เป็นเรื่องราวที่น่าร่วมยินดี และตกใจไปพร้อม ๆ กัน กรณีที่เพจเฟซบุ๊ก Ramathibodi Poison Center ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ได้โพสต์ถึงเรื่องราวการช่วยเหลือเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่เผลอหยิบ "ไซยาไนด์" ที่อยู่ในรูปแบบของ น้ำยาล้างเครื่องเงินมาดื่ม จนหมดสติเพราะพิษในน้ำยา แต่โชคดีได้รับการช่วยเหลือทันเวลาจึงรอดชีวิตมาได้ โดยระบุว่า
โพสต์นี้แอดขอเป็นตัวแทนเจ้าหน้าที่ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ชื่นชมและขอบคุณ ทีม รพ.ขุนยวม และ รพ.ศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ช่วยเหลือประสานงานการส่งตัวผู้ป่วยเด็ก ที่หมดสติและมีเลือดเป็นกรดรุนแรง จากพิษไซยาไนด์จากน้ำยาล้างเครื่องเงิน
ไซยาไนด์ยับยั้งการหายใจระดับเซลล์ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลวและอาจเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับยาต้านพิษทันเวลา การได้รับยาต้านพิษทันเวลา สำคัญต่อการกู้ชีวิตเด็กคนนี้มาก ๆ เรียกว่าทุกวินาทีมีค่า ด้วยว่าเป็นภาวะที่เกิดไม่บ่อย (ตลอดชีวิตการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์บางท่าน อาจยังไม่เคยเจอเลยด้วยซ้ำ) ยาต้านพิษนี้จึงจะไม่ได้มีในทุก รพ. แต่มีระบบการเก็บไว้ในโรงพยาบาลจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ ให้มีการส่งหรือยืมเพื่อช่วยผู้ป่วยตามระบบของโครงการยาต้านพิษ
การที่ทีมทั้งสอง รพ.ตัดสินใจให้ ทาง รพ.ขุนยวม มีแพทย์ และพยาบาลอีกสองท่านออกรถไปกับเด็ก ขณะเดียวกันทาง รพ.ศรีสังวาลย์ ก็ออกรถนำยาต้านพิษ (sodium nitrite และ sodium thiosulfate) มาพบกันครึ่งทาง และให้ยาต้านพิษบนรถพยาบาลกลางทาง แล้วรับตัวน้องเด็กไปดูแลต่อที่ไอซียู ทำให้ประหยัดเวลาและรักษาชีวิตคนไข้ได้อย่างทันท่วงที แม้เส้นทางจะคดเคี้ยวหรือทำเวลาได้ยาก แต่ด้วยการประสานพบกันกลางทางนี้ ก็ทันเวลาที่จะช่วยคนไข้ให้ฟื้นตัว และตื่นรู้ตัวเป็นปกติได้ในเวลาต่อมา
ขอบคุณที่ให้ทีมศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนไข้ในครั้งนี้
ขอบคุณที่ให้พวกเราได้เห็นตัวอย่างการประสานงานอย่างยอดเยี่ยมระหว่างหน่วยงาน
ขอชื่นชมทีมทั้งสองโรงพยาบาล พวกคุณสุดยอดมากครับ
#ขอคารวะทั้งสองทีมจากใจจริง
ปล. ไซยาไนด์พ่ายยาต้านพิษ คิดประสานนำส่งตรงเวลา จักรักษาชีวิตได้ทันควัน หากโคนันมาไทยคงตกงาน
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิษไซยาไนด์ได้ที่ ยาต้านพิษ 1
กรณีนี้ ไม่ใช้ครั้งแรกที่มี ผู้เผลอนำน้ำยาล้างเครื่องเงินมาดื่ม เนื่องจากความเข้าใจผิด โดยเมื่อช่วงเดือน เม.ย. 64 เคยมีกรณีที่ “นงค์ เชิญยิ้ม” ตลกชื่อดัง ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน จากการดื่มน้ำยาล้างเครื่องเงิน จากการเข้าใจผิดว่า เป็นน้ำเปล่า
หรือกรณี เมื่อวันที่ 1 ก.ค 65 ที่มีแม่ซื้อน้ำยาล้างเครื่องเงิน มาล้างสร้อยเสร็จ แล้วไม่เก็บทันที ต่อมามี ลูกสาววัย 1 ขวบ 9 เดือน ที่เล่นกับพ่อมาเหนื่อย ๆ คว้าดื่มแก้กระหาย ก่อนอ้วกจนต้องนำส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
ซึ่งก็จะเห็นว่า ความอันตรายของไซยาไนด์ ที่มีผสมอยู่ในน้ำยาล้างเครื่องนั้น มีความรุนแรงมาก และไม่ใช่ทุกคนที่จะรอดชีวิตไปได้
ทั้งนี้ เพจ “หมอแล็บแพนด้า” หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือ หมอแม็กซ์ นักเทคนิคการแพทย์ หัวหน้างานตรวจโรคติดเชื้อทางโลหิตวิธีอณูชีววิทยา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เคยให้ข้อมูลว่า น้ำยาล้างเครื่องเงินเป็นสารอันตรายทั้งนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนยิ่งหนัก เพราะเขาจะใส่ไซยาไนด์เข้าไปด้วย ปัจจุบันนี้ส่วนประกอบ มักจะประกอบไปด้วย
Thiourea
Sulfuric acid
C12-15 pareth-9
Undeceth-7
สารพวกนี้จะมีความเป็นพิษเฉียบพลันเมื่อเข้าทางปาก มีฤทธิ์กัดกร่อน ระคายเคืองต่อผิวหนัง มีความเป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ มีข้อสงสัยว่าอาจก่อให้เกิดมะเร็ง และมีข้อสงสัยว่าอาจเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
ทำความกับไซยาไนด์
ไซยาไนด์ เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งมีความเป็นพิษสูง มีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ หรือเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำยาขัดเงาโลหะ น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเพชรพลอย ใช้ในอุตสาหกรรมการถลุงโลหะ ฯลฯ รวมถึงอาหารจากพืชบางชนิด
โดยเราสามารถพบไซยาไนด์ได้ในหลายรูปแบบ ได้แก่ ภาวะก๊าซ hydrogen cyanide เกิดจากการเผาไหม้สารพลาสติก polyurethane และหนังเทียม รูปแบบของแข็งหรือสารละลาย ได้แก่ potassium cyanide และ potassium cyanide solution นอกจากนี้ยังสามารถพบไซยาไนด์ได้ในธรรมชาติเช่น ในมันสำปะหลังดิบ โดยเมื่อรับประทานแล้วร่างกายจะทำการย่อยสารบางชนิดในมันสำปะหลังดิบให้เป็นไซยาไนด์เข้าสู่เซลล์ในร่างกาย ในกรณีนี้อาการแสดงของพิษจากไซยาไนด์สามารถเกิดขึ้นในเวลาหลาย ๆ ชั่วโมงหลังจากรับประทาน
เมื่อถูกสารพิษจะเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?
ผู้ป่วยมักจะเริ่มปรากฏมีอาการหลังจากได้ไซยาไนด์ภายในเวลาไม่กี่วินาที เริ่มจากปวดศีรษะ ใจสั่น หน้าแดง หมดสติ ชัก และอาจจะเสียชีวิตภายในเวลา 10 นาที ในรายที่รุนแรงน้อยกว่าจะกดการทำงานของระบบประสาทและการหายใจ
วิธีป้องกันและวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
วิธีการป้องกันคือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารไซยาไนด์ และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อสัมผัสกับสารไซยาไนด์ให้รีบลดปริมาณสารไซยาไนด์ให้เร็วที่สุด แล้วรีบมาโรงพยาบาล โดยวิธีปฏิบัติขึ้นอยู่กับวิธีที่สัมผัสกับสารไซยาไนด์
ทางการสูดดม ควรรีบออกจากพื้นที่ หากไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ควรก้มต่ำลงบนพื้น ในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ อาจจำเป็นต้องได้รับออกซิเจน แต่ไม่ควรผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก
ทางการสัมผัสผ่านผิวหนัง ถอดเสื้อผ้าของผู้ป่วยออก โดยพยายามไม่ให้ชิ้นส่วนของเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนสัมผัสกับผิวหนังของผู้ป่วยและผู้ช่วยเหลือ จากนั้นทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่
ทางการรับประทาน ให้รีบล้างปาก ไม่ควรทำการกระตุ้นให้เกิดการอาเจียน
ทางดวงตา หากสวมคอนแทคเลนส์ให้รีบถอดออก แล้วใช้น้ำสะอาดล้างตา 10 - 15 นาที
ทั้งนี้ยังไม่มีวิธีการปฐมพยาบาลอย่างเฉพาะเจาะจงกับผู้สัมผัสไซยาไนด์ ควรรีบส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที
ข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยมหิดล