ชาวบ้าน จี้ "พระมหาทิวากร" กลับมาพิสูจน์ตัวเอง ปมโอนเงินให้สีกา

12 กรกฎาคม 2568 จากกรณีเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท สมุทรสาคร หายตัวไปอย่างไร้การติดต่อ หลังพบเส้นทางเงินกว่า 1.1ล้าน โอนให้ “สีกากอล์ฟ” โดยเจ้าตัวส่งจดหมายถึงเจ้าคณะตำบล ขอไปปฏิบัติศาสนิกชนต่างจังหวัด  ขณะที่ชาวบ้านเรียกร้อง ให้กลับมาพิสูจน์ตัวเอง

ภายหลัง ดร.พระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตกเป็นหนึ่งในพระภิกษุสงฆ์ที่มีรายชื่อเส้นทางการโอนเงินให้กับ “สีกากอล์ฟ” กว่า 1 ล้าน 1 เเสน 7 หมื่นบาท ส่วน สีกากอล์ฟ โอนเงินให้พระมหาทิวากร กว่า 3.5 เเสนบาท  ซึ่งหลังเป็นข่าวใหญ่ “พระมหาทิวากร” ก็หายตัวไปจากวัดในวันพระใหญ่ ตั้งเเต่ 10 กรกฎาคม 2568 จนล่าสุดส่งหนังสือถึง พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม ขอลาไปปฏิบัติศาสนกิจ ที่ต่างจังหวัด เเต่ไม่ได้ระบุว่าไปจำวัดอยู่เเห่งใด

ล่าสุด ทีมข่าวเนชั่นทีวี ลงพื้นที่ไปยังวัดใหญ่จอมปราสาท พบว่ากุฏิเจ้าอาวาสฯ ยังคงถูกล็อคกุญเเจไว้ ไม่มีใครสามารถเข้าไปในกุฏิได้ ซึ่งมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เตรียมที่นำหมายศาล เข้ามาตรวจสอบภายในวันจันทร์ (14 ก.ค.2568) นี้

ขณะที่บรรยากาศที่วัดเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.2568) เเม้จะเป็นวันพระใหญ่  พระในวัดบอกว่า คนมาทำบุญไม่เยอะ หลังมีการยกเลิกการเวียนเทียน  อีกปัจจัยเนื่องจากเป็นวันหยุดยาว คนเดินทางไปต่างจังหวัดกันมาก

นักข่าวพูดคุยกับพระลูกวัด บอกว่า เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.2568) เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะตำบล นายอำเภอ ได้มาประชุม วางแนวทางในการทำความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน ถึงแนวทางในการบริหารจัดการวัดไปเเล้ว พร้อมมอบหมายให้พระดูเเลแทนพระมหาทิวากร

ทั้งนี้ พระลูกวัด ยืนยันว่า เจ้าอาวาสจะต้องกลับมาอย่างเเน่เเน่นอน  ถ้าไม่กลับมาจะไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน เชื่อว่าเจ้าอาวาสจะชี้เเจงได้

ชาวบ้านสะเทือนใจ ข่าวพระมั่วสีกา

นอกจากนี้ คุณ อิทธิพัทธ์ ไปคุยกับชาวบ้านที่ใกล้วัดใหญ่ฯ เเละ เป็นเจ้าของโซ่ ที่นำไปใช้คล้องล็อกประตูหน้ากุฏิเจ้าอาวาสไว้

ชาวบ้านบอกว่า สะเทือนใจ เเละ ก็ต้องการท่านให้กลับมาพิสูจน์ตัวเอง เพราะยังมีงานที่ค้างเกี่ยวกับการบูรณะวัดอยู่  ส่วนตัวไม่ค่อยได้สนิทอะไรกับเจ้าอาวาสมา เพราะเขาไม่ค่อยคลุกคลีชาวบ้าน จะคบเเต่ระดับใหญ่ ๆ ด้วยกัน ส่วนจะชี้เเจงได้หรือไม่ได้ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวเพราะจะดีจะชั่วก็อยู่ที่ตัวทำ

ชาวบ้าน บอกด้วยว่า  หลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้พระในปัจจุบันครองตนเองไม่ได้จากความเจริญทางเทคโนโลยี การใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร ทำให้คนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ พระสงฆ์ เป็นทุกวงการ ครูบาอาจารย์ ที่มักจะเสียหายจากการไม่ครองตนเอง อย่างพระ บวชเรียนมาตั้งเเต่เด็ก ไม่เคยผ่านทางโลก พอมาเจอเทคโนโลโลยีที่ทันสมัย สื่อโซเชียล วิดีโอคลิปลามากอนาจาร สิ่งยั่วยุต่างๆ ทำให้ประคองสติ ครองตนให้อยู่ในศีลในธรรมไม่ได้

ส่วนเเม่ค้าที่อยู่ในพื้นที่ บอกว่า สะเทือนใจกับข่าวดังกล่าว เพราะทำให้ศาสนามัวหมอง มองว่าหากผิดจริง ก็ต้องออกมาชี้เเจงบัญชีเส้นทางการเงินต่างๆ เเต่วานนี้ก็ทราบจากทางอำเภอว่า หากท่านไม่กลับมาเขาก็จะเลือกเจ้าอาวาสคนใหม่

 

เจ้าคณะตำบล เเนะ "พระมหาทิวากร" พิสูจน์ตัวเอง

ด้าน เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เผยว่ายังติดต่อ พระมหาทิวากรไม่ได้ จึงมอบมหาย พระสมุห์เเผน พระลูกวัดปฏิบัติหน้าที่เเทนถึงออกพรรษา เเนะ พระมหาทิวากร หากดูอยู่ขอให้ติดต่อมา เเละ ชี้เเจงเส้นทางเงินกับตำรวจ

เมื่อช่วงบ่าย พระครูสาครสุตกิจ  เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงส์ ได้เรียกประชุมเจ้าอาวาสวัดต่างๆ 7 วัด ในพื้นที่รวมถึงพระสมุห์เเผน สิริภัทโท ผู้ที่ได้รับมอบกมายให้ปฏิบัติหน้าที่เเทนเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท

ภายหลังการประชุม เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เปิดเผยว่า ยังติดต่อพระมหาทิวากรไม่ได้ พระมหาทิวากร ก็ไม่ได้ติดต่อใครกลับมา หลังจากนี้หากครบ 15 วัน ก็ต้องมาคุยกับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ว่าจะดำเนินการอย่างไร หากดูทีวีอยู่ก็อยากให้ติดต่อมา ว่าจะดำเนินการอย่างไร เวลานี้จากการได้คุยกับพระสมุห์เเผน  ก็มอบหมายให้ดูเเลวัดใหญ่จอมปราสาท ไปจนถึงออกพรรษา

 

เจ้าคณะ ยอมรับ พระมั่วสีกา ทำศานาเสื่อมเสีย

เจ้าคณะตำบล บอกว่า พระมหาทิวากร ที่ผ่านมาทราบว่า เป็นพระที่เผยเเผ่ศาสนา สอนหนังสือ เป็นคนวางตัวเรียบร้อย ไม่มีการใช้ชีวิตเเสดงความร่ำรวยผิดปกติ  เป็นพระที่สมถะ  เรื่องการร้องเรียนการยืมเงินพระด้วยกัน ก็ไม่เคยมีการร้องเรียนมาตามที่มีข่าวว่าท่านไปยืมเงินพระด้วยกัน ส่วนเงินบัญชีของวัด ตนไม่เคยทราบเรื่องทราบว่ามีกี่บัญชีก็ เพราะไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบ

เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม บอกอีกว่า ข่าวที่เกิดขึ้นถือว่าสร้างความเสียหายให้กับวัดในพื้นที่อย่างมาก เวลานี้ก็อยากจะเฉยๆ นิ่งๆ  เพราะทางเจ้าคณะจังหวัดไม่อยากให้พูดเยอะ เป็นข่าวก็ยิ่งเสียหาย เเละขอให้ประชาชนช่วยกันดูเเลศาสนา ส่วนจะเรียกความศรัทธาอย่างไร ท่านเจ้าคณะพูดติดตลกว่า จะเรียกศรัทธาอย่างไร ก็สื่อมาติดตามกันทุกวัน จนไม่อยากจะอยู่ในวัดเเล้ว....

 

"พระมหาทิวากร" ยังไม่ลาสิกขา

ต่อมา คุณ อิทธิพัทธ์ นักข่าวของเรา ได้ไปคุยกับพระสมุห์เเผน สิริภัทโท อายุ 53 ปี บวชมาเเล้ว 31พรรษา ซึ่งเป็นผู้ที่ทางพระมหาทิวากร ส่งจดหมายถึงเจ้าคณะตำบลมอบหมายให้ทำหน้าที่เเทนเจ้าอาวาส บริหารปกครอง ดูเเล พระภิกษุ สามเณร คฤหัสในวัด ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ดีงาม ถูกต้องตา พระธรรมวินินัย

พระสมุห์เเผน ยอมรับว่า ส่วนตัวไม่อยากให้เรียกว่ารักษาการ เเต่จะดูแลความเรียบร้อยให้ ตั้งใจไว้เเค่ 15วัน เพราะไม่อยากรับผิดชอบหน้าที่เยอะ

นักข่าวถามว่า อยากฝากบอกให้เจ้าอาวาส ท่านกลับมาหรือไม่ พระสมุห์แผน บอกว่า ก็ติดต่อไม่ได้ หลายคนพยายามติดต่อ และ ตั้งแต่มีข่าวก็ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าอาวาสเลย

พร้อมกันนี้ คุณอิทธิพัทธ์ได้ไปคุยกับชาวบ้าน บอกว่า ไม่มีพระท่านไหน อยากเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท เพราะวัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ อายุประมาณ 700 ปี ยุคต้นกรุงศรีอยุธยา ตอนนี้ก็อย่างที่เห็นทรุดโทรมมาก  จะต้องใช้ทุนทรัพย์เยอะมากในการบูรณะ หาเงินทุนทำให้วัดนี้ดูสวยงาม และการบูรณะก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ปัจจุบันกรมศิลปากร ก็เข้ามาดูแลอยู่ แต่คนที่เป็นเจ้าอาวาส จะต้องเป็นคนที่ชาวบ้านยอมรับ และ ต้องสร้างศรัทธา ต่อประชาชนในการช่วยบูรณะวัด บำรุงเผยเเผ่ พุทธศานา

สำหรับ "พระมหาทิวากร" แต่เดิมอยู่ วัดป้อมวิเชียร สมุทรสาคร แต่ได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่จอมปราสาท ได้ประมาณ 3 ปีเเล้ว

ขณะเดียวกัน คุณอิทธิพัทธ์ ได้รับข้อมูลจากคนใกล้ชิด ที่สนิทกับเจ้าอาวาสฯ ให้ข้อมูลว่า เจ้าอาวาส เป็นชาวขอนเเก่น บอกว่า ตอนนี้ พระมหาทิวากร อาภทฺโท จะยังไม่ลาสิกขา เเต่จะกลับมาชี้แจงในประเด็นที่เกิดขึ้นอย่างเเน่นอน แต่ขอเวลาตั้งหลักสักระยะหนึ่งก่อน  ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า หากครบ 15 วัน พระมหาทิวากร ไม่กลับมา จะมีการเเต่งตั้งเจ้าอาวาสองค์ใหม่