สรุปดรามา "พิธา" โพสต์รูปบ้านเก่าคุณยาย กับข้อหาแอบอ้างลูกหลานอภัยวงศ์

กลายเป็นเรื่องราวดรามา ให้ผู้คนตั้งข้อสงสัย หลังมีมีชาวเน็ตไปขุดรูปที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ไว้บนอินสตาแกรม มานานกว่า 9 ปี มาแชร์ โดยเป็นรูปบ้านหรูโบราณหลังหนึ่ง พร้อมมีข้อความระบุว่า “My grandmother used to live in this house almost 1 century ago บ้านเก่าคุณยาย” (ยายของผมเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้มานาน 1 ศตวรรษที่แล้ว)

โดยบ้านหลังดังกล่าวคือ ตึกจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาในพระตะบอง กัมพูชา ที่เป็นบ้าน เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ต้นตระกูลอภัยวงศ์ ในจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา จนทำให้ผู้คนในโซเชียลพากันฮือฮาว่า ที่จริงแล้ว "ทิม พิธา" เป็นคนในตระกูลอภัยวงศ์หรือไม่ ก่อนที่ทายาทคนในตระกูลอภัยวงศ์ ซึ่งเป็นลูกหลานของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จะออกมาปฏิเสธว่า ไม่รู้จัก "นายพิธา" และไม่เคยนับเป็นเครือญาติแต่อย่างใด

Nation STORY จึงได้มีการสรุปปมดรามาร้อนของ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในครั้งนี้ว่า มีความเป็นอย่างไร และมีคำตอบจาก "นายพิธา" อย่างไร  บ้าง.........
 
 

จุดเริ่มต้นดรามา  

เรื่องราวดรามาครั้งนี้ เริ่มมาจากการที่มีชาวเน็ตรายหนึ่ง ไปขุดรูปที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ไว้บนอินสตาแกรม เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2558 เป็นรูปบ้านหรูโบราณหลังหนึ่ง พร้อมมีข้อความระบุว่า “My grandmother used to live in this house almost 1 century ago บ้านเก่าคุณยาย” (ยายของผมเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้มานาน 1 ศตวรรษที่แล้ว)  

หลังจากที่ชาวเน็ตพากันแชร์ และวิจารณ์เรื่องราวดังกล่าวเป็นอย่างมาก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Arnond Sakworawich ระบุว่า อาจารย์ตรีดาว อภัยวงศ์ เป็นญาติกับคุณพิธาด้วยหรือครับผม ขอตรวจสอบข้อมูลนิดหนึ่งครับ หรือคุณยายของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นทาสหรือบ่าวชาวเขมรของท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรครับ?”
 

จากนั้นวันที่ 7 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ผศ.ดร.อานนท์ ได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง สรุปได้ว่า นายคทา อภัยวงศ์ โดยเป็นหลานของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ซึ่งเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุดในตระกูลอภัยวงศ์ขณะนี้ ได้ชี้แจงว่า "นายพิธา" ไม่ใช่บุคคลในตระกูลอภัยวงศ์ การแอบอ้างว่า เคยอยู่ในตึกในภาพดังกล่าว เป็นการโอ้อวดสร้างภาพฐานะ และตึกที่พระตะบอง เป็นที่ทำการของฝรั่งเศส มากว่า 120 ปี พร้อมตั้งคำถามด้วยว่า คุณยายเกิดแล้วหรือยัง

“ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะได้ข้อยุติแล้วในระดับหนึ่งนะครับ ถ้าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลอภัยวงศ์ท่านออกมาสั่งลูกหลานเองเช่นนี้ครับ” ผศ.ดร.อานนท์ระบุ

เริ่มมีการค้นหาข้อมูล "คุณยาย" ของ "ทิม พิธา" ทางโซเชียล 

ภายหลังจากที่เรื่องดรามาครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้คนในโซเชียล ก็เริ่มมีการค้นหาว่า คุณยายของนายพิธา คือใคร จนทราบว่า คุณยายของนายพิธา มีชื่อว่า "อนุศรี อนุรัฐนฤผดุง" โดยสำนักข่าวบางแห่งอ้างแหล่งข่าวระบุว่า เป็นบุคคลระดับสูงในตระกูลอภัยวงศ์ เปิดเผยว่า อนุศรี อนุรัฐนฤผดุง เคยสมรสกับ นายเกษม อภัยวงศ์ ซึ่งนายเกษมเป็นบุตรชายคนโต ของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กับหม่อมละม้าย 1 ในภรรยา 24 คน ของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร นายเกษมมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน และ นายเกษม เป็นบุตรลำดับที่ 31 แต่ภายหลัง อนุศรี และนายเกษม ได้หย่าร้างกันไป ต่างฝ่ายต่างไปมีครอบครัวใหม่

นอกจากนี้ นายเกษม ไดย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เมื่อครั้งตามเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กลับมาที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2450 และใช้ชีวิตในเมืองไทย เสียชีวิตเมื่ออายุ 63 ปี หรือเมื่อ 49 ปีที่แล้ว และพบว่า อนุศรี อนุรัฐนฤผดุง ได้สมรสใหม่ และมีบุตรสาว คือ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นมารดาของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  


คำชี้แจงดรามาจาก "พิธา"

ล่าสุด ช่วงเย็นวันที่ 8 ก.พ. 67 นายพิธา โพสต์ภาพและข้อความผ่านทาง อินสตาแกรมส่วนตัว ชี้แจงถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า

ตนเองเกิดมาไม่ทันคุณยาย ความผูกพันเดียว ความทรงจำเดียวที่มีคือรูปคุณยายที่อยู่แถว ๆ หิ้งพระ แล้วก็การนอนฟังคุณป้า คุณแม่ และน้าๆ เล่าให้ฟังถึงคุณยายในอดีต พอมาตอนนี้ มีคนตั้งคำถาม เลยถือโอกาสรู้จักคุณยายมากขึ้นในที่สุด ข้อเท็จจริงมีดังต่อไปนี้

1. คุณยายอนุศรี เคยแต่งงานกับคุณเกษม อภัยวงศ์ มีบุตรด้วยกัน 2 คน ซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณป้าของผม ณ ปัจจุบัน

2. คุณยายเกิดที่พระนคร ผมไม่ได้มีเชื้อสายเขมร ไม่ได้เป็นลูกครึ่ง ตามที่สื่อบางสำนักตั้งคำถาม ขออย่านำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ

3. คุณยายเคยย้ายไปอยู่พระตะบองพักนึงจริง

4. ผมไม่เคยแอบอ้างว่าเป็นลูกหลานอภัยวงศ์ แต่อย่างใด

5. ผมโพสต์รูปเมื่อปี 2558 ด้วยความระลึกถึงคุณยาย เมื่อตอนไปเที่ยวพระตะบอง และอ้างอิงตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่และผู้นำชม ณ ขณะนั้น ไม่เคยคิดว่า จะถูกนำมาเป็นประเด็นการเมืองให้หลังเกือบ 10 ปีต่อมา

6. จริง ๆ เรื่องส่วนตัว แต่คงต้องชี้แจงเพราะมันกระทบวงกว้าง ไม่เฉพาะบุคคล ตระกูล แต่ข้ามไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน (มีคำว่า บ่าว ทาส) ในช่วงที่เวลาผู้นำเขามาเยือนพอดิบพอดี

โดยวงท้าย นายพิธา ยังระบุด้วยว่า “ต้องขอบคุณครอบครัวผมที่ตอนนี้ กำลังค้นแฟ้ม รวมรูปคุณยายกันอย่างขะมักเขม้น”