ทนายอากู๋ยันลูกความไม่เคยใช้สื่อกดดัน จนเพื่อนบ้านคิดสั้น

ความคืบหน้ากรณี น.ส.ภาณุมาศ 1 ใน 5 ถูกฟ้องข้อหาบุกรุกคดีบ้านอากู๋ ผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพัก ย่านรามอินทรา ซอย 58 พื้นที่ สน.คันนายาว เมื่่อช่วงเช้าของวันนี้ (26 ก.พ. 67) เป็นการเสียชีวิตก่อนที่ อัยการจะนัดฟังคำสั่งฟ้องคดีบุกรุกบ้านอากู๋ในวันที่ 6 มี.ค. นี้ โดยเบื้องต้นคาดเกิดจากความเครียด ซึ่งเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้มีการเคลื่อนย้ายร่างส่งไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ  

ต่อมา ทางญาติของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางที่ สน.คันนายาว เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย พร้อมเผยถึงสาเหตุการตัดสินใจคิดสั้นของ น.ส.ภาณุมาศ ในครั้งนี้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตนั้น คงมีจะอาการเครียด หลังจากเกิดเป็นกระแสข่าว โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน จึงไม่ทราบว่า มีปัญหาอื่นมารุมเร้าหรือไม่ หรือมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ ส่วนด้านการต่อสู้คดีนั้น ตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยว จึงไม่ทราบข้อมูลแต่อย่างใด ส่วนอุปนิสัยใจคอของผู้ตายนั้น เป็นคนชอบทำบุญ เข้าวัดไปสวดมนต์ทุกวันเสาร์-อาทิตย์

 

ขณะที่ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง ทนายของอากู๋ฝ่ายโจทก์ ก็ได้เดินทางมาที่ สน.คันนายาว เช่นกัน พร้อมระบุว่า ได้มีการพูดคุยกับทางลูกความ จึงทราบว่า ทางคู่กรณีมีการผูกคอเสียชีวิต ซึ่งในส่วนของลูกความตน รู้สึกตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนจึงเดินทางมาเพื่อสังเกตการณ์ และรายงานผลให้ทางลูกความทราบ

ทั้งนี้ ในส่วนของ น.ส.ภาณุมาศ เป็น 1 ใน 5 ถูกฟ้องข้อหาบุกรุกในคดีแรกเมื่อ 17 ก.ย. 66 ไม่เกี่ยวข้องกับที่มีคู่กรณีฟ้องครอบครองปรปักษ์กับลูกความตน อีกทั้งตัวผู้ตาย ก็ไม่เคยเข้าไกล่เกลี่ยกับทางทนายเดชา หรือตนแต่อย่างใด คดีของ น.ส.ภาณุมาศ นั้น เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าของบ้านตัวจริง มีการแจ้งฟ้องห้ามกลุ่มผู้ต้องหาบุกรุก และได้มีการนัดเจรจากันที่โรงพัก แต่ตอนนั้นไม่สามารถตกลงเรื่องค่าเสียหายกันได้ จึงยุติการดำเนินการไป และมีการส่งมอบตัวบ้านคืน พร้อมยอมรับข้อหา

ซึ่งคดีดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ มีกำหนดเดิมที่จะส่งฟ้องต่อศาล ในวันที่ 6 มี.ค. นี้ แต่เมื่อมีหนึ่งในผู้ต้องหาในคดีเสียชีวิต ต้องมีการจำหน่ายคดีในส่วนของผู้เสียชีวิตออกไป จึงยังไม่ทราบว่า กำหนดการเดิมจะมีการเลื่อนหรือไม่

ทนายกุ้ง กล่าวว่า แต่ต่อมาก็เกิดเรื่องราวภาค 2 ขึ้น เมื่อหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคือ น.ส.ศรีพรรณ ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ออกคำสั่งครอบครองปรปักษ์ กับบ้านหลังดังกล่าว เมื่อทางฝ่ายเจ้าของบ้านตัวจริงทราบเรื่อง จึงมอบอำนาจให้ทนายความ ไปยื่นเรื่องคัดค้านและฟ้องขับไล่ พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง คิดเป็นค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปี ซึ่งเป็นในส่วนของคดีแพ่งและคดีอาญา ทางเจ้าของบ้านตัวจริง ได้ไปแจ้งความข้อหาบุกรุก กับคู่กรณีคือ น.ส.ศรีพรรณ เพียงคนเดียว ผู้ตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีในภาค 2 แต่อย่างใด

สำหรับประเด็นที่ทางทนายความคู่กรณี ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ทางลูกความของตน มีการใช้สื่อกดดันคู่กรณี ส่วนตัวมองว่า ตนในฐานะทนายความ และที่ปรึกษาทางกฎหมาย ก็มีหน้าที่ที่ต้องดำเนินการทางคดี เพื่อปกป้องสิทธิ์ของทางลูกความ สื่อก็มีหน้าที่ในการนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปตามขั้นตอน ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่ใช่การกดดันอะไร แต่ก็อยู่ที่มุมมองว่า ใครจะมองยังไง