svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

23 มีนาคม พารู้จักเรื่องหมีๆ เนื่องใน "วันหมีโลก"

23 มีนาคมของทุกปี ถือเป็น "วันหมีโลก" หนึ่งในสัตว์ที่มักถูกล่า Nation STORY ชวนร่วมตระหนักรู้การอนุรักษ์เจ้าหมี ด้วยการนำเสนอเรื่องราวหมีๆ รวมถึง ปัญหาที่พวกเขาต้องเผชิญ พร้อมเปิดภาพความน่ารักของ "กองทัพ" กับ "น้ำเมย" 2 ลูกหมีควายถูกลักลอบนำข้ามแดน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือนำมาดูแลที่บ้านใหม่แล้ว

เริ่มกันที่ที่มาของ "วันหมีโลก" (World Bear Day) วันนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 เพื่อส่งเสริมและสร้างความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์หมี เพราะหมีก็เป็นหนึ่งในสัตว์ที่มักถูกล่า เพื่อสนองความต้องการในหลายด้าน เช่น การล่าหมีเพื่อเป็นเกมกีฬา หรือการล่าเพื่อนำอุ้งตีนหมีมารับประทาน เป็นต้น
23 มีนาคม พารู้จักเรื่องหมีๆ เนื่องใน "วันหมีโลก"
หมีเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ที่สามารถกินอาหารได้หลากหลายทั้งพืชและสัตว์ โดยเราสามารถพบเห็นได้แทบทุกทวีปโดยขึ้นอยู่กับชนิดของหมีและที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันเราค้นพบหมีทั่วโลกมากถึง 8 ชนิด (ไม่นับชนิดย่อย) แต่ละชนิดมีพฤติกรรมและรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามแหล่งอาศัย 

โดยข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก Environman เคยโพสต์เกี่ยวกับ หมี 8 ชนิดทั่วโลก ดังนี้

  1. หมีดำอเมริกาเหนือ (Black Bear) พบในแคนาดา สหรัฐอเมริกา
  2. หมีน้ำตาล (Brown Bear, Grizzly Bear) พบในอเมริกาเหนือ และบางส่วนของยุโรปและเอเชีย
  3. หมีขาว หรือหมีขั้วโลก (Polar Bear) พบบริเวณวงแหวนอาร์กติก พื้นที่ทางตอนเหนือของโลก
  4. หมีควาย (Asiatic Black Bear) พบในเอเชียตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้
  5. หมีหมา หรือหมีคน (Sun bear) พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  6. หมีแว่น (Andean Bear, Spectacled Bear) พบในอเมริกาใต้
  7. หมีแพนด้า หรือแพนด้ายักษ์ (Giant Panda) พบในจีน
  8. หมีสล็อธ (Sloth Bear) พบในเอเชียใต้

23 มีนาคม พารู้จักเรื่องหมีๆ เนื่องใน "วันหมีโลก"  

ภัยคุกคาม

23 มีนาคม พารู้จักเรื่องหมีๆ เนื่องใน "วันหมีโลก"
นอกจากการล่าหมีแล้ว ในปัจจุบันหมีทั่วโลกแต่ละชนิด ต่างต้องเผชิญกับปัญหาที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลกระทบมาจากมนุษย์ เช่น การถูกทำลายแหล่งอาศัย การขาดแคลนอาหาร ไฟป่า และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
เครดิตภาพ : มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ "โลกร้อน" ทำน้ำแข็งในทะเลละลาย ส่งผลให้ "หมีขั้วโลก" เดือดร้อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ เคยออกมาย้ำแล้วว่า หมีขั้วโลก จ่อสูญพันธุ์ภายในปี 2100 ถ้าสถานการณ์โลกร้อนยังไม่ดีขึ้น ทำให้น้ำแข็งในทะเลละลาย จนหมีไม่มีแหล่งอาหาร

ดร.ปีเตอร์ มอลนาร์ จาก University of Toronto in Ontario กล่าวว่า หมีขั้วโลก เป็นสัตว์ลำดับต้นๆ ของโลก ที่จะได้รับความเดือดร้อน จากน้ำแข็งทะเลละลาย เนื่องจากไม่มีที่ทางให้เขาอยู่ ซึ่งหมีขั้วโลก อาจหายไปภายในสิ้นศตวรรษนี้ เพราะน้ำแข็งในทะเลละลายหายไปอย่างมาก และทำให้หมีขั้วโลกขาดแหล่งอาหารด้วย

ภาวะโลกร้อน หนึ่งในตัวการสำคัญ ทำหมีขั้วโลกเดือดร้อน

"หมีขั้วโลก"
ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอาร์กติก ต้องอาศัยแผ่นน้ำแข็งทะเล ในการล่าแมวน้ำ แต่เพราะแต่การละลายหรือแยกตัวของน้ำแข็ง ทำให้พวกเขาต้องออกห่างจากที่ล่าไปยังที่ไกลๆ หรือต้องออกล่าบนชายฝั่ง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการหาอาหารเลี้ยงลูกๆ ของเขา

หมีขั้วโลก ยังถูกจัดอยู่ในรายชื่อของสิ่งมีชีวิตที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ของ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ซึ่งภาวะโลกร้อน เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญ ที่ทำให้ชีวิตของหมีขั้วโลกอยู่ในความเสี่ยง

ทั้งนี้ งานวิจัยหลายชิ้นเผยว่า การลดลงของน้ำแข็งในทะเลนั้น ทำให้ประชากรของหมีขั้วโลกลดลง ซึ่งมีงานวิจัยได้คำนวณเวลาว่า หมีขั้วโลกจะหายไปจากโลกเมื่อไหร่ สอดคล้องกับ ดร.สตีเว่น แอมสตรัป นักวิทยาศาตร์ ที่ระบุว่า 

"ในอนาคต "ลูกหมีขั้วโลก" จะมีชีวิตอยู่รอดได้ยาก เพราะตัวของแม่หมี ไม่มีไขมันในร่างกาย ที่จะผลิตนมให้ลูก ในช่วงที่ไม่มีน้ำแข็งและการที่เราจะช่วยชีวิตเพื่อนร่วมโลกของเราไว้ได้ก็คือ ต้องร่วมกันลงมือทำอะไรสักอย่าง"

งานวิจัยเผยอีกว่า จากสถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน อาจมีความเป็นไปได้ว่า ประชากรของหมีขั้วโลกบางส่วน อาจจะหายไปภายในปี 2100 หากสถานการณ์โลกร้อนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าเราจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกได้ แต่ประชากรหมีขั้วโลกหลายแห่ง ก็ยังจะหายไปอยู่ดี

23 มีนาคม พารู้จักเรื่องหมีๆ เนื่องใน "วันหมีโลก"
เปิด 8 ข้อเท็จจริง ที่(อาจ)จะทำให้คุณรู้จักหมีขั้วโลกมากขึ้น

ในเว็บไซต์ Greenpeace ซึ่งเป็นองค์กรรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ได้ระบุ 8 เหตุผลในการรักษาระยะห่าง และชื่นชมหมีขั้วโลกจากระยะไกล ดังนี้

1.แท้จริงแล้ว หมีขั้วโลกมีผิวสีดำ

  • อ่านแล้วอาจรู้สึกแปลกๆ แต่คุณรู้ไหม ความจริงแล้วหมีขั้วโลกมีผิวสีดำ เห็นได้จากจมูกที่ปกคลุมด้วยขนที่โปร่งใสและไร้เม็ดสี เส้นขนแต่ละเส้นกระจายและสะท้อนแสง ทำให้เรามองเห็นเป็นสีขาว ทั้งที่ไม่ได้มีสีขาวเลย 

2.กัดแรงกว่าฉลามขาว

  • แรงกัดของหมีขั้วโลกอยู่ที่ 1,235 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่งมีแรงกัดมากกว่าฉลามขาว เสือโคร่ง เบงกอล และสิงโตแอฟริกา หากเทียบกับคนเรา แรงกัดมนุษย์อยู่ที่ 162 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

3.เห็นน่ารักแบบนั้น แต่ดันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแค่ชนิดเดียวที่มักไล่ล่ามนุษย์

  • แม้มีแมวน้ำเป็นอาหารโปรด แต่หมีขั้วโลกมักจะไล่ล่ามนุษย์ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ความแข็งแรงก็มหาศาล เท่านั้นไม่พอ ยังดมกลิ่นและกัดแรงอีก

4.วิ่งเร็วเท่าม้า

  • หมีขั้วโลกวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5.ซ่อนตัวจากกล้องอินฟาเรตจับความร้อนได้

  • หมีขั้วโลกมีขนที่ฟูฟ่อง นอกจากจะดูน่ารัก ยังทำให้ความร้อนสะสมและไม่กระจายออกมา พร้อมให้ความอบอุ่นต่อสู้กับอุณหภูมิที่หนาวเย็นของอาร์กติก จึงทำให้เขาสามารถซ่อนตัวจากกล้องอินฟาเรตจับความร้อนของมนุษย์ได้ด้วย

6.มีเปลือกตาสามชั้น

  • เพราะสถานที่ที่อยู่เต็มไปด้วยหิมะ เปลือกตาสามชั้นของหมีขั้วโลก จึงมีหน้าที่ช่วยปกป้องจากหิมะเกาะตา และยังช่วยลดปริมาณของรังสียูวีที่เข้าตาด้วย นอกจากนี้ ยังทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น

7.ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ

  • หมีขั้วโลกสามารถรับน้ำทั้งหมดที่ต้องการ ได้จากปฏิกิริยาทางเคมีในตัวที่มีหน้าที่สลายไขมัน นั่นทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ

8.เป็นหมีที่ไม่เคยเปียก

  • หมีขั้วโลกมีขนสองชั้น ขนชั้นนอกป้องกันให้ขนชั้นในไม่เปียกเมื่อว่ายน้ำ เพียงแค่สะบัดขน เจ้าสัตว์ขนปุยที่สีจริงๆไม่ใช่สีขาวนี้ก็พร้อมจะทำกิจวัตรอย่างอื่นแล้ว

หมีในประเทศไทย

หลังจากไปรู้จักหมีขั้วโลกกันแล้ว ทีนี้ขอพาย้อนกลับมาบ้านเรากัน อย่างที่กล่าวไปตอนต้น หมีทั่วโลกมี 8 ชนิด ซึ่งในประเทศไทยพบได้ 2 ชนิด ได้แก่ หมีหมา (Sun Bear) และหมีควาย (Asiatic Black Bear) และหมีทั้งสองชนิดมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

แล้ว 2 หมีนี้ ต่างกันอย่างไรล่ะ?

อ้างอิงจากข้อมูลของ ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่นและสัตว์อพยพ (MoZWE) หมี 2 ชนิดนี้ต่างกัน ดังนี้

หมีหมา

  • เป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก 
  • ตัวเต็มวัยเมื่อยืนสองขาจะสูงประมาณ 120 เซนติเมตร ความยาวลำตัวและหัว 110-140 เซนติเมตร หางยาว 3-7 เซนติเมตร น้ำหนัก 27-63 กิโลกรัม 
  • ขนเป็นมันสั้นเกรียนสีน้ำตาลเข้มถึงดำ ขนบริเวณใบหน้าสีครีมออกขาวและขนบริเวณหน้าอกสีครีมออกขาวเป็นรูปตัวยู (U) 
  • ตีนมีเล็บยาวโค้งแหลมคม รอยตีนรวมเล็บยาว 14-17 เซนติเมตร หูกลมสั้น
  • มักอาศัยอยู่ตามป่าดงดิบ เช่น ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น 
  • ออกหากินตามลำพังในเวลากลางคืน ตอนกลางวันจะนอนพักบนต้นไม้ 
  • มักยืนและเดินด้วยสองขา เมื่อมองไกลๆ คล้ายคนเดินอยู่ในป่า จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หมีคน 
  • บางครั้งส่งเสียงร้องคล้ายสุนัขเห่าจึงเรียกว่าหมีหมา ห
  • มีระยะตั้งท้องประมาณ 3 เดือน และตกลูกครั้งละ 1-2 ตัว
  • มีการแพร่กระจายตัวในหลายประเทศ เช่น จีน บังกลาเทศ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนามมาเลเซีย เกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว 
  • ปัจจุบันหมีหมาจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและอยู่ในสถานภาพเสี่ยงสูญพันธุ์ (Vulnerable)

หมีควาย

  • มีความยาวลำตัวและหัว 120-150 เซนติเมตร หางยาว 6.5-10 เซนติเมตร หูยาว 12-18 เซนติเมตร น้ำหนัก 100 กิโลกรัมหรือมากกว่า 
  • ขนยาวหยาบสีน้ำตาลเข้มถึงดำทั่วลำตัว ยกเว้นขนบริเวณหน้าอกสีครีมออกขาวเป็นรูปตัววี (V) ขนบริเวณคอและไหล่จะยาวกว่าบริเวณอื่น
  • ตีนมีเล็บยาวแหลมคม ผ่าตีนใหญ่เดินเต็มตีน รอยตีนรวมเล็บยาว 18-20 เซนติเมตร
  • มักอาศัยอยู่ตามป่าที่อุดมสมบูรณ์และป่าทึบบนภูเขา บางครั้งก็สามารถพบได้บ้างในพื้นที่ราบ 
  • มักออกหากินตามลำพังในเวลากลางคืน แต่ก็อาจพบได้บ้างในเวลากลางวัน ตอนกลางวันมักนอนพักในถ้ำหรือโพรงต้นไม้ 
  • ปีนต้นไม้เก่งและวิ่งเร็วมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักและรูปร่างที่ใหญ่โต 
  • ระยะตั้งท้องประมาณ 7-8 เดือน และตกลูกครั้งละ 1-2 ตัว
  • มีการแพร่กระจายตัวในหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน อิหร่าน บังกลาเทศ ภูฏาน จีน รัสเซีย อินเดีย เนปาล ปากีสถาน พม่า ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย มองโกเลีย ไต้หวัน เกาหลี เกาะฮอนชูและชิโกกุของญี่ปุ่น
  • ปัจจุบันหมีควายจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและอยู่ในสถานภาพเสี่ยงสูญพันธุ์  (Vulnerable)


ย้อนเส้นทาง "กองทัพ" กับ "น้ำเมย" 2 ลูกหมีควายถูกลักลอบนำข้ามแดน สู่บ้านใหม่

หลังจากรู้จักหมีในประเทศไทยกันพอสมควรแล้ว ผู้เขียนขอพาไปรู้จักกับ "กองทัพ" กับ "น้ำเมย" สองลูกหมีควายที่ถูกลักลอบนำข้ามชายแดนจากเมียนมาร์ 
เครดิตภาพ : เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เรื่องราวของลูกหมี 2 ตัวนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจาก เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์รูปภาพและข้อความ ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 น.ส.จุฑามาศ ทีฟอง​ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าแม่สอด​ รายงาน​ว่า​ เมื่อ​เวลา 11.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าแม่สอด​ ร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร้อย ร.431 ออกลาดตระเวนชายแดนไทย-เมียนมาร์ บริเวณช่องทางธรรมชาติติดแม่น้ำเมย หมู่ที่ 4 บ้านวังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ขณะลาดตระเวน​พบชายต้องสงสัย​ คาดว่าเป็นบุคคลต่างด้าว​ (เมียนมาร์) ถือกระสอบจะเข้าไปในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่เห็นมีพิรุธ จึงจะขอตรวจค้น ชายคนดังกล่าวรีบโยนกระสอบทิ้ง และหนีเข้าป่าไป
เครดิตภาพ : เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
จากการเข้าตรวจกระสอบ​ และเปิดดูพบหมีควาย​ (Ursus thibetabus) จำนวน 2 ตัว อายุประมาณ 4-5 เดือน ซึ่งหมีควาย เป็น "สัตว์ป่าคุ้มครอง" ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ถูกบรรจุไว้ในบัญชีเลขที่ 1 (Appendix |1) ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์(CITES) และมีสถานภาพมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (VU) ตามบัญชีชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ (IUCN Red List 2016)

เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดสัตว์ป่าของกลางหมีควาย ส่งนำเรื่องราวลงบันทึกประจำวันที่​ สภ.แม่สอด จ.ตาก​ สำหรับสัตว์ป่าของกลางจะได้นำส่งส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) เพื่อดูแลตามระเบียบต่อไป
ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ต่อมาวันนี้ (23 มี.ค.) ทางเพจฯ ได้โพสต์ภาพอัปเดตชีวิต "กองทัพ-น้ำเมย" พร้อมระบุข้อความมีสาระสำคัญว่า #สวัสดีวันหมีโลก... 2 ลูกหมีควาย​ "กองทัพ" กับ "น้ำเมย" เข้าบ้านใหม่​ ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามากดไลก์ กดแชร์ และคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก อาทิ 

  • สวัสดีเจ้าหมีน้อยทั้งสองขอให้มีความสุขและแข็งแรงอยู่รอดปลอดภัยนะ
  • น่าสงสารจัง โดนพรากแม่ตั้งแต่ยังเล็กนัก แทนที่จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในป่า ขอให้เติบโตแข็งแรงได้กลับเข้าป่านะลูก
  • น่ารักขนาดนี้ทำไมคนพวกนั้นถึงใจร้ายกับหนูจังนะ แข็งแรงๆโตวันโตคืนนะหมีน้อย ปลอดภัยแล้วนะลูก
  • น่ารักไร้เดียงสาแบบนี้ทำไมมนุษย์ถึงใจร้ายไปพรากมาจากพ่อแม่ของเขา
  • น่ารักค่ะ มีชื่อแล้ว กองทัพ กับน้ำเมย
  • ขอให้ทั้งสองเติบโต แข็งแรง พร้อมก้าวไปสู่โลกกว้างใหญ่ในวันข้างหน้า

ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
นี่ก็เป็นเรื่องราวหมีๆ ที่ Nation STORY หยิบมาเล่าในวันนี้ เพื่อชวนท่านผู้อ่านตระหนักการอนุรักษ์หมี เนื่องในวันหมีโลก ด้วยภัยคุกคามตามที่ได้กล่าวไปแล้ว หรืออาจมีปัญหาอื่นๆ ที่เหล่าหมีต้องเผชิญ หากเราปล่อยพวกเขาสูญพันธุ์ไป ก็จะทำให้ระบบนิเวศในธรรมชาติเสียสมดุล สัตว์หรือพืชบางชนิดที่เป็นอาหารของหมี จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขอบเขต ท้ายที่สุดระบบนิเวศแห่งนั้นก็จะถูกทำลายไป
23 มีนาคม พารู้จักเรื่องหมีๆ เนื่องใน "วันหมีโลก"
23 มีนาคม พารู้จักเรื่องหมีๆ เนื่องใน "วันหมีโลก"

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก :
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
https://www.greenpeace.org/thailand/story/22638/general-polar-bears-facts/
Environman
ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่นและสัตว์อพยพ (MoZWE)
https://www.nationtv.tv/news/378786501