7 ธันวาคม 2567 ผู้เสียหาย 16 ราย ถูกบริษัทแห่งหนึ่งหลอกช่วยปิดหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บ้าน-รถ หลักแสน แลกกลับการถูกนำชื่อไปทำธุรกรรมผ่อนซื้อคอนโดฯ ในโครงการปิดหนี้เพื่อกู้ธนาคารซื้อคอนโด เข้าร้องเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือจาก นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังถูกบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งติดต่อมาเสนอปิดหนี้ที่มีอยู่หลักแสน แต่ผ่านไป 2 ปี กลายเป็นหนี้ 10 ล้านบาท
ตัวแทนผู้เสียหาย เล่าว่า บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้มีการโทรศัพท์ติดต่อมาเพื่อยื่นข้อเสนอในโครงการปิดหนี้สินทั้งหมด ที่มีอยู่หลักแสนบาท โดยเสนอให้เซ็นสัญญา 2 ปี ทางบริษัทจะจ่ายหนี้ให้ทั้งหมด แล้วจากนั้นทางบริษัทจะนำเอกสารไปทำการกู้ซื้อคอนโด โดยระหว่างนั้นภายใน 6 เดือนทางบริษัทจะทำการเดิน statement ให้ใหม่ เพื่อทำให้สามารถกู้ซื้อคอนโดได้ในนามของผู้เสียหาย
โดยในรายละเอียดสัญญากำหนดว่า เมื่อครบ 2 ปี ทางบริษัทจะซื้อคอนโดคืน ซึ่งระหว่างนั้นบริษัทจะจัดการบริหารคอนโดเอง โดยจะเป็นการหาผู้เช่ามาเช่าคอนโด
ซึ่งก่อนการเซ็นสัญญาทางบริษัทได้มีการลงบันทึกประจำวันว่า จะซื้อคอนโดคืน เพื่อเป็นหลักฐาน ทำให้หลงเชื่อ และเมื่อเซ็นสัญญาแล้ว ทางบริษัทได้ปิดหนี้ที่มีอยู่หลักแสนให้จริง โดยเป็นการโอนเงินมาให้ใช้ในการปิดหนี้ แต่ไม่ได้โอนเงินเข้าทางผู้เสียหายโดยตรง จะโอนผ่านทางญาติของผู้เสียหาย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางบริษัทมีการจ่ายเงินผ่อนค่าคอนโดตรงเวลามาตลอด จนมาระยะหลังเริ่มผ่อนไม่ตรง แล้วหยุดผ่อนจ่ายไป ผู้เสียหายบางรายเมื่อครบ 2 ปี ได้ทวงถามถึงการรับซื้อคอนโดคืน แต่ก็กลับถูกบ่ายเบี่ยง และยังไม่ได้รับคำตอบ
กระทั่งล่าสุดพบว่า บริษัทปิดตัวไปและไม่มีการรับซื้อคอนโดคืน ทำให้แต่ละรายที่ถูกนำชื่อไปกู้ซื้อคอนโดจำนวน 3-5 แห่งต่อ 1 คน หนี้สินที่เคยมีหลักแสนกลับพุ่งสูงไปเป็นหลักสิบล้าน บางรายถึง 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบว่าคอนโดที่นำไปปล่อยเช่าราคากลางในการปล่อยเช่าอยู่ที่หลักหมื่น แต่กลับพบว่าทางบริษัทนำไปปล่อยเช่าในราคาประมาณ 6,000 บาท ซึ่งถือว่าถูกจากราคากลางเกินครึ่ง
การมาร้องเรียนครั้งนี้ อยากให้ช่วยติดตามว่า เงินที่ได้ไป ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ธนาคาร เจ้าหน้าที่แบงค์ เซลล์ มีการแบ่งกัน หรือ เข้าบริษัทอย่างเดียว อยากเรียกร้องให้ธนาคารทุกแห่งตรวจสอบ ว่าการให้สินเชื่อเป็นไปด้วยความถูกต้องแค่ไหน
ซึ่งล่าสุดบริษัทดังกล่าวได้ปิดตัวลงแล้ว และแจ้งกับผู้เสียหายให้เข้าไปรับ ทะเบียนบ้าน กุญแจ คีย์การ์ด โดยต้องเซ็นหนังสือยกเลิกสัญญา แล้วเอากลับไปดูแลเอง
ด้าน น.ส.นันท์วาภัทร นพชัยกิตติยุต ทนายความของกลุ่มผู้เสียหาย ระบุว่า การยื่นกู้คอนโดของบริษัทนี้จะยื่นกู้ 1 ห้องต่อ 1 ธนาคาร จากปกติที่ควรจะยื่นกู้หลายธนาคาร ต่อ 1 ห้อง โดยยื่นกู้มากกว่าราคาประเมิน เมื่อกู้ธนาคารผ่านจะให้ผู้เสียหายโอนส่วนต่างคืนให้บริษัท ซึ่งบริษัทจัดการขั้นตอนการยื่นกู้ให้ทั้งหมด โดยจะมีพนักงานที่รอรับเอกสารกู้สำหรับธนาคารนั้นๆ เพื่อให้กู้ผ่าน ปัจจุบันผู้เสียหายมีหนี้ประมานรายละ 14 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตุว่า บริษัทนี้เอาข้อมูลของผู้เสียหายจากไหนในการโทรหาผู้เสียหาย และการระบุบุคคลที่ต้องไปติดต่อแต่ละธนาคาร รู้เห็นหรือไม่
ส่วนการที่กู้ผ่านหลายธนาคารพร้อมกัน เพราะใช้ช่องว่างของเครดิตบูโล ที่แต่ละธนาคารจะรายงานในแต่ละเดือน ซึ่งบริษัที้ใช้วิธียื่นกู้พรัอมกัน ทำให้ประวัติบูโลใสสะอาด และเมื่อกู้ผ่านบูโลถึงขึ้นรายละเอียด
ด้านนางปวีณา เปิดเผยว่า รู้สึกเห็นใจผู้เสียหาย โดยขณะนี้มีผู้เสียหายที่อยู่ในกลุ่มแชท 103 ราย ถูกนำชื่อไปกู้ซื้อคอนโดทั้งหมด 414 ห้อง ผ่านธนาคาร 8 แห่ง มูลค่ารวม 1,470ล้านบาท ซึ่งยังมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เข้ากลุ่มแชทด้วยรวมแล้วมีผู้เสียหายกว่า 200 ราย
หลังจากนี้จะประชุมสรุปว่า จะประสานคดีนี้ให้กับหน่วยงานไหนรับผิดชอบ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและซับซ้อนซึ่งทางมูลนิธิพร้อมที่จะส่งมอบข้อมูลทั้งหมดให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป