ด่วน! ศาลเลื่อนไต่สวนถอนประกัน "ตะวัน-บุ้ง" คดีมาตรา 112 เหตุ "บุ้ง" ป่วย

25 ธันวาคม 2566 เช้าวันนี้ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้นัดฟังคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ "ตะวัน" และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ "บุ้ง ทะลุวัง" แกนนำกลุ่มทะลุวัง จำเลยในคดีมาตรา 112 จากกรณีจำเลยได้ทำโพลล์สำรวจความเห็นเรื่องขบวนเสด็จเมื่อปี 2565 โดยก่อนหน้านี้จำเลยทั้งสองได้รับการปล่อยชั่วคราว แต่ได้กระทำผิดเงื่อนไขของศาล จากการชุมนุมขับไล่ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกวุฒิสภา บริเวณหน้ากระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน จึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอน การให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสอง โดยบรรดาแฟนคลับ บางส่วนแต่งกายด้วยชุดธีมเทศกาลคริสต์มาส มากำลังใจ

ขณะที่ "บุ้ง ทะลุวัง" มีนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล จากกรณีวิวาทกับตำรวจศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าวันนี้ "บุ้ง" มีอาการป่วย เนื่องจากท้องเสียและปวดท้อง จึงไม่สามารถเดินทางมาฟังคำสั่งศาลในวันนี้

โดยก่อนจะขึ้นฟังคำสั่งของศาล "ตะวัน" ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ส่วนตัวไม่มีความกังวลใจอะไรเลย ถ้าศาลมีคำสั่งถอนประกันตัวชั่วคราว ตนก็แค่เปลี่ยนที่ต่อสู้จากข้างนอกเป็นข้างในเรือนจำ แต่หากศาลสั่งไม่ถอนประกันตัวชั่วคราว ตนก็ต่อสู้คดีอยู่ข้างนอกต่อไป ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับแม่ ซึ่งแม่ได้บอกกับตนว่า เย็นนี้แม่จะรอกอดตน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะตอบแม่ไปว่าอะไรดี เพราะต้องรอคำสั่งศาลว่า วินิจฉัยอย่างไร ส่วน "บุ้ง" นั้น ตนได้มีโอกาสพูดคุยกันบ้าง ซึ่งตัว "บุ้ง" เองก็ไม่ได้มีความกังวลใจเหมือนกับตน

อย่างไรก็ตาม การที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องให้ถอนประกันตัวชั่วคราวในคดีนี้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก เพราะสิ่งที่ตนกับเพื่อนเรียกร้องมาโดยตลอด เป็นสิทธิที่ขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการขอยื่นประกันตัวหรือเรื่องการยกเลิกมาตรา 112  เพราะก่อนหน้านี้ตนกับเพื่อนเรียกร้องด้วยความประนีประนอมมาโดยตลอด แต่กลุ่มผู้มีอำนาจไม่ฟังตน จึงทำให้พวกตนจำเป็นต้องเรียกร้องที่รุนแรงขึ้น และเป็นเหตุให้กลุ่มคนเหล่านั้นมองพวกตนว่าเป็นเด็กเกรี้ยวกราด

ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้ว แต่สถานการณ์การดำเนินคดีกับนักกิจกรรมทางการเมือง ยังคงมีเหมือนเดิมและมีแนวโน้มค่อนข้างแย่ลงกว่าเดิมด้วย เพราะยังมีคนต้องติดคุกจากทางการเมืองอยู่เรื่อย ๆ หนำซ้ำคนที่ติดคุกอยู่แล้วก็ยังไม่ได้ประกันตัวออกมา แล้วทำไมรัฐบาลชุดนี้ ถึงกล้าเรียกตัวเองว่ารัฐบาลประชาธิปไตย ทั้ง ๆ ที่ยังจับคนเห็นต่างเข้าคุก ตนอยากให้รัฐบาลเร่งรัดในการแก้ไขปัญหา เรื่องกระบวนการยุติธรรม และการดำเนินคดีภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนแบบเอาจริงเอาจัง

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก "บุ้ง ทะลุวัง" ไม่เดินทางมา ตามกำหนดนัดหมายของศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันนี้ ศาลเตรียมที่จะดำเนินการออกหมายจับ ในคดีละเมิดอำนาจศาลและทำร้ายเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ล่าสุด 

ต่อมา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลเลื่อนนัดไต่สวนถอนประกันในคดี 112 ออกไปเป็นวันที่ 26 ม.ค.2567 เนื่องจาก น.ส.เนติพร ป่วยโดยยื่นใบรับรองเเพทย์ เเต่ในส่วนคดีละเมิดอำนาจศาลซึ่งผู้อำนวยการประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องที่ห้องพิจารณาคดี 503 ศาลจะทำการไต่สวนในวันนี้เลย

ต่อมาเวลา 11:40 ภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดี นายกฤษฎางค์ เปิดเผยว่า ศาลได้เลื่อนอ่านคำสั่งเพิกถอนปล่อยตัวชั่วคราวของบุ้งและตะวัน เป็นวันที่ 26 มกราคม 2567 เวลา 9.00 เนื่องจาก บุ้ง ไม่สามารถเดินทางมาได้ เพราะมีอาการป่วยและมีใบรับรองแพทย์ยืนยัน ซึ่งตนขอสงวนการเปิดเผยอาการป่วยของ บุ้ง เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคล 

ส่วนคดีละเมิดอำนาจศาล จากเหตุปะทะกับเจ้าพนักงานตำรวจศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 19  ต.ค.ที่ผ่านมา คดีนี้นอกจาก บุ้ง จะถูกฟ้องแล้ว ยังมี น้องหยก เยาวชนอายุ 15 ปี เป็นผู้ถูกฟ้องด้วย แต่ตนทราบมาว่า น้องหยก ยังไม่ได้รับหมายศาล จึงไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ 

อย่างไรก็ตามปรากฏว่า ศาลได้ใช้อำนาจตามกฎหมาย ในการไต่สวนพิจารณาคดีละเมิดอำนาจศาล ด้วยการไต่สวนลับหลังผู้ถูกฟ้องทั้งสองที่ไม่ได้เดินทางมาศาล ซึ่งตนได้ยื่นคัดค้าน เนื่องจากคดีละเมิดอำนาจศาลที่ผู้อำนวยการประจำศาลยื่นฟ้องนั้น มีโทษจำคุกอันกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ถูกฟ้อง อีกทั้งผู้ฟ้องทั้งสองนั้น คนหนึ่งมีอาการป่วยและมีใบรับรองแพทย์ ส่วนอีกคนยังไม่ได้รับหมายศาล จึงไม่เป็นธรรม หากจะมีการไต่สวนคดีลับหลัง 

ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงได้ปรึกษาคณะผู้บริหาร และมีคำสั่งเลื่อนการไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล เป็นวันที่ 22 ม.ค. 2567 เวลา 9.00 น.และจะมีการอ่านคำวินิจฉัย ในวันที่ 26 ม.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่ศาลอ่านคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวบุ้งและตะวัน 

นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวมองว่า คดีละเมิดอำนาจศาลนั้น กรณีนี้ยังไม่เข้าข่ายกระทำความผิดฐานนี้ เเต่การกระทำอาจเป็นคดีอาญาอื่นๆ ที่ต้องไปเเจ้งความกันผ่านตำรวจอัยการ เเละตนมองว่า ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาในส่วน น้องหยก เพราะยังเป็นเยาวชน จึงไม่สมควรที่จะได้รับการไต่สวนพิจารณาคดีในศาลผู้ใหญ่ ตนจึงตั้งคำถามไปยังศาลยุติธรรม และคณาจารย์นิติศาสตร์ว่า สมควรแล้วหรือที่จะดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาลกับเยาวชน โดยส่วนตัวมองว่าไม่สมควรและไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ขึ้นกับการพิจารณาของศาล ตนเป็นทนายความไม่มีอำนาจตรงนี้ ตนเเสดงความเห็นในทางวิชาการ