svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

นับถอยหลังสู่มหกรรมกีฬาสุดดราม่า "ซีเกมส์ 2023"

08 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เหลืออีกไม่ถึง 1 เดือนแล้ว ที่มหกรรมกีฬา "ซีเกมส์ 2023" จะเปิดฉากขึ้น ที่ประเทศกัมพูชา ท่ามกลางกระแสดราม่าอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งปี กัมพูชาพร้อมเป็นเจ้าภาพแค่ไหน ไทยตั้งเป้าเพียงใด ติดตามได้ที่นี่

มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 หรือ "ซีเกมส์ 2023" (SEA Games 2023) จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ กัมพูชา ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาของอาเซียน

ก่อนหน้านี้ กัมพูชา เกือบได้เป็นเจ้าภาพมาแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องถอนตัวไปเนื่องจากปัญหาทางการเมืองและความไม่พร้อมในหลายๆด้าน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2559 รัฐบาลกัมพูชาถึงได้ประกาศความพร้อมที่จะจัดการแข่งขัน และได้ยื่นความประสงค์ต่อสหพันธ์มนตรีซีเกมส์ กระทั่งได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ในที่สุด

กัมพูชา เดินหน้าเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้อย่างเต็มที่มาหลายปี โดยได้รับการสนับสนุนหลักจากรัฐบาลจีน ที่ช่วยมอบเงินถึง 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติ มรดก เตโช เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนและกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กัมพูชายังไม่เคยมีประสบการณ์ในการจัดมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ทำให้การก่อสร้างส่วนอื่นๆยังมีความล่าช้า โดยเฉพาะ "หมู่บ้านนักกีฬา" ที่แต่เดิมวางแผนไว้สำหรับรองรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ได้ถึง 6,000-7,000 คน ถึงเวลานี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ และมีรายงานว่าอาจสามารถรองรับนักกีฬา-เจ้าหน้าที่ได้จริง เหลือเพียงแค่ราว 3,500-4,000 คนเท่านั้น ทำให้บางส่วนต้องไปพักที่โรงแรม หรือทาวน์เฮ้าส์ที่เจ้าภาพเตรียมไว้แทน

ไหนจะเรื่องดราม่า "ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด" ที่ตั้งใจจะมีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์กันเป็นครั้งแรก กระทั่งเจอแรงต้านจากทั่วอาเซียน ทำให้นายกฯ ฮุน เซน ต้องประกาศยกเลิกการเก็บค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดไปเป็นที่เรียบร้อย

และยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงการแข่งขันจริง จะมีปัญหาด้านอื่นๆตามมาอีกหรือไม่
นับถอยหลังสู่มหกรรมกีฬาสุดดราม่า \"ซีเกมส์ 2023\"

เดินหน้าสู่การเป็น "เจ้าเหรียญทอง"
ด้วยความที่เป็นการจัดอีเวนต์ใหญ่ครั้งแรกของประเทศ ทำให้นอกจากจะตั้งเป้าจัดการแข่งขันให้ดีที่สุดแล้ว กัมพูชายังต้องการประสบความสำเร็จในแง่ของกีฬาเช่นกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีความพยายามแก้กฎข้อบังคับมากมายเพื่อสร้างโอกาสให้ชาติตัวเองคว้าเหรียญรางวัลให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น

  • ตัด "มวย" ออกไป แล้วใส่ "กุน ขแมร์" ศิลปะการต่อสู้ของกัมพูชาเข้าไปแทน (แต่ใช้กติกาเหมือนมวยไทยสมัครเล่นแทบทุกประการ)
  • ตัดกีฬา "เพาะกาย" ออก หลังนักกีฬาตัวความหวังของเจ้าภาพติดโทษแบนจากการใช้สารต้องห้าม เมื่อไม่มีความหวังเหรียญ ก็เลยไม่จัดแข่ง
  • แบดมินตัน มีแข่งขันประเภททีมผสม แต่กลับห้าม 5 ชาติลงแข่ง (ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์) 
  • อีสปอร์ต ทำการตัด FIFA ONLINE และ ROV ออกไป ทั้งที่มีแข่งกันในระดับโลกและแพร่หลายมากกว่า พร้อมกับใส่ Valorant มาแข่งแทน เนื่องจากเป็นที่นิยมในกัมพูชามากกว่า
  • หมากรุก จำกัดอายุต้องมากกว่า 18 ปี เพื่อตัดโอกาสไทยที่มีตัวความหวังเป็นนักกีฬาอายุ 14 ปีออกไป
  • เรือพาย มีชิงชัย 13 เหรียญทอง แต่ออกกฎให้ชาติที่เคยได้เหรียญทองมาแล้ว ส่งได้แค่ 8 อีเวนต์
  • มวยปล้ำ ใช้นักกีฬาอิหร่านโอนสัญชาติมาแข่งขัน
  • บิลเลียด-สนุกเกอร์ ไม่ยอมจัดแข่ง ประเภทหญิง เพื่อตัดโอกาสไทยที่มีนักกีฬาระดับแชมป์โลกหลายคน
  • เจ็ตสกี ชาติอื่นส่งแข่งได้แค่ 10 คนใน 6 รุ่น (เดิมส่งได้รุ่นละ 2 คน)
  • ซอฟท์เทนนิส ห้ามไทย,ฟิลิปปินส์,อินโดนีเซีย ส่งแข่งประเภทชายคู่กับคู่ผสม เนื่องจากต้องการจะได้เหรียญทองใน 2 ประเภทนี้
  • วินด์เซิร์ฟ จำกัดอายุนักกีฬาต้องไม่เกิน 20 ปี แถมเพิ่งแจ้งให้ชาติอื่นทราบเมื่อเดือนก.พ. 


จึงนับเป็นงานหนักสำหรับนักกีฬาไทยและชาติอื่นๆอย่างยิ่งในการคว้าเหรียญรางวัลจากซีเกมส์ครั้งนี้
นับถอยหลังสู่มหกรรมกีฬาสุดดราม่า \"ซีเกมส์ 2023\"

เป้าหมายของทัพนักกีฬาไทย
สำหรับ ซีเกมส์ 2023 มีแข่งขันจำนวน 36 ชนิดกีฬา (ไม่รวม เทคบอล ที่เป็นกีฬาสาธิต) มีชิงชัยถึง 608 เหรียญทอง ซึ่งเป็นจำนวนเหรียญทองสูงสุด ตั้งแต่มีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์กันมา โดยทัพนักกีฬาของไทยตั้งเป้าหมายเอาไว้ทั้งสิ้น 112 เหรียญทอง แบ่งเป็น จักรยาน 2 เหรียญทอง,  ยูโด  3 เหรียญทอง, คริกเก็ต 1 เหรียญทอง,  วูซู 1 เหรียญทอง, เซปักตะกร้อ​ 7 เหรียญทอง, เทควันโด 5 เหรียญทอง, มวยสากล 5 เหรียญทอง, ยูยิตสู​ 3 เหรียญทอง, โววีนัม 3  เหรียญทอง, บาสเกตบอล​ 2 เหรียญทอง, ปันจักสีลัต​ 2 เหรียญทอง​, คาราเต้​ 1 เหรียญทอง, กอล์ฟ 4 ทอง

หมากรุกสากล 5 เหรียญทอง, เรือยาวมังกร 3 เหรียญทอง, มวยปล้ำ 1 เหรียญทอง, วอลเลย์บอล 2 เหรียญทอง เรือใบ 3 เหรียญทอง, สนุกเกอร์ 2 เหรียญทอง, อีสปอร์ต 2 เหรียญทอง, เจ็ตสกี 4 เหรียญทอง, เทเบิลเทนนิส 2 เหรียญทอง,  เทนนิส 2 เหรียญทอง,  ซอฟท์เทนนิส 2 เหรียญทอง, แบดมินตัน 2 เหรียญทอง, กรีฑา 12 เหรียญทอง, คิกบ็อคซิ่ง 7 เหรียญทอง, ว่ายน้ำ 5 เหรียญทอง, เปตอง 4 เหรียญทอง, เทคบอล 3 เหรียญทอง (กีฬาสาธิตไม่นับเหรียญรางวัล)

ฟันดาบ 2 เหรียญทอง, ยกน้ำหนัก 2 เหรียญทอง, วินด์เซิร์ฟ 1 เหรียญทอง, ฟุตบอล 2 เหรียญทอง, ฮอกกี้ 2 เหรียญทอง, ฟลอร์บอล 2 เหรียญทอง, ฟินสวิมมิ่ง 2 เหรียญทอง, ยิมนาสติก 1 เหรียญทอง และ ไตรกีฬา 1 เหรียญทอง โดย เบรกกิ้ง หรือแดนซ์สปอร์ต ตั้งเป้า 1 เหรียญเงิน

สุดท้ายแล้ว ทัพนักกีฬาไทยจะทำผลงานได้ตามเป้าหรือไม่ แฟนๆกีฬาชาวไทยรอติดตามกันได้ 5-17 พ.ค.นี้
นับถอยหลังสู่มหกรรมกีฬาสุดดราม่า \"ซีเกมส์ 2023\"

logoline