
ยังคงเป็นคำถามที่ผู้คนในสังคมจำนวนไม่น้อยคาใจ เกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง ของกลุ่มเยาวชนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง จนถูกดำเนินคดีไปหลายราย โดยล่าสุดคือ กรณีของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ที่เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ถูกศาลถอนประกันในคดี 112 พร้อมให้จำคุก 1 เดือน กรณีปะทะเจ้าหน้าที่ รปภ. ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล และล่าสุดวันนี้ (6 ก.พ. 67 ) เจ้าตัวถูกหาม ส่ง รพ.ราชทัณฑ์ จากภาวะตับอักเสบ อ่อนแรงจนลุกเดินไม่ได้ หลังอดอาหารประท้วงมาแล้ว 11 วัน
ซึ่งกรณีดังกล่าว น.ส.กุณฑิกา นุตจรัส หรือ ทราย ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ลูกสาวของ นาย กฤษฎางค์ นุตจรัส (ทนายด่าง) ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้มีการโพสต์ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
ในวันที่ชีวิตคน ๆ หนึ่งใกล้ดับสูญ และเราอาจจะไม่มีทางพูดให้เค้าเปลี่ยนใจได้
ทรายขอพูดเรื่องที่อัดอั้นในใจมานานมาก ซึ่งในคราวนี้จะขอพูดทีเดียว ให้จบ เพราะถ้าพูดไปภายหลังที่เขาตายคงไม่มีประโยชน์แล้ว
เด็กสมัยนี้ หลาย ๆ คนเค้าออกมาต่อสู้ด้วยความจริงใจ เค้าไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ดังนั้นถ้าคุณไม่เห็นด้วยในวิธีการ อย่างน้อยบางทีคุณต้องหัดให้เกียรติกัน คุณเรียกร้องให้เด็กให้เกียรติคุณแต่คุณ ไม่คิดจะให้เกียรติจะรับฟังเด็กก่อน อันนี้ ความคิดคุณมีปัญหา บางทีเราแก่กว่า ก็ถ้าเด็กมันร้อน เราก็หัดใช้เหตุผล ความเมตตา ความรัก คุยกับเขา
คนพวกนี้ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล หลายครั้งเมื่อเราอธิบายไปอย่างมนุษยะ เขาเข้าใจและพร้อมรับฟังความคิดเห็น
บางที อาจเป็นพวกคุณมากกว่าที่ไม่ฟังความคิดเห็น
สังคมโทษเด็ก มากกว่าโทษตัวเอง เรื่องหยก หลังจากที่มีกระแสตีกลับ ไม่เคยมีใครออกมาตั้งคำถามเลยว่า โรงเรียนมันทำอะไรอยู่ และตอนจบของเรื่องนี้โรงเรียนจะต้องรับผิดชอบอะไรหรือไม่
ตอนที่กระแสตีกลับ ไม่ว่าจะเรื่อง หยก บุ้ง ตะวัน แบม เราทุกคนต่างหวาดกลัว ใครที่รู้สึกเป็นกำลังใจให้เด็ก เราไม่กล้าออกตัว เราไม่ยืนหยัด เรากลัวการออกหน้าแทนเด็กแล้ว “ขี้” จะมาตกที่เรา
เราปล่อยพวกเค้าเคว้งคว้าง พยายามหาทางออกในประเทศเฮงซวยนี้อย่างโดดเดี่ยว
ระหว่างนั้นเราก็ถกเถียงกันว่า ลดอายุเด็กที่จะต้องถูกลงโทษดีหรือไม่ เด็กเลวคนไหนเป็นสัตว์ เด็กดีคนไหนเป็นคน เด็กคนไหนถูกยิงทิ้งจะดีกับประเทศไทยมากกว่า
เราลืมไปว่าที่เป็นสัตว์มากกว่าเด็ก บางที คือตัวเราเอง
เราหลงลืมไปว่าความรู้สึกอันบริสุทธิ์ของการออกไปสู้เฉยๆ เพราะไม่อยากเห็นความเหลื่อมล้ำมันคืออะไร
เราลืมอ่านคอมเม้นต์ ตกลงเด็กหยาบ รุนแรง หรือสังคมไทยเต็มไปด้วยสัตว์ที่จิตใจสามานย์
หรือถ้าเราอ่านคอมเม้นต์ เราก็คิดว่า การบอกว่าดีตายไปเลย เป็นความเห็นที่ถูกแล้ว
เราลืมไปจริงๆว่า ตกลงเวลามีปัญหาสังคมที่เราเห็นอยู่ทนโท่ เราควรจะด่าต้นตอ หรือด่าคนที่สู้เพื่อจะเปลี่ยนมัน
มันน่าอายเวลาเราพยายามพูดถึงความพอเหมาะ พอดี มารยาทอันเรียบร้อย ประเทศแบบนี้การยื่นหนังสือ ฟ้องศาลปกครอง ร้องปปช. คลานเข่า เคยมีอะไรสำเร็จบ้าง
วันนี้ทรายไม่แปลกใจ พูดหลายครั้งย้ำแล้วย้ำอีก พวกเด็กเค้าไม่เหลืออะไรสู้แล้ว เค้าจึงเลือกใช้ร่างกาย
เค้าไม่ใช่คนแรก และไม่มีวันเป็นคนสุดท้าย
เป็นเรื่องน่ากลัว ถ้าเราเป็นผู้ใหญ่ที่อยากสร้างสังคมที่ดีให้เด็ก
พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ต้องคิดให้ดี ว่าเราจะเอาสังคมแบบไหน และเมื่อเราตายไปแล้ว เราจะทิ้งสังคมแบบไหนให้ลูกของเรา
เราต้องตระหนัก ว่าเด็ก 11,12,13,14,15,16,17 หลายครั้งสิ่งที่เค้าทำ ที่เราบอก 'นี่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว' ที่เราบอก 'สมควรโดนยิงทิ้ง โดนโทษประหาร'
เค้าเป็นผลผลิตของสังคมที่เราสร้างขึ้น
เราคือผู้ผลิต
เราไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้
และสุดท้าย พวกเราผู้ใหญ่ ที่ชอบบอกเด็ก ๆ ว่า ทำทางนี้ไม่เวิร์ค และบอกให้เด็กทำตามทางที่พวกเราเชื่อ เราสบายใจ ที่สุภาพ ที่เราฟังแล้วเพราะหูนอนกอดวิทยุฟัง จส.100 เพลิน ๆ
ถ้าสู้อย่างพวกคุณแล้วชนะ
เด็กมันก็ไม่เกิดขึ้นมาเจอสังคมเฮงซวยแบบนี้หรอกเว้ย
ขอบคุณข้อมูลและภาพ : เพจเฟซบุ๊ก Sai Kunthika Nutcharus
X @ TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน