ปรากฎเป็นข่าวจากวิทยุโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง กรณีที่ครูลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ จนผู้ปกครองร้องเรียนผ่านสื่อต่างๆ เพื่อฟ้องร้องเอาความผิดกับครู โดยเฉพาะในยุคข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ที่ส่งต่อข่าวกันอย่างรวดเร็ว จึงปรากฎข่าว ครูลงโทษนักเรียน บ่อยครั้ง
ล่าสุด ผู้ปกครองรายหนึ่งออกมาโพสต์ถามหาความรับผิดชอบ และความเหมาะสมของพฤติกรรมครู หลังจากคุณครูหญิงรายหนึ่งของ โรงเรียนวัดด่านสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ใช้เข็มกลัดทิ่มที่ริมฝีปากของนักเรียน ชั้น ป.2 ยกห้องรวม 36 คน จนนักเรียนเป็นแผลที่ริมฝีปาก เพียงเพราะครูเหยียบหมากฝรั่ง แล้วถามว่านักเรียนคนไหนคายทิ้ง แต่ไม่นักเรียนคนไหนยอมรับ
ล่าสุด ผอ.โรงเรียน เรียกประชุมผู้ปกครอง พร้อมแจ้งว่า ทางโรงเรียนได้สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของครูผู้ก่อเหตุ รวมถึงครูประจำชั้นให้หยุดการสอน และย้ายไปประจำสำนักงานเขตชั่วคราว พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง
ศธ. กำหนดมาตรการลงโทษนักเรียน
วันนี้ "Nation STORY" จะนำข้อมูลเรื่องการลงโทษนักเรียนมาเล่าสู่กันฟัง อย่างน้อยก็จะทำให้ครูเราได้ระมัดระวัง สำหรับที่จะลงโทษนักเรียน ต้องลงโทษให้ถูกต้องกับระเบียบที่ได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการลงโทษนักเรียนมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้นักเรียนที่ถูกครูลงโทษต้องหลาบจำและไม่ทำพฤติกรรมเช่นนั้นอีก
การลงโทษนักเรียน มุ่งหวังให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ถูกต้องดีงาม ตามที่สังคมกำหนด แนวคิดของจุดประสงค์ของการลงโทษนักเรียนยังมีอยู่ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการที่เปลี่ยนไป เพื่อต้องการให้การลงโทษเกิดประโยชน์กับสังคมและปัจเจกบุคคลมากที่สุด
ในปัจจุบัน มีการปรับเปลี่ยนวิธีการลงโทษจากวิธีที่ใช้การเฆี่ยนตี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการทำร้ายร่างกายและจิตใจ ทำให้นักเรียนเก็บกด การตัดคะแนนความประพฤติแทนการเฆี่ยนตี จึงเป็นแนวคิดของนักการศึกษาและนักจิตวิทยา การลงโทษนักเรียนนักศึกษาในยุคปัจจุบัน
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ มีระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนนักศึกษา ปี 2548 กำหนดรายละเอียดไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นการลงโทษนักเรียน ที่จะพ้นผิดหรือจะไม่ถูกผู้ปกครองฟ้องร้องความผิด ครูต้องลงโทษ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนนักศึกษาและนักศึกษา พ.ศ. 2548
ระเบียบ-กฎกระทรวง ลงโทษนักเรียน 3 ฉบับ
กระทรวงศึกษาธิการ มีระเบียบและกฎกระทรวงศึกษาธิการ 3 ฉบับ เกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา และการกําหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งประกาศใช้มาตัังแต่ปี 2548
ทั้งนี้ สาระสำคัญ คือ กำหนดโทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทําความผิด มี 4 สถาน คือ
ในการลงโทษ ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุและความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วย ซึ่งการลงโทษให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัย และความประพฤติไม่ดี ให้รู้สำนึกในความผิด และกลับมาประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป
(อ้างอิง : ราชกิจจานุเบกษา ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน และนักศึกษา พ.ศ. 2548 )
ในเวลาต่อมา ได้ออกกฎกระทรวง กําหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 และกฎกระทรวง กําหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 โดยมีสาระสำคัญ คือ นักเรียนและนักศึกษาต้องไม่ประพฤติตน ดังนี้..
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่า แม้มีการปรับเงื่อนไขและพฤติกรรมของนักเรียนที่สามารถลงโทษได้เพิ่มขึ้น แต่การลงโทษนักเรียน จะไม่ใช้ความรุนแรง หรือทำให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกายแต่อย่างใด