svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ภาค 2 ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง

09 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ภาค 2 มหากาพย์ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวทเป็นบริษัท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ กลับมาเปิดร้านอาหาร

ทุกคนน่าจะยังจำข่าวนี้กันได้ กรณีคู่รักกำลังจะแต่งงานกัน แล้วอากู๋ยกบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร ซอยรามอินทรา 58 ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2534 ให้เป็นของขวัญแต่งงาน ต่อมาเมื่อ 31 สิงหาคม 2566 ทั้งคู่เดินทางไปดูบ้าน หวังจะรีโนเวทเป็นเรือนหอ กลับพบว่าเพื่อนบ้านได้บุกรุกเข้าไปต่อเติม และยึดบ้านเป็นของตัวเอง โดยอ้างว่าอยากซื้อบ้านหลังนี้มานาน แต่ไม่สามารถติดต่อเจ้าของบ้านได้

ว่าที่บ่าวสาว จึงนำเรื่องไปร้องทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่พอสมควร จนกระทั่งกลางเดือนกันยายน 2566 คู่กรณีได้ย้ายของออก ทางเจ้าของบ้านจึงนำกุญแจมาล็อกบ้านทั้งหลังไว้ และได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกไว้ที่ สน.โคกคราม 3 ข้อหา คือบุกรุก ลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์

แต่เรื่องราวไม่จบเพียงเท่านั้น ล่าสุดคู่กรณีได้อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ ย่องไปฟ้องแพ่งเจ้าของบ้าน ก่อนกลับมาเปิดร้านอาหารหน้าตาเฉย มหากาพย์ฮุบบ้านภาค 2 จึงเริ่มต้นขึ้น

ภาค 2 ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง

ย้อนมหากาพย์ปล่อยบ้านทิ้งร้าง เพื่อนบ้านยึดเป็นบริษัท

ช่วงเดือนกันยายน 2566 คุณอาย และ คุณซัน ว่าที่บ่าวสาว เข้าร้องเรียนทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ กรณีอากู๋เหม อายุ 64 ปี (เจ้าของบ้าน) ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรในซอยรามอินทรา 58 แยก 6-2 ไว้ตั้งแต่ปี 2534

ช่วง 10 ปีแรก อากู๋ ยังแวะเวียนไปดูบ้าน แต่ช่วงหลังไม่ว่างจึงปล่อยทิ้งร้างมานาน กระทั่ง คุณอาย และ คุณซัน จะแต่งงานกัน อากู๋ จึงยกบ้านให้เป็นของขวัญแต่งงาน ปรากฏว่าเมื่อทั้งคู่เดินทางไปดูบ้าน กลับพบว่าเพื่อนบ้านได้เข้ามาอยู่อาศัย ด้านหลังบ้านมีการต่อเติมครัวทำกับข้าว

ต่อมาฝั่งผู้บุกรุกซึ่งเป็นเพื่อนบ้านได้เข้ามาพูดคุย บอกว่ายินยอมย้ายออก แต่ขอเรียกเก็บค่าต่อเติมทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน ทำให้เจ้าของบ้านตัวจริงไปแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม ข้อหาบุกรุก, ลักทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์

ภาค 2 ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง

ด้าน ผู้บุกรุก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส บอกว่า ตนเองมาซื้อบ้านหลังแรกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านที่มีปัญหา เมื่อปี 2545 หรือประมาณ 21 ปี ก่อน ตอนนั้นบ้านหลังดังกล่าวไม่มีผู้อยู่อาศัยปล่อยบ้านรกร้าง ต่อมาได้ซื้อบ้านเพิ่มอีกหลัง ซึ่งอยู่ด้านขวามือติดกับบ้านที่มีปัญหา เพื่อทำเป็นสำนักงาน ตอนนั้นพยายามถามหาเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวมาโดยตลอด ทั้งติดต่อไปตามธนาคารต่างๆ และกรมที่ดิน แต่ก็ยังไม่เจอเจ้าของบ้าน

ตนเองอยากได้บ้านหลังดังกล่าวมาก ประกอบกับสภาพบ้านตอนนั้น มีต้นไทรต้นใหญ่และต้นกล้วย ส่วนด้านหลังติดกับป่ากก มีสัตว์เลื้อยคลาน เข้ามาตายในบ้านและส่งกลิ่นเหม็นรบกวนไปทั่ว เวลาหน้าฝนลมแรง เศษกระเบื้องเคยตกลงมาจะโดนหัวคน จึงเข้าไปซ่อมแซมบ้านหลังดังกล่าว อย่างไรก็ตามยินดีย้ายของออกโดยไม่เก็บเงินค่ารีโนเวท

นอกจากนี้ยังตั้งคำถามเจ้าของบ้านว่า จะให้เช่าบ้านหลังนี้หรือไม่ ถ้าให้เช่า ตนเองก็ยินดี และหากเจ้าของจะขายบ้าน ตนเองพร้อมขอซื้อ แต่ขอเป็นราคาที่เหมาะสม

ด้าน ทนายเดชา บอกว่า ถือเป็นความผิดชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งบุกรุก ลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ โดยผู้บุกรุกจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะการบุกรุกเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อตอนปี 2560 และถือว่ายังไม่ขาดอายุความในข้อหาบุกรุก

ย้ายออก 4 เดือน ย่องฟ้องแพ่งครอบครองปรปักษ์ กลับมาเปิดร้านอาหาร

8 กุมภาพันธ์ 2567 คุณอาย และ คุณซัน ผู้เสียหายเจ้าของบ้าน เดินทางเข้าปรึกษากับทนายเดชา อีกครั้ง หลังกลับเข้าดูบ้านพบเพื่อนบ้านกลับมาอยู่ซ้ำเปิดร้านอาหาร ติดป้ายอ้างได้สิทธิ์ครองครองปรปักษ์ทั้งๆ ที่เรื่องยังไม่จบ

คุณอาย เล่าย้อนไปว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 หลังจากที่เป็นข่าว ตนได้ไปที่บ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง และพบว่าคู่กรณีได้มีการขนของย้ายออกหมดแล้ว ตนจึงนำกุญแจมาล็อกบ้านทั้งหลังไว้ ต่อมาช่วงเดือนตุลาคม 2566 มีการนัดเจรจาแต่ตกลงกันไม่ได้ กระทั่งวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 คู่กรณีได้ยื่นฟ้องแพ่งที่ศาลแพ่งมีนบุรี โดยแสดงกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ และมีหมายศาลส่งมาที่บ้านของตนเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567

จากนั้นตนเองได้ยื่นค้านในคดีแพ่งเมื่อวันที่ 29  มกราคมที่ผ่านมา ส่วนที่ตนแจ้งความคู่กรณีไว้ที่ สน.โคกคราม 3 ข้อหา คือบุกรุก ลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมสำนวนส่งอัยการ

ล่าสุดได้ขับรถแวะไปดูที่บ้าน และพบว่ามีการนำป้ายมาติดหน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายไก่ ภายในบ้านมีเครื่องครัว โต๊ะเก้าอี้ และยังมีการนำป้ายมาติดหน้าบ้านระบุข้อความ "บ้านเลขที่ 12/119 (62) หลังนี้ ข้าพเจ้าได้กรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย บุคคลใดเข้ามากระทำการใดๆในบ้านและที่ดิน และบ้านหลังนี้ ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน" ลงชื่อนางสาวศรีพรรณ (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็น 1 ใน 5 คนที่ตนเคยยื่นฟ้อง

ภาค 2 ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง

ทำให้ตนรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมถึงยังกล้าทำอีก ทั้งที่ศาลยังไม่ตัดสิน นอกจากนี้ยังพบอีกว่า คู่กรณีดึงไฟจากที่ไหนมาใช้ทั้งที่ถูกตัดไฟไปแล้ว ซึ่งตนอยากจะบอกกับคู่กรณีว่า อยากจะให้รอศาลตัดสินก่อน ไม่ใช่ถือวิสาสะเข้ามาแบบนี้ มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด จากนั้นตนจึงได้เข้าไปแจ้งความอีกครั้งที่ สน.โคกคราม อย่างไรก็ตามหากมาขอซื้อบ้านตอนนี้ตนคงไม่ขายให้แล้วเพราะมันเลยจุดที่จะเจรจาไปมาก

ด้านทนายเดชา กล่าวว่า การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำครั้งใหม่ พนักงานสอบสวนควรจะพิจารณาดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในการที่ผู้บุกรุกห้ามเจ้าของเข้าไปในบ้าน ซึ่งถ้าตำรวจไม่สามารถดำเนินการได้ ตนก็จะจัดการเอง

ส่วนที่ทนายฝั่งตรงข้ามได้มีการอ้างว่า ลูกความของตนใช้สิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมายนั้น ถือว่าฟังไม่ขึ้น และไม่ควรแนะนำลูกความตัวเองแบบนั้น เพราะการกระทำแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการครอบครองโดยปรปักษ์ แต่เป็นการบุกรุก

ทั้งนี้ ตนอยากจะฝากเตือนว่าไปยังผู้ที่ซื้อบ้านแล้วไม่ไปอยู่ ให้เจ้าบ้านแวะเวียนมาดูบ้านบ่อยๆ เพื่อเป็นการป้องกันการโดนเพื่อนบ้านแอบอ้างมาใช้พื้นที่ ผมก็ฝากเตือนคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้หรือคิดจะกระทำลักษณะแบบนี้ ขอให้หยุด เพราะว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย

ภาค 2 ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าว และพบว่าร้านได้ปิดไปแล้ว แต่ภายในร้านยังพบอุปกรณ์ทำอาหาร วัตถุดิบ และเครื่องปรุงรส วางอยู่ แต่ไม่พบว่ามีคนอยู่ เช่นเดียวกันกับข้างบ้าน ที่ผู้เสียหายอ้างว่าเป็นบ้านของคู่กรณีที่บุกรุก ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ภายในบ้านแต่อย่างใด

ซึ่งผู้สื่อข่าวได้กดเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านได้ชี้แจงว่า ตนได้ครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมายอย่างถูกต้อง จึงย้ายเข้ามาอยู่ และไม่อยากชี้แจงอะไรแล้วนอกจากรายละเอียดอยู่ในสำนวนคดี ส่วนเหตุผลที่ตอนนั้นย้ายออกไปเนื่องจากมีนักข่าวมากดดัน จึงยอมย้ายออก แต่พอเรื่องเงียบไปก็เลยย้ายกลับเข้ามาอยู่

ภาค 2 ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง ภาค 2 ปล่อยบ้านร้าง 30 ปี เพื่อนบ้านเข้ายึด-รีโนเวท ล่าสุดผู้บุกรุกย่องฟ้องแพ่ง

logoline