svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา

คนไทยอยากได้กันไหม? ประสานขอรับ "หมีแพนด้า" มาดูแลที่ประเทศไทยในฐานะทูตสันถวไมตรีรอบใหม่ อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา

ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนไทย ที่ชื่นชอบในความน่ารักของ "หมีแพนด้า" เมื่อนายกรัฐมนตรี "เศรษฐา ทวีสิน" แย้มข่าวว่าดี ประเทศไทยอาจจะได้ "หมีแพนด้า" มาอยู่ในความดูแลอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ เคยมี "ช่วงช่วง" และ "หลินฮุ่ย" สองหมีแพนด้ายักษ์ เป็นทูตสันถวไมตรีระหว่างสองประเทศ   

โดย นายเศรษฐา ระบุถึงแนวคิดการนำ "หมีแพนด้า" มาดูแลในประเทศไทยว่า 2 - 3 วันที่ผ่านมา ได้ดูใน x (ทวิตเตอร์) ประเทศใดยังมีหมีแพนด้าอยู่บ้าง ซึ่งไล่ลงมาแล้วประเทศไทยเป็นศูนย์ ซึ่งไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนที่ดี สำหรับความสัมพันธ์ทางด้านการทูตกับประเทศจีนตลอด 50 ปีที่ผ่านมา

จึงใช้โอกาสการพบกับ นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ รมว.ต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน หารือเรื่องนี้ ซึ่งก็ได้รับข่าวดีว่า นายหวัง อี้ ยินดีให้การสนับสนุน ในเรื่องดังกล่าว
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา
 

รู้ไหม ประเทศไทยเคยมี "หมีแพนด้า" อยู่ในความดูแล แถมยังขยายพันธุ์ได้ด้วย  

ก่อนหน้านี้ประเทศไทย เคยได้รับ "หมีแพนด้า" จากประเทศจีนมาดูแล ในฐานะ "ทูตสันถวไมตรีไทย" คือ หมีแพนด้าเพศผู้ชื่อ "ช่วงช่วง" และหมีแพนด้าเพศเมียชื่อ "หลินฮุ่ย" 

ทั้งนี้ "หมีแพนด้า" หรือ "แพนด้ายักษ์" นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการทูตของจีน เนื่องจากเป็นสัตว์ที่หายากที่สุดในโลก มีจำนวนน้อย มีบันทึกตั้งแต่สมัยจักรพรรดินีบูเช็กเทียนว่า มีการส่งหมีแพนด้าคู่หนึ่งไปญี่ปุ่น และตั้งแต่ปลายยุค 50 เป็นต้นมา ทางการจีนส่งแพนด้ายักษ์ ไปยังสวนสัตว์หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น รัสเซีย ฝรั่งเศส ฯลฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและชาตินั้น ๆ จนทำให้การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่า “ทูตสันถวไมตรี”  

แต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา ทางการจีนได้ยกเลิกการให้หมีแพนด้าเป็นทูตสันถวไมตรี แต่เปลี่ยนมาใช้วิธีการให้ยืมเป็นเวลา 10 ปี พร้อมกับการจ่ายธรรมเนียมพื้นฐานปีละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีข้อกำหนดว่า “ลูกของแพนด้ายักษ์ใด ๆ ที่เกิดระหว่างการยืมนั้น ถือเป็นทรัพย์สินของสาธารณรัฐประชาชนจีน”
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา

 

จุดเริ่มต้นการดูแล "ช่วงช่วง - หลินฮุ่ย" ในประเทศไทย 

การดูแลหมีแพนด้าในประเทศไทยนั้น เริ่มจากโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2546 โดยย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2544 สมัย พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ (รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น) เดินทางไปราชการที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้เจรจาขอแพนด้าจาก ประธานาธิบดีเจียง เจ๋อ หมิน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสัมพันธ์ ไมตรีระหว่างประเทศ   

ต่อมาเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยแจ้งว่า ทางการจีนยินดีมอบแพนด้า 1 คู่ให้ประเทศไทย นับเป็นปฐมบท "หมีแพนด้า" คู่แรกบนแผ่นดินสยาม

“ช่วงช่วง - หลินฮุ่ย" ทูตสันถวไมตรีสู่เซเลบสวนสัตว์เชียงใหม่ 

ในวันที่ 12 ตุลาคม ปี 2546 ทางการจีนได้ส่ง "หมีแพนด้า" คู่แรกมายังจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อว่า “ช่วงช่วง” กับ “หลินฮุ่ย” ถือเป็นแพนด้าคู่แรกในเมืองไทย และเป็นแพนด้าคู่สุดท้าย ที่ประเทศจีนอนุมัติให้ออกนอกประเทศ โดยขณะนั้นมีแพนด้าอยู่ในประเทศต่าง ๆ เพียง 5 ประเทศเท่านั้น 

โดย “ช่วงช่วง" (ภาษาจีน: 创创, ShuangShuang) แพนด้ายักษ์เพศผู้ คู่กับ “หลินฮุ่ย” (ภาษาจีน: 林惠, Lin Hui) แพนด้ายักษ์เพศเมีย ทั้งคู่เกิดที่ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์แพนด้ายักษ์ เขตอนุรักษ์วู่หลง เมืองเฉินตู เป็นการให้แบบให้ยืมจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ในฐานะทูตสันถวไมตรีไทย-จีน เป็นเวลา 10 ปี (และมีการต่อสัญญาเมื่อครบวาระ) โดยจัดแสดงคู่กัน ซึ่งเมื่อมาอยู่ที่เชียงใหม่ ทั้งคู่ยังมีชื่อแบบล้านนาเก๋ ๆ ว่า คำอ้าย กับ คำเอื้อย อีกด้วย
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา  

การมาถึงของ "หมีแพนด้า" คู่นี้ สร้างปรากฏการณ์ความสนใจกับคนไทยเป็นอย่างมาก มีพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ โดยก่อนหน้านั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้มีการทุ่มทุนสร้างสถานที่พักและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้า ในพื้นที่ 4 ไร่ ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ก่อนจะเปิดให้ประชาชนทั่วไป เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พ.ย. 2546

การปรากฏตัวของ "ช่วงช่วง" และ "หลินฮุ่ย" ทำเกิดปรากฏการณ์ "กระแสแพนด้าฟีเวอร์" ในไทย ถึงขั้นมีการเปิดช่องถ่ายทอดสดชีวิตแพนด้าให้ชมกันตลอด 24 ชั่วโมง มีสถิติผู้เข้าชมส่วนจัดแสดงแพนด้า (ถึงเดือนสิงหาคม 2565) แล้วกว่า 7 ล้านคน
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา  

“หลินปิง” ลูกแพนด้าตัวแรกที่เกิดในประเทศไทย 

นับตั้งแต่ "ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย" มาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ประเทศไทยสามารถสร้างรายได้ และกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ไม่น้อย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป กระแสของหมีแพนด้าในประเทศไทย ก็ซาลงไปบ้างตามเวลา กระทั่งในปี 2552 เรื่องราวของ "หมีแพนด้า" กลับเป็นกระแสข่าวอีกครั้ง เมื่อมีข่าวดีว่า “หลินฮุ่ย” ตั้งท้องด้วยวิธีผสมเทียมของนักวิจัยไทย โดยใช้น้ำเชื้อของ "ช่วงช่วง"
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา  

และต่อมา วันที่ 27 พ.ค. 2552 "หลินฮุ่ย" ได้ให้กำเนิดแพนด้าเพศเมียจำนวน 1 ตัว ใน มีการประกวดตั้งชื่อลูกแพนด้าตัวนี้ว่า “หลินปิง” การเกิดของ "หลินปิง" ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นแพนด้ายักษ์ตัวประวัติศาสตร์ที่เกิดในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นแพนด้ายักษ์ตัวแรกของโลก ที่เกิดในประเทศเขตศูนย์สูตร ในเดือนนอกฤดูผสมพันธุ์ของแพนด้าอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม จากข้อกำหนดจากทางการจีนทำให้ที่สุดแล้ว สาวน้อยหลินปิง ก็อยู่ในเมืองไทยเพียงประมาณ 4 ปี ก่อนถูกส่งกลับคืนยังเมืองจีน ไปยังศูนย์วิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้า เมืองเฉิงตู เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2556 ซึ่งปัจจุบัน "หลินปิง" ยังมีชีวิตอยู่และกลายเป็นแม่แพนด้าแล้ว 
ลูกแพนด้าหลินปิง  

"ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย" กลับดาวหมี 

สำหรับการปิดตำนาน ของอดีตสองทูตสันถวไมตรี เป็นข่าวร้ายสำหรับคนรักหมีแพนด้านั้น เริ่มขึ้นในในช่วงเย็นของวันที่ 16 ก.ย. 2562 มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่า "ช่วงช่วง" ได้มานั่งกินไม้ไผ่อยู่ จากนั้นลุกเดินไปเดินมา และเริ่มเดินเซจนล้มลง ก่อนที่จะตายไป

โดยผลการชันสูตรและวินิจฉัยโรคของคณะผู้เชี่ยวชาญไทย-จีน พบสาเหตุมาจาก "ภาวะหัวใจล้มเหลว" ส่งผลให้อวัยวะภายในทั่วร่างกายขาดออกซิเจน และตายลงในอายุ 19 ปี และในวันที่ 18 เม.ย. 2566 “หลินฮุ่ย” เริ่มมีอาการป่วย และตายลงในวัย 21 ปี (ตายลงตามอายุขัย) 
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา  

เสียงวิจารณ์การรับ "หมีแพนด้า" มาดูแลในประเทศไทย 

ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการพูดถึงความพยายาม ที่จะประสานทางการจีน เพื่อขอ "หมีแพนด้า" มาดูแลอีกครั้ง หลังทูตสันถวไมตรีคู่แรก อย่าง "ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย" ได้เสียชีวิตลง แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นชัดเจน เป็นเพียงกระแสเท่านั้น

ซึ่งในกระแสดังกล่าว มีทั้งเสียงของประชาชนที่เห็นด้วยและคัดค้าน โดยเฉพาะเรื่องการใช้งบประมาณ ที่จะต้องทุ่มลงไป นอกเหนือจากจะต้องจ่ายธรรมเนียมพื้นฐานปีละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้ทางการจีนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ทั้งค่าอาหาร ค่าสถานที่ ค่าบุคลากร และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องมากมาย

ประเด็นเกี่ยวกับงบประมาณจำนวนมหาศาล ในการนำ "หมีแพนด้า" มาดูแลในประเทศไทย ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ทางการไทย นำงบประมาณเกี่ยวกับ "หมีแพนด้า" ดังกล่าว ไปดูแล "ช้างไทย" ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของชาติแทน น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะปัจจุบันยังพบว่า มี "ช้างไทย" จำนวนมาก ต้องไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในต่างประเทศไทย รวมถึงถูกทรมานไม่ได้รับการดูและอย่างเหมาะสม 
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา  

นอกจากนี้ประชาชนบางส่วนยังเห็นว่า เป็นการเสี่ยงที่จะผิดใจกับประเทศจีนและประชาชนจีน หากเกิดเหตุอะไรขึ้นกับ "หมีแพนด้า" ที่รับมาดูแล เหมือนกรณีความผิดใจกันระหว่างสองชาติ ที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ไต้หวัน และประเทศไทยจากปม "หมีแพนด้า"  

ดังนั้นจึงต้องจับตาก่อนไปว่า ที่สุดแล้วประเทศไทย โดยรัฐบาลนายเศรษฐา จะมีการนำหมีแพนด้า มาดูแลในประเทศไทยสำเร็จจริงหรือไม่ และหากเป็นจริง ไทยคนจะมีความคิดเห็นอย่างไรต่อไป..... 
คนไทยอยากได้ไหม? "หมีแพนด้า" ในประเทศไทย อีกหนึ่งของขวัญจากนายกฯ เศรษฐา

ขอบคุณข้อมูล : สวนสัตว์เชียงใหม่ , thaipbs , mgronline