จักรพรรดิผู่อี๋ หรือ ฮ่องเต้ผู่อี๋ มีชื่อคนส่วนใหญ่รู้จักว่า "ปูยี" จักรพรรดิองค์สุดท้ายของประเทศจีน เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1906 ซึ่งหากยังมีชีวิต วันนี้เขาจะอายุครบ 118 ปี
จักรพรรดิ ผู่อี๋ (溥儀) นามเต็มว่า อ้ายซินเจว๋หลัว ผู่อี๋ (愛新覺羅 溥儀) หรือมีอีกชื่อเรียกทั่วไปแบบลำลอง ว่า เฮนรี เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิงของจีน พระองค์สุดท้าย มีพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระจักรพรรดิเซฺวียนถ่ง (宣統帝)
"ปูยี" ครองราชย์ 2 ธ.ค.1908 จนกระทั่งสละราชสมบัติใน เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1912 และในช่วงระยะเวลาการฟื้นฟูราชวงศ์สั้น ๆ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1917 โดยขุนศึกจาง ซวิน
ต่อมาในปีค.ศ. 1934 ก็ได้สถาปนาเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิคังเต๋อ (康德皇帝) แห่งจักรวรรดิแมนจู ซึ่งจักรวรรดิญี่ปุ่นสถาปนาขึ้น พระองค์ครองราชย์ที่แมนจูจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ.1945
ต่อมาภายหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ.1949 พระองค์ได้เข้าเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 จนกระทั่งสิ้นลมหายใจเยี่ยงสามัญชนในปี ค.ศ.1967
ก้าวสู่ จักรพรรดิ ในวัย 2 ขวบ
"ปูยี" ถูกซูสีไทเฮาเลือกให้เป็นจักรพรรดิในขณะที่พระนางประชวรหนักอยู่บนพระแท่นบรรทม เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิในขณะที่มีพระชนมายุ 2 พรรษากับอีก 10 เดือน
เจ้าหน้าที่ของสำนักราชวัง มายังตำหนักเจ้าชายน้อย นำตัวพระองค์ไปเป็นจักรพรรดิ โดย "ปูยี" ในวัยเยาว์ ขัดขืนหรือกรีดร้อง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของพระราชวังสั่งให้ขันทีอุ้มพระองค์ไปทำตามพระราชพิธีโบราณ
ฉุนชินหวัง พระบิดาของพระองค์ ได้ขึ้นเป็น องค์ชายผู้สำเร็จราชการ ในระหว่างพิธีราชาภิเษกที่พระที่นั่งไท่เหอ พระบิดาได้อุ้มจักรพรรดิที่ยังทรงเยาว์ขึ้นไปยังบนบัลลังก์ เขาตกใจฉากที่อยู่ต่อหน้า สียงอึกทึกของกลอง และเสียงเพลงในพิธีราชาภิเษก หลังจากนั้นก็เริ่มร้องไห้ พระบิดาของพระองค์ไม่สามารถที่จะทำสิ่งใดได้นอกจากพูดปลอบพระองค์ด้วยวลีอมตะว่า "อย่าร้องไห้ เดี๋ยวมันก็จบในอีกไม่ช้านี้"
ปฏิวัติซินไฮ่ ล้มล้างราชวงศ์ชิง
ไม่ถึงสามปีหลังจากขึ้นเป็นฮ่องเต้ หรือ จักรพรรดิ เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ล้มล้างราชวงศ์ชิง และสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นในปี 1912 ในขณะนั้น ปูยี เนื่องด้วยยังเล็ก พระนางหลงอวี้ไทเฮา มเหสีของจักรพรรดิกวงซวี่ เป็นพระมารดาเลี้ยง ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนประกาศสละราชสมบัติในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1912
ตามข้อกำหนดที่ตกลงกันว่าภายหลังการสละราชสมบัติจะไม่มีการปลดฮ่องเต้ หรือ จักรพรรดิปูยี ยังคงประทับภายในพระราชวังต้องห้ามต่อไปได้
ทั้งนี้ วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1917 ผู่อี๋ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นฮ่องเต้อีกครั้ง โดยจางซวิน นำกำลังทหารเข้าปฏิวัติและประกาศคืนราชบัลลังก์ให้ แต่ก็เป็นได้เพียง 12 วันก็ต้องลงจากบัลลังก์มังกร หวนคืนเป็นสามัญอีกครั้ง
ต่อมาปี1924 เฝิงอวี้เสียง พร้อมพรรคพวกทำการรัฐประหารและกำจัดเงื่อนไขสิทธิพิเศษต่อเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ชิง ทำให้ปูยีถูกขับออกจากวัง และหันหน้าเข้าพึ่งสถานทูตญี่ปุ่น
ต่อมาเกิดอุบัติการณ์มุกเดน 18 กันยายน ค.ศ.1931 ถือเป็นการจุดชนวนสงครามระหว่างทหารญี่ปุ่นกับทหารจีน นำไปสู่การก่อตั้งประเทศแมนจูกั๋ว ในปีต่อมา และ "ปูยี" ได้ถูกยกขึ้นเป็นฮ่องเต้ครั้งที่ 3 ในปี 1934 โดยการสนับสนุนของกองทัพญี่ปุ่น
ต่อเมื่อญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามในเดือนสิงหาคม ปี 1945 เขาได้ถูกจับกุมตัวระหว่างการหลบหนีไปประเทศญี่ปุ่นโดยทหารโซเวียต ถูกคุมขังไว้ที่ไซบีเรียนาน 5 ปี กระทั่ง สหภาพโซเวียต ได้ส่งตัวให้รัฐบาลจีนในฐานะอาชญากรสงครามในเดือนสิงหาคมปี 1950 และถูกคุมขังปรับเปลี่ยนค่านิยมและความประพฤติเสียใหม่อยู่เกือบ 10 ปี ต่อมาภายหลังจึงได้รับนิรโทษกรรมในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ.1959
"จักรพรรดิโลกไม่ลืม" คว้า 9 ออสการ์
เรื่องราวชีวิตของ "ปูยี" ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ "จักรพรรดิโลกไม่ลืม" หรือ The Last Emperor โดย เบอร์นาโด แบร์โตลุชชี ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิตาลี
ภาพยนต์เล่าเรื่องราวทำอย่างละเอียดละออ ทำให้ได้รู้จัก "ปูยี" ในทุกมุมมอง ไม่เพียงเท่านั้นความละเมียดละไม ความงดงามของฉาก รวมทั้งความไพเราะของเพลงประกอบ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ คว้าครบทั้ง 9 รางวัลออสการ์ ที่เข้าชิงเมื่อปี 1987 ได้แก่
ขอบคุณภาพประกอบและข้อมูลจาก