svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

คดี“เเอม ไซยาไนด์” ศาลสืบพยานโจทก์ 4 ก.ค.67 "ทนายเดชา"มั่นใจหลักฐานแน่น

20 พฤศจิกายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลอาญานัดตรวจหลักฐานคดี “เเอม ไซยาไนด์” ทนายเดชา มั่นใจหลักฐานเเน่น ส่วน“ทนายพัช”เชื่อหลุดคดี เหตุไม่มีประจักษ์พยาน ด้านแม่ผู้ตายยื่นเรียกค่าเสียหาย 27 ล้านบาท ศาลนัดสอบพยานโจทก์ 4 ก.ต.67

20 พฤศจิกายน 2566 ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญ "แอม ไซยาไนด์" ล่าสุดที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์  หรือ "ก้อย เท้าแชร์" โดย น.ส.สรารัตน์ หรือ "แอม" ถูกดำเนินคดีในฐานะจำเลยที่ 1 ในความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่น ๆ ขณะที่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช  ทนายความ ตกเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ในฐานความผิดช่วยเหลือจำเลย 

ทั้งนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จำเลยที่ 1-3 ประกอบด้วย 

  • นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ อายุ 35 ปี 
  • พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 39 ปี อดีตสามีและอดีตรอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 
  • น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช อายุ 35 ปี 

ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดจากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย 

สำหรับ แอม ถูกดำเนินคดีใน ความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่น ๆ ซึ่งคดีนี้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช  ทนายความ  ตกเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ในฐานความผิดช่วยเหลือจำเลย แอม สรารัตน์ จำเลยที่ 1 ด้วย ถูกดำเนินคดี ในความผิดฐาน ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน
 

 จากกรณีที่จำเลยทั้งสามได้กระทำความผิดต่อกฎหมายต่างกรรมกัน กล่าวคือ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566 เวลากลางวัน นางสรารัตน์ จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 32 ปี ด้วยการวางแผนใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิต น.ส.ศิริพร 

โดยนำสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide) หรือ ไซยาไนด์ อันเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นสารพิษที่เมื่อบุคคลเสพรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เลือดมีภาวะความเป็นกรดสูง เกิดภาวะขาดพลังงานและออกซิเจน ส่งผลให้สมองและหัวใจขาดพลังงานและออกซิเจน อันเป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของผู้เสพรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย ทำการปลอมปนใส่ลงในอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภค ชนิดใดและปริมาณเท่าใดไม่ปรากฏชัดให้ น.ส.ศิริพร ดื่ม หรือรับประทาน หรือเสพรับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีใดไม่ปรากฏชัด แต่เป็นปริมาณที่มากพอที่ทำให้สารโพแทสเซียมไซยาไนด์ดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย น.ส.ศิริพร จนหมดสติและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา 

วันนี้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช  ทนายความ 2 จำเลยที่ได้รับการประกันตัวต้องเดินทางมาศาลตามกำหนดนัดด้วย ส่วน น.ส.สรารัตน์ หรือ "แอม ไซยาไนด์" ถูกเบิกตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง  

ด้าน น.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช จำเลยที่ 3 เปิดเผยก่อนเข้าตรวจพยานหลักฐานว่า ไม่มีความกังวลที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เบื้องต้นได้อ่านสำนวนแล้ว ยืนยันมีหลักฐานแก้ต่างและเชื่อว่าศาลจะพิจารณายกประโยชน์ให้กับจำเลย เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อม

ขณะที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายโจทก์ร่วม เปิดเผยว่า ตนเองในฐานะทนายโจทก์ร่วมวันนี้ศาลมีการนัดประชุมคดีเพื่อ ตรวจพยานหลักฐาน  กำหนดวันสืบพยาน โดยวันนี้ตนจะดูว่าจำเลยทั้ง3 จะมีพยานหรือหลักฐาน ให้ตรวจมากน้อยเพียงใดเพราะที่ผ่านมาทาง ฝ่ายอัยการมีการตรวจพยานหลักฐานไปแล้ว 8-10แฟ้ม เช่น การสั่งซื้อไซยาไนด์ การวางยาพิษ หลักฐานก่อนเกิดเหตุ วางยาขโมยกระเป๋า กล้องวงจรปิด พยานหลักฐาน ขวด รวมถึงหลักฐาน14 ศพ เชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่ค่อนข้างแน่นหนา 

ทราบว่าทางด้านจำเลยได้มีการเตรียมพร้อมในการต่อสู้ดำเนินคดีโดยยังไม่มีการรับสารภาพ  นอกจากนี้ ทางมารดาของก้อย ได้มีการสอบถามจำเลยว่า กรณีโทรศัพท์มือถือไอโฟนขณะนี้อยู่ที่ไหน เพราะถือเป็นหลักฐานสำคัญในคดี 

วันนี้ แม่ของน.ส.ศิริพร  ได้นำหลักฐานที่ระบุว่าเป็นแม่ลูกกับน.ส.ศิริพร จริงมาชี้แจงกับศาล เพื่อมาหักล้างข้อกล่าวอ้างว่าไม่ได้เป็นแม่ลูกกัน มั่นใจว่าศาลจะสามารถเอาผิดกับผู้ที่ทำให้ลูกเสียชีวิตได้ 

ตอนนี้ทนายความได้ยื่นคำร้องเรียกค่าเสียหายทางเเพ่งเกี่ยวเนื่องในคดีอาญาเป็นเงินจำนวน27ล้านบาท ซึ่งเป็นการคำนวณจากเงินเดือนรายได้และค่าเลี้ยงดูลูกของน.ส.ศิริพร

ศาลนัดสืบพยานโจทก์ปากเเรก 4 ก.ค. ปีหน้า
ในเวลาต่อมา ทนายเดชา กล่าวภายหลังตรวจพยานหลักฐานคดีแอมไซยาไนด์ โดยศาลได้นัดสืบพยานนัดแรก วันที่ 4 ก.ค. 2567 รวมทั้งหมด 25 นัด รวมพยาน88ปาก โดยวันนี้ทางจำเลยทั้งหมดได้ปฎิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด  วันนี้จำเลยทั้ง 3 ไม่ได้ยื่นพยานหลักฐานต่อศาลเพิ่มเติม ส่วนมารดาของก้อย ได้พยายามขอโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่ได้รับคืนจากแอม แต่แอมกลับเงียบเฉยซึ่งไม่ยอมเจรจา ไม่ให้เหตุผล 

ขณะที่ ทนายพัช กล่าวว่า ตนมาในหลายฐานะเป็นทนายจำเลย ทนายตัวเอง และเป็นจำเลย ได้ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะหลักฐานคัดค้านเอกสารวัตถุพยานของอัยการที่ไม่สามารถบรรยายฟ้องเรื่องข้อกล่าวหา ที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนครบองค์ประกอบของความผิดเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้ เรื่องการนำเข้าสารไซยาไนด์ในร่างกายโดยวิธีใด ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้อง

ส่วนกรณีที่แม่ของก้อยได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนเกือบ 30 ล้านบาท น.ส.ธันย์นิชา กล่าวว่า ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้แต่ ในเมื่อแอมไม่มีความผิดนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจ่าย รวมทั้งเรื่องโทรศัพท์ไอโฟนของก้อย ขอให้ทางแม่ก้อยไปติดตามเอาเองที่ สภ.บ้านโป่ง

 

logoline