
เป็นประเด็นร้อนที่เหมือนจะจบแต่ก็ไม่จบ สำหรับเรื่องราวของ "ครูเวร" ที่แม้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา มีมติให้ยกเว้น ครม. เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2542 ซึ่งเป็นการแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 เม.ย. 36 เรื่องการจัดเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ ที่ระบุให้สถานที่ราชการทุกแห่ง ต้องจัดให้มีเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ หรือหน่วยงานนอกเวลา และในวันหยุดราชการตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อดูแลป้องกันความเสียหาย อันจะบังเกิดแก่สถานที่ราชการหรือหน่วยงานจากกรณีต่าง ๆ หลังเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายบุกทำร้ายครูเวรสาวที่ จ.เชียงราย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดย มติ ครม. ดังกล่าว ให้มีผลทันที และให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ให้ดียิ่งขึ้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับไปพิจารณาเพื่อสั่งการ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
ภายหลังมีมติ ครม. ดังกล่าว ทาง ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้รับลูก และพร้อมนำไปปฏิบัติทันที เบื้องต้นได้แต่งตั้งและประชุมคณะทำงาน เพื่อจัดทำแนวปฏิบัติในการจัดเวรยาม และการรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษา ที่เหมาะสมกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน
โดยอยู่ระหว่างจัดทำแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน และสอดคล้องกับแนวทางของรองนายกรัฐมนตรี และ รมว. ศธ. ที่ให้มีการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ พร้อมให้มีการประสานฝ่ายปกครอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยมาช่วยเป็นกำลังดูแลความปลอดภัย
โดยมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ขอความร่วมมือจัดเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสายตรวจ ดูแลความปลอดภัยและติดตั้งตู้แดงประจําสถานศึกษา
ด้วยกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทําแผนเสริมสร้างและแผนเผชิญเหตุเพื่อความปลอดภัย สถานศึกษา โดยกําหนดมาตรการความปลอดภัย 3 ป ประกอบด้วย การป้องกัน การปลูกฝัง และการปราบปราม เพื่อมุ่งเน้นความปลอดภัยในสถานศึกษา ส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม โดยการพัฒนา ระบบและกลไกในการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักเรียน ครู/อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาจากภัยคุกคาม ทุกรูปแบบ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครู/อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองและประชาชน
กระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การดําเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยภายในสถานศึกษา และเป็นการบูรณาการด้านความปลอดภัยให้กับบุคลากรและนักเรียนในสถานศึกษาในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ ในการป้องกัน เฝ้าระวังเหตุร้าย ภัยคุกคาม และอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้น
จึงขอความร่วมมือ หน่วยงานท่าน พิจารณาสั่งการผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัด พิจารณาสั่งการหน่วยงานในกํากับดูแล จัดเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสายตรวจ ให้เข้าไปตรวจดูแลความปลอดภัย และติดตั้งตู้แดงประจําไว้ในสถานศึกษา เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ํา ตลอดจนสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชน ทั้งนี้ หากหน่วยงานท่านสามารถดําเนินการได้ หรือมีข้อขัดข้องประการใด ขอได้โปรดแจ้งให้กระทรวงศึกษาธิการทราบเพื่อดําเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพจเฟซบุ๊ก ผู้พิทักษ์ ได้มีการโพสต์ระบุว่า โซเชียลตำรวจ เริ่มโอดครวญ ข่าว #เข้าเวรแทนครู ชี้ ตำรวจไม่ค่อยมี "เวลา" กับ "เงิน" ถ้าจะเอาเวลางานให้ตำรวจไปทำนู่นนี่ ที่ไม่ใช่หน้าที่ ก็ควรจะให้เบี้ยเลี้ยงที่เหมาะสม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย
ความเห็นของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ที่น่าจะเป็นข้าราชการตำรวจ โพสต์ข้อความคุยในกลุ่มเฟซบุ๊กว่า ถ้ามีคำสั่งลงมาจริง ๆ ก็ต้องปฏิบัติตาม แต่ก็อยากให้มองในมุมตำรวจชั้นประทวนด้วยว่า ตำรวจไม่ค่อยมี "เวลา" กับ "เงิน" ถ้าจะเอาเวลางานให้ตำรวจไปทำนู่นนี่ ที่ไม่ใช่หน้าที่ ก็ควรจะให้เบี้ยเลี้ยงที่เหมาะสม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วย
มีความเห็นค่อนข้างหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นการบ่นเชิงตัดพ้อ เช่น บ้านตัวเองแต่ให้คนอื่นรับผิดชอบ, ส่งเสริมให้ตำรวจได้ภรรยาเป็นครู แล้วย้ายไปอยู่บ้านพักครูในโรงเรียนไปเลย ปลอดภัยดี, น่าจะจัดสรรกล้องวงจรปิดสอดส่องน่าจะดีกว่า
ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างอยากหลาย อาทิ
ขอบคุณข้อมูล : เพจเฟซบุ๊ก ผู้พิทักษ์
เพจเฟซบุ๊ก พระจันทร์ ลายกระต่าย V2