
แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) หรือแร่หายาก กลายเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ประเทศมหาอำนาจต้องการ ในกระบวนการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆในโลกดิจิทัลทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปจนถึงกลุ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ ประเทศผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นนำของโลกล้วนพยายามหาแร่ชนิดนี้เพื่อลดการพึ่งพาจีน มหาอำนาจผู้ครอบครองการผลิตแร่ชนิดนี้มากที่สุดในโลกในเวลานี้
แร่แรร์เอิร์ธ คือ แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) คือกลุ่มโลหะที่เป็นแร่ธาตุหายาก 17 ชนิด ประกอบด้วย สแกนเดียม (Sc) อิตเทรียม (Y) แลนทานัม (La) ซีเรียม (Ce) เพรซีโอดิเมียม (Pr) นีโอดิเมียม (Nd) โพรมีเทียม (Pm) ซาแมเรียม (Sm) ยูโรเพียม (Eu) แกโดลิเนียม (Gd) เทอร์เบียม (Tb) ดิสโพรเซียม (Dy) โฮลเมียม (Ho) เออร์เบียม (Er) ทูเลียม (Tm) อิตเทอร์เบียม (Yb) ลูทีเซียม (Lu)
ด้วยคุณสมบัติพิเศษทางเคมีและกายภาพ เช่น การนำไฟฟ้าสูง และความสามารถในการสร้างแม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง ทำให้แร่เหล่านี้ถูกใช้ในทุกสิ่งตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภคไปจนถึงอาวุธสงคราม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย อาทิ
ชิป ส่วนประกอบหลักของ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ รวมถึงใน หน้าจอ (เช่น ยูโรเพียมและอิตเทรียมทำให้เกิดสีสันสดใส) และ ลำโพงยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ พลังงานสะอาด นีโอดิเมียม (Nd) และ ดิสโพรเซียม (Dy) เป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง แม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง สำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใน กังหันลมขนาดใหญ่
รวมถึงแร่ แลนทานัม (La) และ Nickel (Ni) ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรีแบบ NiMH (Nickel-Metal Hydride) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริด และธาตุหายากบางชนิด เช่น Terbium , Europium ถูกใช้ในการพัฒนาแผงเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าและเพิ่มอายุการใช้งาน
ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ใช้ในเครื่องมือแพทย์ขั้นสูง เช่น เครื่องฉายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) รวมทั้งอุปกรณ์เลเซอร์อาวุธยุทโธปกรณ์ มีความจำเป็นต่อระบบป้องกันประเทศ เช่น เรดาร์ ระบบนำทาง ขีปนาวุธ และ เครื่องบินขับไล่ (เช่น F-35 ใช้แร่หายากถึง 417 กิโลกรัม)
ด้วยคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ ทำให้ความต้องการแร่แรร์เอิร์ธพุ่งสูงขึ้นตามกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและพลังงานสะอาด ทำให้แร่เหล่านี้กลายเป็น "น้ำมันแห่งตะวันออก" ในศตวรรษที่ 21
จีนเจ้าแห่งแร่หายาก โดยจีน ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งแร่หายาก ครองส่วนแบ่งผลผลิตของโลกเกือบ 70% และควบคุมการแปรรูปแร่ที่สกัดได้เกือบทั้งหมด (กว่า 90%) ทำให้จีนมีอำนาจในการควบคุมห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างเบ็ดเสร็จ และเคยใช้แร่เหล่านี้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองและการค้ามาแล้ว
การพึ่งพาจีนอย่างสูงนี้สร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติสำหรับประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯ และพันธมิตร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเหตุผลที่สหรัฐฯ เร่งลงทุนในการขุดและแปรรูปแร่ภายในประเทศ รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับประเทศอื่น ๆ เช่น การค้นพบแหล่งแร่ขนาดใหญ่ใน สวีเดน ที่อาจช่วยให้ยุโรปลดการพึ่งพาจีนได้ในระยะยาว (แต่คาดว่าจะใช้เวลา 10-15 ปีในการขุดใช้จริง)
สัดส่วนการครองส่วนแบ่งผลผลิตของแร่หายาก
แรร์เอิร์ธ พบในพื้นที่ไหนของประเทศไทย
กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า มีแหล่งแร่หายากพบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้ ในหลายจังหวัด เช่น เชียงราย , แม่ฮ่องสอน , เชียงใหม่ , อุทัยธานี , กาญจนบุรี , ประจวบคีรีขันธ์ , ชุมพร , ระนอง , พังงา และสุราษฎร์ธานี การสำรวจและศึกษาทรัพยากรเหล่านี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงของประเทศในอนาคต
ความยากของแร่แรร์เอิร์ธ คือ การแยกแร่บริสุทธิ์ออกจากสิ่งเจือปนต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อน , มีต้นทุนสูง และ ก่อให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงกากกัมมันตรังสี ทำให้หลายประเทศเลือกที่จะนำเข้ามากกว่าที่จะทำเหมืองเอง
แรร์เอิร์ธ จึงกลายเป็นฝันร้ายของสิ่งแวดล้อม การขุดและแปรรูปต้องใช้สารเคมีรุนแรง ซึ่งทิ้งกากกัมมันตรังสีและน้ำเสีย สะท้อนได้ว่าการกำจัดกากแร่ยังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะหลายพื้นที่ใช้ที่เก็บชั่วคราว ซึ่งอาจรั่วไหลในระยะยาว การแก้ปัญหานี้ต้องใช้เงินมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งหลายประเทศยังตามไม่ทัน
ที่มา : สปริงนิวส์