุด มาดามแป้ง ก็เข้ามาเป็นประธานสโมสร การท่าเรือ เอฟซี เนื่องจากมีความประทับใจสโมสรเก่าแก่แห่งนี้มากเป็นพิเศษ

"หลังทำทีมชาติไทยมาสักระยะ ก็ได้มีโอกาสชมเกมไทยพรีเมียร์ลีก ก็เลยมีความคิดว่าอยากทำทีมฟุตบอลชายขึ้นมาสักทีมหนึ่ง ประจวบเหมาะกับ ทีมท่าเรือ ก็ติดต่อมาด้วย ทำให้ตัดสินใจว่าจะเข้ามาร่วมทีม และรับตำแหน่งประธานสโมสร" 

"การท่าเรือ ถือเป็นทีมที่เก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2510 และเป็นทีมที่ไม่ได้มีแฟนบอลจัดตั้ง แต่เป็นแฟนบอลที่มีความเหนียวแน่นมากในละแวกชุมชนคลองเตย ทำให้การแข่งขันแมตช์ในบ้าน ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ ทำตั๋วเท่าไหร่ก็ไม่พอ" มาดามแป้ง เผย

อย่างไรก็ตามในปีแรกที่เข้ามาบริหาร "สิงห์เจ้าท่า" มีอันต้องตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 แต่ก็โม่แข้งในลีกล่างอยู่แค่ฤดูกาลเดียวก็คว้าตั๋วกลับมาสู่ไทยลีกได้อีกครั้ง และก็พัฒนาขึ้นมาเป็นทีมระดับหัวแถวของลีกมาตลอดจนถึงปัจจุบัน 

โดยนับตั้งแต่ มาดามแป้ง เข้ามาบริหารทีม การท่าเรือ จบอันดับ 3 ของลีกได้ถึง 5 ครั้งจาก 8 ปีหลังสุด และยังคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ 1 สมัย เมื่อปี 2562 
"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร การท่าเรือ เอฟซี
รับตำแหน่ง ผจก. "ช้างศึก"
ปี 2564 มาดามแป้ง หวนคืนสู่การทำหน้าที่ในทีมชาติอีกครั้ง จากการชักชวนของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ แต่คราวนี้เบนเข็มมาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย ทั้งทีมชาติชุดใหญ่และชุด U23 โดยมีภารกิจกู้ศรัทธาจากแฟนบอลชาวไทยให้ได้ หลังจาก "ช้างศึก" ผลงานตกต่ำอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง

มาดามแป้ง เริ่มภารกิจแรกด้วยการตั้ง มาโน่ โพลกิ้ง มาเป็นกุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ และก็พาทัพ "ช้างศึก ผงาดคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ได้สำเร็จ รวมถึงการป้องกันแชมป์ได้ในปีถัดมา

อย่างไรก็ตามในการแข่งขันระดับเอเชีย ทีมชาติไทย ยังไม่สามารถทำผลงานได้ดังที่หวัง โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2 นัดแรกที่ไม่เป็นไปตามเป้า จนต้องมีการเปลี่ยนกุนซือ จาก มาโน่ โพลกิ้ง เป็น มาซาทาดะ อิชิอิ ในปัจจุบัน
มาดามแป้ง & มาโน่ โพลกิ้ง และถ้วยแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
ประกาศตัวชิงเก้าอี้ประมุขลูกหนังไทย
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566 มาดามแป้ง ประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่อจากพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่แสดงท่าทีว่าจะไม่รับตำแหน่งต่อ โดยเธอได้รับการสนับสนุนจากเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด

และเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม มาดามแป้งได้เปิดตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ รวมถึงเปิดตัวทีมสภากรรมการ จำนวน 18 คน โดยเหล่าคนดังในวงการฟุตบอลไทยอยู่ในทีมสภากรรมการชุดนี้มากมาย พร้อมประกาศจะขอลาออกจากตำแหน่งประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ หลังจบการแข่งขันนัดสุดท้ายของทีมในเลกแรกของไทยลีก วันที่ 25 ธันวาคม เพื่อเดินหน้าชิงเก้าอี้ประมุขบอลไทยโดยไม่ให้มีข้อครหาในภายหลัง

มาดามแป้ง ลงสมัครชิงเก้าอี้ประมุขลูกหนังไทย